การศึกษาในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการที่รัฐบาลไทยมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการมีบทบาทสำหรับผู้เรียนตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายสิบสองปีที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ และมีผลบังคับใช้ขั้นต่ำสุดที่เก้าปี
ตามระเบียบการศึกษาจะวางไว้ที่อย่างน้อยสิบสองปีของการศึกษาขั้นพื้นฐาน กับการศึกษาที่สูงขึ้น การศึกษาขั้นพื้นฐานสามารถแบ่งออกเป็นหกปีของการศึกษาระดับประถมศึกษา กับอีกหกปีสำหรับการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็นสามปีในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นกับอีกสามปีในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนระดับชั้นอนุบาลเป็นระดับการศึกษาก่อนขึ้นชั้นประถม iรวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาขั้นพื้นฐานในช่วงระยะเวลาราว 2-3 ปีโดยขึ้นอยู่กับสถานที่ และสามารถเปลี่ยนย้ายได้ นอกจากนี้ การศึกษานอกระบบยังได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ ซึ่งทางโรงเรียนมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานการศึกษาทั่วไป
การบริหารและการควบคุมของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนจะดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการ
การจัดการศึกษาของประเทศไทยนั้นถูกมองว่าล้าหลังและล้มเลวเสมอมา[1] กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ว่า เด็กไทยมีระดับเชาวน์ปัญญา -70 ซึ่งต่ำที่สุดในทวีปเอเชีย โดยเด็กไทยภาคตะวันออกมีสติปัญญาน้อยที่สุด สูงขึ้นมาจึงเป็นภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลางตามลำดับ[2](1)
1. รายการ เวทีสาธารณะ : ขอคืนพื้นที่การศึกษา
(อันเนื่องจากกระทรวงศึกษาฯจะยุบโรงเรียนขนาดเล็ก)
1.1 รายการ เวทีสาธารณะ : ขอคืนพื้นที่การศึกษา 1
1.2 รายการ เวทีสาธารณะ : ขอคืนพื้นที่การศึกษา 2
1.3 รายการ เวทีสาธารณะ : ขอคืนพื้นที่การศึกษา 3
2. รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข พูดถึงการศึกษาไทย
ไม่มีความเห็น