เครือข่าย สิ่งทดแทนการให้เลือด network advancement transfusion alternatives กับ นวัตกรรมแบบไทยๆ


ผมมีโอกาส  ติดตาม ความสนใจ เกี่ยวกับ ปัญหาโลหิต ผิดปกติ  และ การใช้สมุนไพรไทย ๆ  รักษาผู้ป่วย มานาน พอสมควร ใน โรงพยาบาลของรัฐ  ระดับ ต่างๆ ทั้ง  รพศ   รพ.ชุมชน  และ ระดับ รพสต ( สถานีอนามัย )

มีโอกาส รักษา ทั้งในภาคใต้ และ ภาคเหนือ  และพบว่าทางภาคเหนือ คล้ายกับว่า  มีปัญหาของโรคโลหิตมาก กว่าที่รู้สึก

ได้อ่านงานวิจัย จากเมืองจีน ในการใช้สมุนไพร กับ โรคธาลัสซีเมีย   

และสุดท้าย  มีบทความวิชาการ ในวารสารการแพทย์ Lancet 

http://www.thelancet.com/themed/transfusion-medicine

 เพิ่งรายงานการทบทวนองค์ความรู้ เกี่ยวกับ ผป
. และ ระบบการให้เลือด  

ซึ่งฝรั่ง มีแนวโน้ม จะตั้งกฎ ควบคุม การใช้เลือด คล้ายกับ ควบคุม การใช้ยาปฏิชีวนะ  ซึ่งพบว่า เป็นผลดี มีประโยชน์มากกว่า การสั่งใช้เลือดอย่างอิสระของแพทย์

และอย่างที่ ระบบการใ้ช้ยาปกิชีวนะ ที่ใหม่ และแรง  วงการแพทย์ ใน รพ.ใหญ่ จะควบคุมการสั่งใช้ ต้องมีเงื่อนไข เหมาะสม และ มีระบบติดตามตรวจสอบความเหมาะสมการใข้ยาปฏิชีวนะ  ในอดีตไม่ควบคุมการใช้พบว่า โรคเบาๆ แพทย์ ก็นิยมใช้ยาแรงๆ  ผลก็เชื้อ เชื้อโรคดื้อยาใ่หม่เร็ว

เข้าเรื่อง  กระแส  การทดแทนเลือด

เข้าใจว่า ฝรั่ง หรือ หมอหัวฝรั่ง  ยังงง เรื่อง การทดแทนเลือด ด้วย สมุนไพร


ความฝัน ความเชื่อของผม   คิดว่า ไม่นาน จากนี้ คนไทย อาจจะโชคคดี ที่จะรู้จัก การทดแทนเืลือด ด้วยสมุนไพร 

ซึ่งอาจจะมีการจัดระบบโดย สภาชาดไทย 

ทำไมสภากาชาด จัดระบบบริการโลหิต แห่งชาติ ขึ้นมาได้

แล้ว ทำไม สภากาชาดไทย จะไม่ช่วยจัดการระบบ การทดแทนโลหิตด้วยสมุนไพรแห่งชาติ ขึ้นมา

ซึ่งเป็นทางเลือกที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ใหช้ชาติบ้านเมือง ได้ทางหนึ่ง

เป็นระบบเสริม ควบคู่กับ การบริการโลหิต    รายที่จำเป็นด่วนก็ให้โลหิต  รายที่ไม่ด่วน อาจจะมีสิ่งทดแทนโลหิต แต่มีผลให้โลหิตจาง ทุเลา บรรเทา หรือ หาย


และ หวังว่า  ผู้ที่รู้ไม่เท่าถึงการณ์  มีส่วนให้ ตัดรายการ  ยาบำรุงโลหิต ออกจากบัญชียาสามัญประจำบ้านไทย  ในปี 2556 นี้  จะมีการทำความเข้าใจ  หรือ ชี้แจง เหตุผล  หรือ มีการถกเถียงทางปัญญา ของสังคมไทยว่า  

ระบบ ยาบำรุงโลหิต และ การทดแทนโลหิต แห่งชาติ  จัดการอย่างไร เหมาะสมคุ้มความเสี่ยง


เราสามารถจัดการรักษาผู้ป่วยโลหิตจางกลุ่มหนึ่งด้วย สมุนไพรไทย ในราคา ค่าใช้จ่าย ต่ำมาก  ชนิดเรียกว่า รัฐไม่ต้องอดอุดหนุน   ให้ผู้ป่วยรับภาระค่ายาเอง ยังได้    อาจไม่เกิน  50  บาท ต่อเดือน หากจัดระบบให้ดี  หรือ ให้ผู้ค้า มีกำไรระดับหนึ่ง ก็ไม่เกิน 100 บาท ต่อเดือน     

เมื่อเทียบกับ การใช้เลือดประมาณ  1000    บาท ต่อถุง   เท่ากับ การใช้สมุนไพรได้ถึง 10- 12 เดือน  และ ความเสี่ยง จากการกินยาสมุนไพรก็น้อยกว่า  และ อาจจะได้รับผลพลอยได้ดีอย่างอื่น   ไม่ต้องเสี่ยงภาวะพิษ จากการให้เลือดบ่อย   

ความรู้สมัยใหม่  เลือดสัตว์ ที่กินเข้าร่างกาย  ทานมากเกิน เป็นสารก่อมะเร็ง

                        โลหิต มนุษย์ ที่รับ ถ่ายเข้า ร่างกายเพื่อรักษาโลหิตจาง ก็เป็นพิษ เมื่อได้รับบ่อย หรือเกินปริมาณหนึ่งที่กำหนด   แล้วต้องหายามารักษาพิษ จากการได้รับโลหิต


เบื้องต้น  เราคนไทย  อาจจะ มีสิ่งดี ทดแทนการให้โลหิต  ได้ ร้อยะ 10  และอาจจะขยับเป็น ร้อยละ 30-50 ได้ หากเราคิดค้น พัฒนาระบบ เชิงรุก อย่างเหมาะสม         ตอนนี้ผมได้เริ่ม ขายฝัน และ ลงมือจัดให้ ผป.บางรายแล้ว

ระบบยาสมุนไพรทดแทนโลหิต เราตกลงกันในกลุ่มแนวหน้าผู้สนใจ ว่า เราจะช่วยกันพัฒนา ตำรับยา ขึ้นมา สัก 10  ตำรับ    และ หวัง ให้ราคาค่ายา ไม่เกิน 100 บาท ต่อเืดือน   เท่าที่คณะเรา มีฝีมือ มีปัญญาครับ

สำหรับประชาชน คนทั่วไปโปรด อดใจ รอ    การพัฒนาองค์ความรู้ และ การพัฒนาตำรับยา  

ในขณะนี้ชาติเรา  ในระดับโรงพยาบาลของรัฐ  เรามีเพียงตำรับเดียว  เท่านั้น   ซึ่งตำรับเดียวใช้ในบางรายอาจจะไม่ได้ผลดีนักทุกราย ทุกโรค ของโลหิต    และ อาจจะมีอาการข้างเคียง เชิงระบบธาตุ ในผู้ป่วยบางรายได้

เพื่อให้ผู้ป่วย และ สังคมไทยได้ประโยชน์สูงสุด จึงตั้งเป้ากันว่า น่าจะมีสัก 9-10 ตำรับ 

อย่างไรก็ตาม  9-10 ตำรับนี้ก็ต้องรอ การพิสูจน์ผล อาจจะ10  ปี   หรือ อาจย่อเหลือ 3 ปี  หาก มีความร่วมมือ ระหว่าง นักวิชาการ  คุณหมอ หัวใสใจดี   ระหว่างสถาบัน      ท่านว่า ง่าย   มีความเป็นไปได หรือไม่

หมายเลขบันทึก: 540961เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2013 12:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน 2013 12:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท