การพัฒนาผู้นําการเปลี่ยนแปลงในงานสร้างเสริมองค์กรสุขภาวะ
ดร.จิตรสุดาลมเกร ิ ียงไกร
จากสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลามีการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นเลิศดังนั้นวิธีที่จะทํา
ให้ผู้บริหารประสบความสําเร็จสูงสุดคือ ผู้บริหารต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่เพียงแต่ผู้บริหารเท่านั้นที่ต้อง
เปลี่ยนแปลงแต่หมายรวมถึงบุคลากรในองค์กรที่ต้องมีการเตรียมพร้อมและพัฒนาศักยภาพให้สามารถรับกับ
การเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ “องค์กรแห่งความสุข” หรือ Happy Workplace ถือ
เป็นแนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นการเปิดความคิดและให้ความรู้กับองค์กรต่างๆเพื่อให้หันมาใส่ใจ
เรื่อง “คุณภาพชีวิต” ของคนทํางาน ที่ครอบคลุมทั้งด้านกายใจจิตวิญญาณ และสังคมได้อย่างสมดุล โดยมี
โครงการ “ความสุข 8 ประการ” หรือ Happy 8 เป็นแนวทางสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ นําไปปฏิบัติเพื่อสร้าง
ความสุขในการทํางานตามวิถีและบริบทของตนเองได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน นอกจากนี้ยังหมายถึง
กระบวนการพัฒนาคนในองค์กรอย่างมีเป้าหมายและยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร เพื่อให้
องค์กรมีความสามารถและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง นําพาองค์กรไปสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
ดังนั้นหากองค์กรใดสนใจโครงการองค์กรสุขภาวะแนวคิดเรื่องผู้นําการเปลี่ยนแปลง (Change
Agent) มีความสําคัญที่ช่วยให้เกิดสุขภาวะองค์กรในงานต่างๆได้เพราะผู้นําการเปลี่ยนแปลงถือเป็นตัวแปร
สําคัญที่ทําให้การสร้างองค์กรแห่งความสุขประสบความสําเร็จ ทัศนคติที่ดีต่อคนในองค์กรหรือต้องมองคนใน
องค์กรในแง่บวก ผู้นําจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในองค์กร โดยต้องมีภาวะผู้นําอย่างแท้จริงและที่
สําคัญที่สุดคือ จะต้องทําให้คนในองค์กรเชื่อใจให้ได้หมายถึง ต้องมีทัศนคติระหว่างกันเป็นแบบบวก ซึ่ง
เกิดขึ้นจากการมีองค์ความรู้มีภาวะผู้นํา หากมีทัศนคติลบต่อองค์กรทุกอย่างก็ไม่สามารถบริหารองค์กรให้ดีได้
ผู้นําการเปลี่ยนแปลงในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะแต่ผู้บริหารในองค์กรแต่รวมถึงพนักงานทุกคนในองค์กร
เพราะภาวะผู้นําจําเป็นในทุกๆระดับ ไม่ใช่เน้นเฉพาะหัวหน้าเท่านั้น ลูกน้องก็จะต้องถูกสร้างให้มีภาวะผู้นํา
ด้วยผู้นําการเปลี่ยนแปลงไม่จําเป็นต้องเป็นบุคคลที่มีตําแหน่งหัวหน้าหรือผู้ที่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่นเท่านั้น
แต่ที่สําคัญกว่าก็คือผู้นําการเปลี่ยนแปลงคือผู้ที่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลเชิงบวกต่อความ
เป็นอยู่ที่ดีของผู้อื่น ของชุมชนและของสังคมโดยรวมโดยนิยามหลังนี้จึงอาจกล่าวได้ว่ามนุษย์ทุกคนมี
ศักยภาพพอที่จะเป็นผู้นําการเปลี่ยนแปลงได้
กระบวนการของการเป็นผู้นําการเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่สามารถอธิบายได้โดยง่ายเพียงแค่ดูจาก
พฤติกรรมของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้นําการเปลี่ยนแปลงยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในแง่ความ
ร่วมมือของกลุ่มคนหรือระหว่างกลุ่มคนในการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน บนฐานของค่านิยมเหมือนกัน คือการ
ทํางานเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกขึ้นแก่สังคมจากฐานความเชื่อที่ว่าผู้นําคือผู้ที่ก่อให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลง (Change Agent) และภาวะผู้นําคือการทํางานร่วมกันในลักษณะของกลุ่มบุคคลที่ต้องการให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมขึ้น ดังนั้นโครงการพัฒนาผู้นําใดๆที่มีฐานความเชื่อดังกล่าวจึงเน้นเรื่องค่านิยม
(Values) สําคัญที่ใช้เป็นฐานของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมควบคู่ไปกับการเรียนรู้ค่านิยมส่วนบุคคลเพื่อการ
เป็นผู้นําที่ดีต่อไป
ผู้นําการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) เป็นรูปแบบของผู้นํายุคใหม่ซึ่งนับว่าสอดคล้องในยุคปฏิรูปที่
มีการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตและการบริการอย่างต่อเนื่องซึ่งผู้นําจะมีความสามารถในการหยั่งรู้และ
คาดการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยํา มีความคิดชัดเจนที่นําบุคลากรไปสู่องค์กรในการเปลี่ยนแปลง ด้วย2
ศักยภาพและสมรรถนะเต็มกําลังความสามารถรวมทั้งเน้นการปฏิรูป และพลิกโฉมหรือยกเครื่ององค์กร
สนับสนุนการถ่ายโอนวัฒนธรรมแนวใหม่ มีความสามารถในการจัดการเปลี่ยนแปลงสามารถตีความเข้าใจ
เรื่องต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วมีความคิดสร้างสรรค์สามารถประยุกต์วิธีการต่างๆเพื่อให้องค์กรประสบผลสําเร็จ
ผู้นําจะมีแผนใจในโดยครอบคลุมเรื่องใหม่ๆที่เป็นเรื่องท้าทายดังนั้นองค์กรจะประสบผลสําเร็จได้มากน้อย
เพียงใดต้องเริ่มจากผู้นําที่มีความเข้มแข็ง จริงจังและใช้หลักการทํางานเป็นทีม และที่สําคัญสามารถรักษา
องค์กรให้อยู่รอดปลอดภัยโดยที่ผู้นําต้องทําตนให้เป็นผู้นําเลื่อมใสและไว้วางใจ มีจริยธรรมสร้างวิสัยทัศน์และ
ยุทธศาสตร์ในองค์กร รวมทั้งสร้างเครื่องมือ (Toolbox) เพื่อให้ประสบผลสําเร็จโดยที่ต้องเกี่ยวพันกับ
ยุทธศาสตร์และวัตถุประสงค์ขององค์กรสื่อสารให้บุคลากรเข้าใจและสร้างความแตกต่างระหว่างผู้บริหารกับ
ผู้นํา
ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลง หมายถึง ระดับพฤติกรรมของผู้บริหารที่แสดงให้เห็นในการจัดการหรือ
การทํางานที่เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงความพยายามของผู้ร่วมงานให้สูงขึ้นกว่าความพยายามที่คาดหวัง
เป็นผลให้การปฏิบัติงานเกินความคาดหวัง พัฒนาความสามารถและศักยภาพไปสู่ระดับที่สูงขึ้นโดยผู้บริหาร
แสดงบทบาททําให้ผู้ร่วมงานไว้วางใจตระหนักรู้ภารกิจและวิสัยทัศน์มีความจงรักภักดีและเป็นข้อจูงใจให้
ผู้ร่วมงานมองการณ์ไกลกว่าความสนใจของตน ซึ่งจะนําไปสู่ประโยชน์ขององค์กรและผู้นําการเปลี่ยนแปลง
ยังหมายถึงผู้นําคุณภาพที่จะต้องเป็นผู้นําการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไปสู่ความคิด
สร้างสรรค์แบบใหม่ ความคิดที่ออกนอกกรอบหรือกฎเกณฑ์เดิมเพื่อประยุกต์งานให้เกิดความก้าวหน้า
อัลเบิร์ตไอน์สไตน์กล่าวว่า “การแก้ปัญหาในเรื่องเดิมจะต้องใช้วิธีการใหม่เท่านั้นจึงจะประสบผลสําเร็จ” ถ้า
เรายังมัวย่ําอยู่กับปัญหาปัญหาเดิมๆโดยไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการมีแต่จะสะสมปัญหาไปเรื่อยๆเหมือนดินพอก
หางหมูและในที่สุดก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง การเปลี่ยนแปลงจึงต้องอาศัยผู้นําที่มีความกล้า
หาญและอาศัยความเสี่ยง
ปัจจุบันองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างก็มีการปรับตัวกันอย่างขนานใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงภายใน
องค์กรไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างของสายงาน ปรับลดจํานวนพนักงาน ปรับหน้าที่ความรับผิดชอบงาน มี
การตื่นตัวในเรื่องของการใช้เครื่องมือในการบริหารและวัดผลในหลายๆแบบ มีการกําหนดแผนงานและ
เป้าหมายของการทํางานแต่ละฝ่ายงานไปจนถึงแต่ละบุคคลไปจนถึงการใช้ระบบการจ่ายผลตอบแทนแบบ
Pay for performance เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลกระทบต่อพนักงานในองค์กรทุกระดับ
โดยเฉพาะในแง่ของความรู้สึกถึงความมั่นคงในอาชีพงานที่ทําอยู่จนบางครั้งเกิดความไม่แน่ใจ เกิด
ความเครียดมีการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทั้งต่อหน้าและลับหลังขาดความร่วมมือฯลฯสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้
ย่อมส่งผลเสียหายต่อองค์กรเป็นอย่างยิ่งความจําเป็นของผู้บริหารหรือหัวหน้างานในทุกระดับ จึงมีบทบาทที่
สําคัญที่จะนําทีมงานของตนเองไปสู่ความสําเร็จภายใต้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และนี่คือความท้าทายใน
อนาคตของผู้นําที่จะต้องเผชิญ
การที่ผู้นําจะสามารถสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งได้ตลอดไปนั้น จะยึดแนวคิดทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งเป็น
หลักในการบริหารจัดการตลอดไปคงเป็นไปไม่ได้เนื้อหาของการจัดการบางอย่างก็ไม่สามารถนําไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ได้ทุกสถานการณ์บางทีเนื้อหาที่พูดถึงล้าสมัยไปแล้วแต่แนวคิดของภาวะผู้นําแห่งการปรับเปลี่ยน
(Transformational Leaderships) สามารถนําไปประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้
เพราะเนื้อหาของการจัดการความเปลี่ยนแปลงเฉพาะเรื่องสามารถเก็บไว้ใช้ในวันหน้าได้โดยมีหลักที่ว่าความ
จริงสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใดถ้าผู้นํามี
ความสามารถในการพัฒนาความคิดการปลูกฝังค่านิยมการเสริมพลังในทางสร้างสรรค์และการตัดสินใจได้3
เมื่อนั้นผู้นําก็จะสามารถสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งขึ้นได้จากการสอนให้ผู้อื่นทําตามเขาสิ่งหนึ่งที่ควรจําไว้คือ
ผู้คนที่ประสบความสําเร็จนั้นต้องผจญกับความเปลี่ยนแปลงซ้ําแล้วซ้ําเล่าและสิ่งที่คนเหล่านี้ทําก็เพื่อ
ก่อให้เกิดองค์กรแห่งชัยชนะ
ผู้นําแห่งการปรับเปลี่ยน หรือผู้นําเชิงปฏิรูปจะพยายามเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กรจากสภาวะหรือ
วัฒนธรรมหนึ่ง ไปเป็นสภาวะหรือวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งความเป็นผู้นําเชิงปฏิรูปจะเกี่ยวพันกับความเป็น
ผู้นําเชิงบารมีสูงมากเพราะว่าผู้นําเชิงปฏิรูปจะสร้างความรู้สึกของความไว้วางใจและความศรัทธาที่เข้มแข็ง
ดังนั้นเขาสามารถกระตุ้นการปฏิรูปหลายอย่างภายในวัฒนธรรมขององค์กรได้ผู้นําเชิงปฏิรูปจะปฏิบัติงานที่
สําคัญหลายอย่างผู้นําเชิงปฏิรูปจะเพิ่มความตระหนักของผู้ตามต่อปัญหาและผลที่ตามมาของปัญหาของ
องค์กรสมาชิกองค์กรจะต้องเข้าใจปัญหาที่มีลําดับความสําคัญสูงต่อองค์กรและอะไรจะเกิดขึ้นถ้าปัญหาไม่ได้
ถูกแก้ไขให้สําเร็จผู้นําเชิงปฏิรูปจะสร้างวิสัยทัศน์ของสิ่งที่องค์กรควรจะเป็น สร้างความผูกพันต่อวิสัยทัศน์นั้น
ทั่วทั้งองค์กรและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งองกรที่สนับสนุนวิสัยทัศน์องค์ประกอบที่สําคัญของ
กระบวนการปฏิรูปมีหลายอย่างคือ
(1) การสร้างวิสัยทัศน์ (Visioning) คือความสามารถของผู้นําที่จะสร้างวิสัยทัศน์หรือมองอนาคตของ
องค์กรอย่างชัดเจน การสร้างวิสัยทัศน์อาจจะมีรูปแบบมากว่าหนึ่งอย่างแทนที่จะเรียกร้องให้บุคลทุกคน
ภายในองค์กรมุ่งไปตามแผนที่เส้นทางวิสัยทัศน์ของผู้นําผู้นําเชิงปฏิรูปอาจจะพยายามให้บุคคลแต่ละคนมี
วิสัยทัศน์ของเขาเองดังที่ผู้บริหารคนหนึ่งได้กล่าวว่าผู้นํารับผิดชอบไม่เพียงแต่การมีวิสัยทัศน์เท่านั้น แต่
จะต้องรับผิดชอบกระบวนการของการสร้างวิสัยทัศน์ทั่วทั้งองค์กรอีกด้วย
(2) การสร้างค่านิยม (Valuing) คือผู้นําจะกําหนดค่านิยมพื้นฐานของการปฏิรูปองค์กรขึ้นมาค่านิยม
เหล่านี้จะถูกใช้เป็นแบบจําลองโดยผู้นําและได้ถูกยึดถือไว้อย่างสมํ่าเสมอเมื่อผู้นําและผู้ตามมุ่งที่จะบรรลุ
วิสัยทัศน์ค่านิยม พฤติกรรมของผู้นําจะถูกรู้สึกทั่วทั้งองค์กรและมุ่งไปสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กรด้วย
(3) การถ่ายทอดและการบันดาลใจ (Articulating) คือความสามารถของผู้นําในการถ่ายทอด
วิสัยทัศน์ให้เป็นถ้อยคําเชิงปฏิบัติที่เห็นได้ชัดและมีคุณสมบัติที่เร้าใจผู้ตาม หรือทําให้พวกเขาต้องการร่วม
ทีมงาน
(4) การกระจายอํานาจและการติดต่อสื่อสาร (Empowering and Communication) หัวใจของ
ความเป็นผู้นําเชิงปฏิรูปคือความสามารถของผู้นําที่จะบันดาลความเชื่อของผู้ตามว่าพวกเขาสามารถมีส่วน
ช่วยอย่างสําคัญต่อการบรรลุวิสัยทัศน์ซึ่งจะเกี่ยวพันกับการกระจายอํานาจให้แก่ผู้ตามด้วยการให้พวกเขามี
ความรู้สึกว่าตัวพวกเขามีคุณค่าและช่วยให้พวกเขาได้ใช้ขีดความสามารถส่วนบุคคลอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเผชิญ
กับความท้าทายใหม่ๆผู้นําจะพัฒนาผู้ตามด้วยการแก้ปัญหาร่วมกัน และการมอบหมายงานซึ่งจะช่วยให้ผู้ตาม
มีความเชื่อมั่นตนเองสูงขึ้น การกระจายอํานาจจะถูกสนับสนุนด้วยความเต็มใจของผู้นําที่จะทํางานร่วมกัน
ฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าผู้นําเชิงปฏิรูป คือบุคคลที่ได้จินตนาการอนาคตขององค์กรของพวกเขา
ถ่ายทอดวิสัยทัศน์อย่างชัดเจนแก่สมาชิกขององค์กรเพื่อสร้างแรงบันดาลใจสนับสนุนแรงจูงใจที่สูงกว่า
แรงจูงใจที่สามารถคิดว่าเป็นไปได้แม้ว่าบารมีจะมีบทบาทที่สําคัญภายในกระบวนการเชิงปฏิรูป ผู้นําเหล่านั้น
จะเป็นมากกว่าหัวหน้ากองเชียร์แต่จะพัฒนาและกระตุ้นผู้ตามของพวกเขาเป็นรายบุคคลดังนั้นผู้นําเชิง
ปฏิรูปจะเกี่ยวพันกับการเพิ่มระดับของจิตสํานึกต่อความสําคัญและคุณค่าของผลลัพธ์การทําให้ผู้ตามอยู่เหนือ
ผลประโยชน์ของพวกเขาเองเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มหรือองค์กรและการยกระดับหรือการขยายขอบเขต
ความต้องการที่สําคัญของบุคคลให้กว้างขึ้น ผู้นําเชิงปฏิรูปจึงถูกอธิบายว่าเป็นบุคคลที่สามารถทําให้แรงจูงใจ4
และความตระหนักสูงขึ้นและได้รับปฏิกิริยาจากผู้ตามเช่น ความไว้วางใจความประทับใจความจงรักภักดี
และความเชื่อมั่นต่อองค์กร
ในงานองค์กรสุขภาวะนั้น หากนําแนวคิดผู้นําการเปลี่ยนแปลงมาใช้ควรใช้แนวคิดผู้นําการ
เปลี่ยนแปลงที่รวมบุคาลากรในองค์กรว่าต้องมีการพัฒนาภาวะผู้นําด้วยไม่จํากัดว่าผู้นําต้องหมายถึงผู้บริหาร
สูงสุดในองค์กรแต่เพียงอย่างเดียว หลายๆแนวคิดที่หยิบยกมาอ้างถึงในส่วนนี้บางแนวคิดอาจจะกล่าวถึงผู้นํา
ในลักษณะของผู้บริหารสูงสุดแต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถนําคุณลักษณะที่ผู้นําควรจะเป็น มาพัฒนากับ
พนักงานคนอื่นๆในองค์กรได้เช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจคือแนวคิดผู้ประกอบการสังคมซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้
ผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคมนี้อาจถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เป็นผู้นําแห่งการเปลี่ยนแปลงและยังนําแนวคิด
องค์กรสุขภาวะไปประยุกต์ใช้ในกิจการตั้งแต่ขั้นตอนการริเริ่มกิจการและในทุกๆขั้นตอนในการดําเนินการ
กิจการรวมถึงผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นรูปธรรมของกิจการที่ได้ส่งต่อความสุขไปยังผู้บริโภคอีกด้วยอย่างไรก็ตาม
ความสนใจส่วนใหญ่เน้นไปที่วิธีปรับใช้ทักษะด้านธุรกิจและการจัดการเพื่อบรรลุเป้าหมายทางสังคม
ตัวอย่างเช่น ทําอย่างไรองค์กรที่ไม่แสวงหากําไรจึงจะสามารถดําเนินกิจการที่แสวงหากําไรเพื่อสร้างรายได้
ในขณะนี้ประเด็นนี้เป็นแนวโน้มสําคัญ แต่ผู้ประกอบการสังคมสามารถถูกมองในด้านที่แตกต่างออกไป
กล่าวคือในด้านที่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นบุคคลที่มีความคิดใหม่ในการจัดการกับปัญหาสังคมที่
สําคัญ ผู้ไม่ยอมนิ่งเฉยในการดําเนินงานตามวิสัยทัศน์ของตน ผู้ที่ไม่ยอมล้มเลิกจนกว่าจะได้เผยแพร่ความคิด
ของตนให้กว้างขวางที่สุดเท่าที่จะทําได้วิธีการที่ผู้ประกอบการสังคมส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ อัน
ได้แก่วิธีการที่พวกเขาปรับเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมและการรับรู้
โดยการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจะต้องอาศัยคนที่มีความคิดสร้างสรรค์พร้อมด้วยการตัดสินใจแน่วแน่
และเจตจํานงอันมั่นคงในการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สังคมต้องการเพื่อที่จะต่อกรกับปัญหาที่หนักหนาสาหัสมี
บ่อยครั้งที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งสําคัญเริ่มต้นด้วยผู้เริ่มก่อการเพียงคนเดียวได้แก่ บุคคลหนึ่งผู้เอา
จริงเอาจังซึ่งเห็นปัญหาและมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขใหม่ๆเป็นผู้ที่ริเริ่มปฏิบัติตามวิสัยทัศน์นั้น เป็นผู้
รวบรวมทรัพยากรและสร้างองค์กรเพื่อปกป้องและเผยแพร่วิสัยทัศน์ดังกล่าวเป็นผู้อุทิศพลังงานและสมาธิอัน
แน่วแน่มั่นคงเพื่อเอาชนะแรงต่อต้านที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และเป็นผู้ปรับปรุง เสริมสร้างความเข้มแข็งและ
ขยายวิสัยทัศน์นั้นย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ จรกระทั่งสิ่งที่เคยเป็นเพียงความคิดที่ไม่ได้รับความสนใจ
กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่
ผู้ประกอบการที่ประสบความสําเร็จสูงสุดไม่จําเป็นต้องมีความมั่นใจมากกว่ายืนหยัดมากกว่า หรือมี
ความรู้มากกว่าความแตกต่างที่สําคัญคือคุณภาพของแรงจูงใจผู้ประกอบการที่ประสบความสําเร็จสูงสุดคือผู้
ที่มุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะบรรลุเป้าเหมายระยะยาวดังนั้นพวกเขาจึงมักจะใช้วิธีที่เป็นระบบมากกว่าในการแสวงหา
โอกาสคาดคะเนอุปสรรคติดตามผลและวางแผนล่วงหน้า พวกเขาคํานึงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพ
มากกว่าและมีข้อผูกพันต่อคนทํางาน และผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจหรือหุ้นส่วน และท้ายที่สุดพวกเขาให้คุณค่ากับ
สิ่งที่ต้องคํานึงถึงในระยะยาวมากกว่าผลประโยชน์ระยะสั้น
Social Enterprise หรือกิจการเพื่อสังคมคือธุรกิจหรือกิจการที่มีจุดมุ่งหมายในการแก้ไขปัญหาสงคมั
เหมือนเอ็นจีโอมูลนิธิองค์กรการกุศลฯลฯแต่มีวิธีหารายได้สร้างกําไรวางระบบมาร์เก็ตติ้งได้เหมือนธุรกิจ
ทั่วไป มองอย่างง่ายกิจการเพื่อสังคมคือการหยิบข้อดีของงานภาคธุรกิจและภาคสังคมมาผสมผสานกัน เพราะ
ถ้ามัวแต่กอบโกยกําไรสูงสุดโดยไม่สนสังคมและโลกธุรกิจก็ไม่มีทางมั่นคงอยู่ได้ยืนยาวแต่ถ้าจะมุ่งมาทํามูลนิธิ
เป็นเอ็นจีโอกันหมดความก้าวหน้าสร้างสรรค์ของการแข่งขันพัฒนาสิ่งใหม่แบบทุนนิยมก็คงไม่มีแถมยังไม่มี5
รายได้หรือแหล่งทุนมาใช้จ่ายเพื่อให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น Social Enterprise หรือกิจการเพื่อสังคมต้อง
ตั้งต้นตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างตัวว่ากิจการนี้จะเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมด้านใดและคํานึงถึงสิ่งแวดล้อมใน
ทุกๆกระบวนการดังนั้นการขับเคลื่อนของกิจการประเภทนี้จะเป็นไปเพื่อแก้ปัญหาและดูแลสิ่งแวดล้อมไป
พร้อมๆกัน
ปัจจัยสําคัญของการสร้างเสริมองค์กรสุขภาวะคือ (1) ผู้บริหารต้องรับรู้เข้าใจและสนับสนุน โดย
ผู้บริหารต้องรับรู้ว่า องค์กรแห่งความสุขคืออะไรความสุขคืออะไรและเข้าใจว่าความสุขสามารถนําไปสู่การ
สร้างประโยชน์อะไรบ้าง ที่สําคัญคือต้องทําให้ผู้บริหารสนับสนุนให้ได้ (2) ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ต้องรับรู้
เข้าใจและปฏิบัติได้จริง โดย HR ต้องรู้ว่าองค์กรคืออะไร ทรัพยากรมนุษย์คืออะไร วัฒนธรรมองค์กรคืออะไร
องค์ประกอบทั้งหมดมีความสําคัญและความสัมพันธ์เชื่อมโยง ส่งผลต่อกันอย่างไรและจะทําอย่างไรให้เกิด
องค์กรแห่งความสุขได้จริง (3) พนักงานต้องรับรู้เข้าใจและมีส่วนร่วมกิจกรรมที่จะทํา เพื่อนําไปสู่องค์กรแห่ง
ความสุขให้ทุกองค์กรมีส่วนร่วมต้องให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนร่วมเพราะการเพิ่มการมีส่วนร่วมของคนในองค์กร
คือหลักการสําคัญของแนวคิดองค์กรสุขภาวะ ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ ต้องประสานและร่วมมือร่วมใจกันเข้าใจใน
บทบาทและหน้าที่ของตนเองด้วยเหตุนี้เองทําให้การนําแนวคิดผู้นําการเปลี่ยนแปลงมาปรับใช้ในงานสร้าง
เสริมสุขภาวะองค์กรจึงมีความสําคัญมาก
การพัฒนาภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้างานถ้าจะให้ได้ผลจริง ๆ จะต้องมีการทํา
Workshop เพื่อละลายพฤติกรรมมี Role Play เพื่อให้พบกับสถานการณ์จําลอง ปรับทัศนคติและแนวทาง
ปฏิบัติเพื่อให้เกิดแนวคิดและปัญญากลับมามองตนเองหรือมองไปรอบๆตัวเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงบทบาทที่ควร
จะเป็น และปรับปรุงตนเองให้อยู่ในจุดที่สมดุลไม่ยึดติดกับแนวคิดและวิธีการเก่าๆเพราะความสําเร็จในอดีต
อาจจะไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกต้องสําหรับอนาคตแม้จะอ่านทฤษฎีมามากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีอะไรดีกว่าการได้ลองลง
มือปฏิบัติจริงดังนั้น การสัมมนาเชิงปฏิบัติจึงมีความจําเป็นสําหรับหลักสูตรการพัฒนาผู้นําการเปลี่ยนแปลง
(Change Agent) ที่ได้ผล
แนวคิดองค์กรสุขภาวะ (Happy Workplace) เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการจัดโครงการหรือกิจกรรม
ภายในองค์กร ที่สร้างเสริมให้พนักงานขององค์กรนั้นมีความสุขจากการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ
องค์กรสุขภาวะโดยปัจจัยสําคัญประการหนึ่งที่จะทําให้โครงการนี้ขับเคลื่อนไปในองค์กรได้คือการมีผู้นําการ
เปลี่ยนแปลงสนับสนุนโครงการนี้ในองค์กรผู้นําในที่นี่ไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้บริหารในองค์กรเท่านั้น แต่ยัง
หมายรวมถึงบุคลากรคนอื่นๆในองค์กรที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและนําพาองค์กรไปสู่องค์กรสุขภาวะได้การนํา
แนวคิดผู้นําการเปลี่ยนแปลงไปใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต้องเริ่มที่ทําการศึกษาทําความเข้าใจถึงความหมาย
ของผู้นําการเปลี่ยนแปลงว่าในงานสร้างเสริมสุขภาวะองค์กรนั้น ผู้นําการเปลี่ยนแปลงนั้นหมายรวมถึงบุคคล
ใดในองค์การบ้างเป็นพื้นฐานสําคัญ การพัฒนาผู้นําการเปลี่ยนแปลงมีวิธีการดําเนินการหลายวิธีไม่ว่าจะเป็น
หลักสูตรอบรมระยะสั้น หลักสูตรอบรมระยะยาว ที่จัดอบรมภายในองค์กรเอง หรือโดยการส่งบุคลากรไป
อบรมกับหน่วยงานภายนอก
ด้วยความที่ว่าองค์กรสุขภาวะ (Happy Workplace) ยังเป็นคําที่ไม่คุ้นชินนักในสังคมไทย ทําให้
หลายๆองค์กรเกิดความลังเลและไม่กล้าที่จะเริ่มต้นโครงการองค์กรสุขภาวะ หากองค์กรของท่านเป็นองค์กร
หนึ่งที่ยังไม่ได้ลงมือทําโครงการองค์กรสุขภาวะความจริงประการหนึ่งที่ท่านควรทราบคือ หลักการดําเนิน
โครงการองค์กรสุขภาวะไม่ได้แตกต่างจากการดําเนินโครงการประเภทอื่นๆดังนั้นการนําแนวคิดทฤษฎีผู้นํา
การเปลี่ยนแปลงมาใช้ในการดําเนินงานโครงการองค์กรสุขภาวะก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการนําแนวคิดทฤษฎีนี้
ไปประยุกต์ใช้กับงานอื่นๆในองค์กรจะแตกต่างก็ในเรื่องของระยะเวลาของโครงการสุขภาวะ ที่ไม่ได้มีการ6
กําหนดระยะเวลาและผลลัพธ์ที่ได้จากกิจกรรมโครงการนี้ออกมาในรูปของตัวเลขหรือตัวเงิน ผู้นําการ
เปลี่ยนแปลงในโครงการองค์กรสุขภาวะควรมีบทบาทตั้งแต่การทํางานเชิงยุทธศาสตร์เป็นผู้นํานโยบายองค์กร
สุขภาวะมาปรับใช้ให้เหมาะกับวัฒนธรรมขององค์กรของตน
กล่าวโดยสรุป การพัฒนาผู้นําการเปลี่ยนแปลงในงานองค์กรสุขภาวะ สามารถทําได้โดยวิธีการ
เหมือนกันกับการพัฒนาผู้นําการเปลี่ยนแปลงโดยทั่วไป เช่น การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันในเรื่ององค์กรสุขภาวะ
การสร้างการมีส่วนร่วมในการดําเนินงานโครงการองค์กรสุขภาวะสร้างนโยบายแผนงานโครงการองค์กรสุข
ภาวะและเป็นผู้นําในการยกระดับสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับองค์กรสุขภาวะเป็นต้น การที่จะทําให้ประเทศไทย
เป็นประเทศที่มีความสุขอย่างแท้จริงได้พวกเราจะต้องช่วยกันสร้างผู้นําการเปลี่ยนแปลงที่ดูแลพนักงาน และ
สังคมภายในองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งความสุขเป็นองค์กรที่ดีต่อสังคมไทย ประเทศไทยจึงจะน่าอยู่
เอกสารอ้างอิง
ชัยเสฏฐ์พรหมศรี. (2549). ภาวะผนู้ําองคกรย ์ ุคใหม่.กรงเทพฯ ุ : เอ็กซเปอร์เน็ท.
ทิชี่.โนเอลเอ็ม. (2542). กลไกสร้างภาวะผนู้ํา (ทรงวิทย์เขมเศรษฐ์แปล). กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี.
พิชาภพ พันธุ์แพ. (2554). ผู้นํากับการจัดการการเปลี่ยนแปลง.กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
Northhouse, P.G. (2007). Leadership: Theory and Practice. USA: Sage Publications.
ไม่มีความเห็น