จะเริ่มจากตรงไหนของช่วงชีวิตดีน่ะ มันเป็นเวลาที่นานมากเลยกับการเขียนบันทึกจนทำให้ความรู้สึกที่ท้อแท้ สิ้นหวังของฉันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมา ฟังฉันพูดแล้วดูคล้ายกับคุณยายวัย 80 ปี เลยใช่ไหม ตอนนี้ฉันอายุ 25 ปี ต้นๆ แต่ฉันได้ทำงานมาแล้ว 3 บริษัท และตกงานมาทั้งหมด 3 ครั้งและแต่ล่ะครั้งก็หลายเดือนน่ะ มันคงเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับใครหลายๆ คนเลยใช่ไหมล่ะ และทุกครั้งที่เราตกงานความกังวลก็มาหาตัวเราเองเหมือนกับเป็นเพื่อนยามเหงา
แต่เวลาฉันตกงานนี้ความรู้สึกดีใจมันมาเยอะกว่าตอนได้งานทำน่ะ อย่างเช่น
- เราสามารถนอนตื่นสายได้อย่างเต็มที่ เต็มปอดเลย ไม่ต้องกังวลว่า ตอนนี้ 6.00 น. แล้วน่ะคุณต้องตื่น
- เราสามารถมีเวลาทำในสิ่งที่ตนเองชอบได้หลายอย่าง เช่น การได้เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งเวลาเรานี้มันมีค่ามากเลยน่ะสำหรับพนักงานที่ทำงาน วันจันทร์ - วันเสาร์
- เรามีเวลาที่จะอยู่กับตัวเองมากขึ้น อยู่กับครอบครัวดูแลคนที่เรารักมากขึ้น บางครั้งอาจจะพบเจอสิ่งที่ใช่อยู่ก็ได้ (ประมาณว่าตามหาหัวใจตอนตกงาน)
แต่อย่างที่บอกล่ะว่าเราตกงาน 3 ครั้ง ยังไม่นับที่ไปสัมภาษณ์แล้วเขาไม่รับน่ะ (555) หรือรับเอกสารไปแต่ก็เงียบกริบเลย ดังนั้นมันก็มีความเจ็บปวดบ้างน่ะ โดยเฉพาะครั้งสุดท้ายนี้ เล่าให้ใครฟังแล้วฮามาก ฮาแล้วฮาอีก คือเราได้เข้าไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเรามั่นใจล่ะว่าโอเคแน่นอน ได้ตำแหน่งเท่ด้วยอ่ะ วิศวกร อยู่หน้างานน่ะจ๊ะ คอยคุมคนงานและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เงินเดือนงี้ใช่เลย ฟังแล้วดูดีใช่ไหม่ล่ะ แต่ก็เกิดสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดคิด ไปทำงานได้ 10 วัน เจ้านายยื่นซองจดหมายสีขาวให้ ไอ้เราก็หลงดีใจ นึกว่ารับเป็นพนักงานเลยไม่ต้องรอผ่านโปร ที่ไหนได้โดยปลดพนักงานอ่ะ (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ไล่ออก ฮือๆๆๆ ) ยังไม่ทันผ่านโปรเลย ปุกปุยไปซะล่ะ ซึ่งปัจจุบันตอนนี้ก็เป็นผู้ตกงานเต็มขั้น ถ้าใครยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ลองถามเราได้ว่ารู้สึกแบบไหน เพราะตอนนี้ เราถือว่าอยู่ในขั้นเทพล่ะ (555) กลายเป็น ปุกปุย 3 ครั้ง
มาดูวิธีสมัครงานของปุกปุยบ้าง
1. เดินเข้าไปหาบริษัทตรงๆ เลยพร้อมเอกสารและความรู้นิดหน่อยไว้ประดับบารมี เพราะส่วนมากมันมักสัมภาษณ์เลย คำถามมีทั้งไทยและอังกฤษน่ะจ๊ะ แล้วแต่ดวงใครดวงมัน รวมถึงมีแบบให้วางแผนการทำงานด้วยน่ะ (ซึ่งบางครั้งก็อยากถามกลับพี่เค้าเหมือนกันว่า พี่ถามไม่เกรงใจคนจบใหม่เลย ระดมคำถามมาเป็นชุด) แต่การสมัครงานแบบนี้จะดี คือ เราสามารถดูสีหน้าคนที่ถามเราว่าเค้าพอใจไหม ถ้าเค้าพอใจก็โอเค แต่ถ้านิ่งๆ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะโทรกลับไปนี้ ให้เราคิดว่าอย่าไปหวังไว้เยอะ
2. ส่งจดหมาย วิธีนี้ดูคลาสสิกแต่ปุกปุยไม่เคยใช่อ่ะ แต่คาดว่าเมื่อจดหมายถึงมือเมื่อนั้นการนัดสัมภาษณ์ก็จะมาถึงอาจจะได้เปรียบวิธีแรกอยู่บ้างตรงมีเวลาเยอะ เยอะมาก
3. ส่ง E-mail วิธีนี้เคยใช้มาแล้ว ทันสมัย สะดวก สบาย แต่ไม่สำเร็จอ่ะเพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า E-mail มันส่งถึงฝ่ายเค้าหรือยัง เพราะบางครั้ง E-mail ที่เราส่งไปนั้นอาจไปค้างใน E-mail ขยะ ดังนั้นจึงต้องมีการโทรไปถามเพื่อยืนยันน่ะจ๊ะ
4. ฝากประวัติตามเว็ปไซต์ วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งเลยที่ใช้ได้ผลจริงๆ เป็นที่นิยมและกำลังมาแรงสำหรับยุคดิจิตอลแบบนี้ เพราะใช้งานง่ายกรอกประวัติปุ๊บ สัมภาษณ์ปั๊บ ได้งานทำเลย แต่ที่สำคัญคือต้องฝากไว้สัก 3-4 เว็ปไซต์ เพื่อความง่ายในการสืบค้นหาทั้งผู้ว่าจ้างและผู้ถูกจ้าง
5. วิธีนี้วงในมาก เพราะเราก็แอบใช้มา พอใช้วิธีนี้แล้ว โอโฮ้! มันได้ผลจริงๆ นั้นคือ วิธีการแนะนำ (เราตั้งชื่อเองอ่ะ) เราจะพบได้ตามบริษัททั่วๆ ไป คือ จะมีคำถามที่ว่า ใครในบริษัทแนะนำมาครับ/ค่ะ? ซึ่งหากใครเคยใช้วิธีนี้แล้วจะรู้ว่า ความสามารถไม่ต้อง หน้าตาไม่เกียง
6. วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายล่ะ และถือว่าฮอตจริงๆ กี่ยุคกี่สมัยก็ต้องใช้วิธีนี้ ถือว่าเป็นวิธีที่มาแรงแซงข้อ 4 ไปเลยนั้นคือ การบนบานศาลกล่าว เอาล่ะถ้าใครทำมา 5 วิธีแล้วยังไม่ได้งานใส่ข้อนี้ไปในสมองได้เลย รับรองว่าได้งาน ถ้ามือใหม่อาจจะบนเบาๆ เป็นพวงมาลัย น้ำแดง แต่ถ้าระดับมือพระกาฬแบบเอาครั้งเดียวอยู่น่ะ ก็จัดชุดเต็ม หัวหมู เหล้า หรือ ซาแซ
ปล.
สำหรับบทความนี้ถือว่าเป็นการเขียนทักทายผู้ติดตามทั้ง 4 คน และแฟนคลับทุกๆคน ที่ห่างหายไปนานมาก และจะพยายามเขียนบทความจากประสบการณ์จริงออกมาให้อ่านกันอีกเรื่อยๆ (ช่วงนี้ตกงาน ถ้าใครสนใจรับปุกปุยเข้าทำงานก็ติดต่อได้หลังไมด์น่ะจ๊ะ อิอิ)
ไม่มีความเห็น