หลวงปู่เมตตาสอนว่า “การทำงานนั้นควรทำด้วยจิตว่าง” แล้วท่านก็ชวนถามให้เราคิดต่อว่า “จิตว่างคืออะไร...” ขณะที่เราใคร่ครวญต่อ ท่านก็เมตตาอธิบายเพิ่มเติมไปว่า “จิตว่างคือ การว่างออกจากคำด่าและคำสรรเสริญ ไม่เอาทั้งสองฝึกทำงานเช่นนี้จะไม่เหนื่อย ยิ่งทำยิ่งจะมีกำลัง"
ในขณะนั้นข้าพเจ้าก็มาใคร่ครวญต่อตนเอง...ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ็ดแปดปี ได้ฝึกฝนตนเองทำงานเพื่อให้ก้าวข้ามบ่วงของคำสรรเสริญและคำด่า ตำหนิติเตียน
เมื่อเวลาผ่านไปใจเราก็นิ่งเย็นมากขึ้น มีสติมากขึ้น
จะว่าไปแล้ว “สติ” นี้มีความสำคัญมาก ... ชีวิตต้องดำรงด้วยสติ
“การพูดอะไร ก็ต้องพูดด้วยสติ คำพูดที่เราพูดออกมาต้องไม่ใช่คำพูดที่ทำร้ายจิตใจใคร หรือแม้แต่การเขียนก็เช่นเดียวกัน ก็เขียนในสิ่งที่ถูกต้อง เขียนผิดก็นำมาซึ่งความโกรธ ความขัดแย้ง ความไม่พอใจ”
"งานสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดยาเสพติดยังต้องทำต่อไป แม้ว่าทำไปให้ผลน้อยคนก็ดีกว่าไม่ทำ ต่อไปการทำงานนี้จะเติบโตขึ้น และจะมีการร่วมมือมาเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ชาวบ้านก็จะเข้าใจมากขึ้น มาช่วยกันมากขึ้น ถ้าเราฝึกทำงานด้วยจิตว่าง จะมีประโยชน์มาก ทำงานได้มาก
ธรรมะของท่านพุทธทาส ก็ยังทันสมัยอยู่นะ”
"การทำงานต้องรู้จักเสียสละ เสียสละมากเลยนะมาช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ ทุกคนที่มาที่นี่มาด้วยความเสียสละ ทำแบบไม่เอาหน้า"
ก่อนเริ่มทำกระบวนการในวันเสาร์ การได้ฟังธรรมจากหลวงปู่ประเสริฐอย่างยิ่งและทำให้นึกการสนับสนุนจากแม่ ในใจได้แต่สาธุ สาธุ สาธุ
หลังจากได้รับธรรมะชะโลมใจจากองค์ท่านก็ได้นำมาใคร่ครวญต่อ...
เวลาที่เราฟังเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้อาจฟังดูเหมือนง่าย แต่เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์จริง (situation) มันอาจไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด เพราะมันมีองค์ประกอบอย่างมากมาย ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะกิเลสที่อยู่ในใจเรา
ดังนั้น สติ...จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ ความหมายของคำว่ารอดในที่นี้คือ รอดจากกิเลสที่คุกคามในตัวเรา
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักในเรื่องเล่านี้การใช้ชีวิตจึงมักดำเนินไปโดยให้กิเลสนำหน้า
...
๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖