กิ้งกือ
นายอานนท์ ภาคมาลี (หมอแดง)
กิ้งกือ เป็นชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลายวงศ์ มีเปลือกตัวแข็ง ลำตัวยาวแบ่งเป็นปล้อง ไม่แบ่งอกหรือท้องให้เห็น ปล้องตามลำตัวจับกันเป็นคู่ตามยาวยืดหดเข้าหากันได้ ทำให้สามารถขดตัวเป็นวงกลมได้เมื่อถูกรบกวน ปล้องแต่ละคู่จะมีขาสองคู่ ยกเว้นปล้องแรกไม่มีขา ปล้องที่สองถึงสี่มีขาเพียงคู่เดียว จำนวนขาอาจมีได้ถึงสองร้อยสี่สิบคู่ ชนิดตัวโตที่พบบ่อย ๆ
กิ้งกือ หรือสัตว์พันขา โดยมีประวัติยาวนานกว่า 400 ล้านปี กิ้งกือทุกชนิดมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ต้นไม้ในป่าเขตร้อนอาจไม่สามารถยืนต้นได้หากไม่มีกิ้งกือ ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายเศษซากพืช ใบไม้ ลูกไม้ ให้กลายเป็นแร่ธาตุอาหารกลับคืนสู่ธรรมชาติโดยมีจุลินทรีคอยช่วยเหลือ กิ้งกือทำหน้าที่นี้มายาวนานหลายล้านปี ซากพืชที่กิ้งกือกินเข้าไป ก็จะถูกถ่ายออกมาเป็นมูลก้อนเล็ก ๆ คล้ายยาลูกกลอน ที่มีทั้งจุลินทรีและสารอินทรีย์ที่ช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดิน เช่นเดียวกับมูลของไส้เดือนและหอยทาก
กิ้งกือ พบกระจายอยู่ทั่วโลก
ส่วนมากไม่กัดหรือต่อย แต่บางชนิดหลั่งสารพิษออกมาได้
กิ้งกือมีรูปร่างกลมยาว ขนาดประมาณ 30 cm. ผิวลำตัวภายนอกแข็ง
มีหลายสี แต่ส่วนใหญ่สีส้ม มีปล้องมาก แต่ละปล้องมีขา 2 คู่ พวกที่มีพิษมีต่อมหลั่งสารพิษอยู่ตลอด
2 ข้างลำตัว บางชนิดสามารถทำให้ฉีดพุ่งออกมาได้ในระยะใกล้ๆ กิ้งกือเป็นขาข้อที่อาศัยอยู่บนบก
มักพบตามใต้ก้อนหิน ในดิน และกองใบไม้ที่ร่วงทับถมกัน ชอบที่ชื้นแฉะ ชุกชุมในฤดูฝน
ออกหากินในเวลากลางคืน กิ้งกือตัวเมียวางไข่ไว้ตามพื้นดิน
ใช้เวลาฟัก 2 - 3 วัน ตัวอ่อนมี 3 ปล้อง
ขา 3 คู่ ตัวอ่อนลอกคราบ 2 - 7 วัน
จึงเป็นตัวเต็มวัยตัวเต็มวัยมีอายุนาน 1 - 7 ปี สารพิษของกิ้งกือมีไว้สำหรับป้องกันตัวเองจากศัตรู
ลักษณะเป็นของเหลวไม่มีสี พิษทำให้ผิวหนังไหม้เป็นสีเหลืองน้ำตาล
และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลภายใน 24 ชั่วโมง แผลไหม้ มีอาการปวดอยู่ประมาณ 2 วัน ทำให้เกิดการระคายเคือง ถ้าสารพิษเข้าตาอาจทำให้ตาอักเสบได้
การรักษา พิษของกิ้งกือต้องทำก่อนตะวันตกดิน
วิธีโบราณก็ทำได้โดย ใบมะกรูด ใบมะยม พริกขี้หนูตำ แล้ว ทา แต่ท่ามียาสามัญประจำบ้านแล้วก็ทำได้โดยการล้างแผลบริเวณที่ถูกกัด
แล้วใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดบริเวณที่ถูกพิษ เพื่อล้างสารพิษออก ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
หากพิษเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำอุ่นและปรึกษาจักษุแพทย์ทันที
เพิ่งทราบว่ากิ้งกือก็มีพิษนะ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปันจ้ะคุณหมอแดง
...ตอนเด็กๆกลัวมากค่ะ...กลัวที่มีขาเยอะมากๆ...