อยู่ๆ เราก็ป่วยเป็นไข้สูง ก็รู้สึกแปลกใจกับตนเอง แถมไม่มีใครมาดูแลถ้าไม่ได้บอยกับพระอาจารย์ก็คงนอนซมอยู่นาน ได้เกิดความคิดกับตนเองว่า "ไม่มีใครอยากจะแวะมาถามไถ่ดูเลยเหรอว่าแม่ครูหายเงียบไปผิดปกติ" ในใจก็ผิดหวังแต่ก็ได้ทำความเข้าใจว่า เรื่องกตัญญูสอนยาก
ทำให้นึกถึงแม่กับพ่อที่เราเป็นได้อย่างเช่นทุกวันนี้คือการบ่มเพาะเพียรสอนเราคุณงามความดีทั้งปวงที่มีอยู่ในใจเราคือเนื้อจิตวิญญาณของแม่กับพ่อที่หยั่งรากลงไป
จากวันเสาร์ผ่านไปจนวันจันทร์เหตุการณ์ทำนองเดิมเกิดซ้ำถึงสามครั้ง คือ นอนซมไข้สูงโดยลำพังไม่มีใครมาดูแล จนพระอาจารย์เอ่ยว่า "แม่ครูป่วยไม่มีใครคิดอยากจะมาดูแลเลยเหรอนี่..." ในใจตนเองก็คิดความเดิมว่า "ความกตัญญู"... จนมดแดงเป็นคนแรกที่สำนึกมาสารภาพและแม่ชีน้อยทั้งห้าและแม่ชีติ๋วมากราบขอขมา หายไปหนึ่งในใจก็คิดอีกว่า หรือกำลังเป็นแบบทดสอบอะไรบางอย่างหรือเปล่า โดยเฉพาะจิตใจคน
ครูบาอาจารย์ท่านกำลังทดสอบ...สภาวะอันละเอียด
หรือที่แน่ๆ เรานี่แหละกำลังได้รับทดสอบในการดูใจตนเองผ่านสภาวะการณ์ที่ประสบ
พอวันอังคารเดินทางไปนครพนม ช่วงที่อยู่นครพนมมีเหตุเกิดไม่ดีที่วัด เมื่อใดก็ตามที่หลวงปู่เอ่ยในฐานะลูกศิษย์จำเป็นต้องตระหนักอย่างมาก นั่นแสดงว่าเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว "จะให้ปัญหามันมากไปกว่านี้ใหญ่โตกว่านี้เหรอ" คือคำพ่อแม่ครูบาอาจารย์เอ่ย... ก็ได้แต่เอ่ะใจตนเอง แต่ได้โจทย์มาแล้วนี่จะทำอย่างไร รู้แต่ว่าเรื่องนี้ต้องดำเนินอย่างรวดเร็ว ... หาข้อมูลจากใครก็ไม่ได้ ไม่เกี่ยวไม่ใช่เรื่องของตัวเอง นี่คือสภาวะที่ได้เจอ ... เอ๊ะ หรือครูบาอาจารย์กำลังให้เราเรียนรู้เรื่องอะไร ในขณะเดียวกันตัวต้นเรื่องก็ไม่หยุดสร้างเรื่องวุ่นวายไปตามจิตที่ปรุง... ขณะที่กำลังช่วยก็มีคัวแปรแทรกซ้อนเข้ามาหลายทิศทางที่ทำให้เรื่องยุ่งเหยิงและจัดการยากยิ่งกว่าเดิม
รู้เลยว่า...นี่คือ โจทย์ที่ได้ฝึก
"จัดการอย่างไรภายใต้ความเมตตาธรรม" ...
แต่ความเมตตาที่ว่านี้ไม่ใช่สปอย ไม่ใช่การตามใจ
แต่แล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ก็จำเป็นต้องยุติเรื่องราวให้จบเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและรุนแรง หรือเกิดความเสื่อมเสียมาถึงพ่อแม่ครูบาอจารย์...เพราะเราเองก็ไม่ได้มีเวลาที่จะต้องดูเจ้าต้นเรื่องได้ตลอดเวลา คนที่สงสารเขาแล้วประณามเราก็ใช่ว่าจะได้รู้จักเขาทุกแง่ เราเสียอีกที่นำเขามาเยียวยา ภายใต้การดูแลของพระอาจารย์ และหลวงปู่ตามลำดับ...
เมื่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาชี้ทางออกเราก็ต้องน้อมรับ... เคารพนบนอบในแนวทางขององค์ท่าน ไม่ใช่ดันไม่ใช่ฝืนในเหตุผลโลกๆ มาแย้งท่าน สิ่งใดท่านแนะแล้วบอกแล้ว ตัดสินใจแล้วในฐานะลูกศิษย์ก็ต้องทำตามท่าน ...ถ้าไม่ทำตามท่าน แล้วจะเรียกว่าเป็นลูกศิษย์มีครูได้อย่างไร
บทเรียนนี้...ได้เรียนรู้อย่างมากมาย
เห็นใจตนและใจคน
ใจ...ที่แลกการเรียนรู้ด้วยใจจริงๆ
...
๑๑-๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖
ผมส่งกำลังใจให้อาจารย์นะครับ