ชื่อเรื่อง :การพัฒนาครูเพื่อแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
โดยใช้กระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
ผู้รายงาน : นางสาววราภรณ์ อนุวรรัตน์
ตำแหน่ง : ศึกษานิเทศก์
สถานที่ทำงาน
: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่
เขต 3
ปีที่รายงาน : 2556
บทสรุปของการพัฒนา
วัตถุประสงค์ของการพัฒนาครั้งนี้ เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานตามกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ผลการใช้ชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และผลการพัฒนาครูตามกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกลุ่มเป้าหมายคือ ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในปีการศึกษา 2555 ที่มีความสนใจและต้องการพัฒนาเรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน จำนวน 40 คน
เครื่องมือที่ใช้คือ ชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แบบสำรวจความต้องการในการพัฒนาตนเองสำหรับครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย แบบทดสอบความรู้ก่อน - หลังการพัฒนาเป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบประเมินผลการพัฒนาการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน แบบสอบถามความคิดเห็นของครูที่มีต่อการใช้ชุดการเรียนด้วยตนเอง แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และแบบวัดและประเมินความสามารถและทักษะ ด้านการอ่านออก เขียนได้ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ของสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ผลการพัฒนาสรุปดังนี้
1.ผลการดำเนินงานตามกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ครูที่เข้ารับการพัฒนามีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการในระดับมาก สืบเนื่องมาจากกระบวนการพัฒนาในเรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่มีกระบวนการขั้นตอนชัดเจนและการมีส่วนร่วมของครูในการร่วมกันวางแผน ปฏิบัติ นิเทศติดตาม และสะท้อนผลการปฏิบัติ สังเกตได้จากการที่ครูได้ร่วมกันในการวางแผนโดยได้สร้างข้อตกลงร่วมกัน กำหนดปฏิทินการนิเทศ ประเมินผลการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนโดยตนเอง เพื่อนครู ผู้บริหาร ทำให้ครูผู้รับการพัฒนาได้ทราบผลของการศึกษาได้ทันที และยังมีการนิเทศติดตามโดยผู้พัฒนาร่วมสังเกต และประเมินผลการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู พร้อมกันนี้ยังได้ให้ข้อเสนอแนะต่อครูผู้รับการพัฒนา
2. ผลการใช้ชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ พบว่าชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.42/89.17 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (E1 /E2 = 80/80) สืบเนื่องมาจากโครงสร้างและส่วนประกอบของชุดการเรียนด้วยตนเองมีความเที่ยงตรงตามเนื้อหา มีความครอบคลุมเนื้อหา ผ่านการทดลองใช้ ปรับปรุงแก้ไขมาเป็นลำดับมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ย ของผลการทดสอบหลังการพัฒนาโดยใช้ชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แตกต่างจากคะแนนเฉลี่ยก่อนการใช้ชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยดัชนีประสิทธิผล (E.I) = 0.71 คะแนนเฉลี่ยหลังการพัฒนาสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนการพัฒนาร้อยละ 71.49 สืบเนื่องมาจาก ชุดการเรียนด้วยตนเองที่ครูนำไปศึกษาด้วยตนเอง มีการจัดประชุมปฐมนิเทศสร้างความเข้าใจร่วมกัน และการปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละบทเรียน ผลการปฏิบัติในขั้นแรกได้รับการประเมินด้วยตนเองและเพื่อนครู เป็นการขยายความรู้สู่เพื่อนครูในโรงเรียน อีกทั้งชุดการเรียนด้วยตนเองเป็นเอกสารที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ฝึกคิด ฝึกปฏิบัติกิจกรรม สนองความต้องการของตนเอง ครูที่ใช้ชุดการเรียนด้วยตนเองในภาพรวม มีความรู้ และมีความสามารถในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพิ่มขึ้น สามารถนำความรู้ไปเผยแพร่ ถ่ายทอดแก่เพื่อนครู และคิดว่าครูภาษาไทยทุกคนต้องได้รับการพัฒนาเรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นว่ารูปแบบในการนำเสนอเนื้อหาชุดการเรียนด้วยตนเองมีความเหมาะสม และมีประโยชน์ต่อการพัฒนาทักษะทางการวิจัยสำหรับครูสอดคล้องกับลักษณะธรรมชาติในการเรียนรู้ของผู้ใหญ่
3.ผลการพัฒนาครูตามกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน พบว่า การพัฒนาครูเพื่อแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้โดยใช้กระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน สามารถพัฒนาครูให้มีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนได้ ซึ่งจากการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ปรากฏคุณภาพการปฏิบัติโดยรวมมีค่าเฉลี่ยระดับมาก เนื่องจากการจัดฝึกอบรมให้ประสบผลสำเร็จควรมีการติดตามผลโดยเริ่มตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังการฝึกอบรม เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าการฝึกอบรมนั้นเป็นประโยชน์สูงสุด เป็นการสร้างสภาวะที่ช่วยกลั่นกรองและกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติงาน จะได้ผลกว่าการอบรมไปแล้วไม่มีการติดตามผลใดๆ ซึ่งผลการนิเทศ ติดตามและประเมินผลในครั้งนี้ทำให้ ทราบถึงความสามารถในการปฏิบัติงานด้านการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน การแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบโดยใช้ชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน และการที่ครูภาษาไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ เข้าร่วมด้วยความสมัครใจและมีความต้องการที่จะพัฒนาตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยการพัฒนาครูจะเกิดผลได้นั้น ครูต้องรักที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง มีศักยภาพที่จะเรียนรู้จึงพัฒนาตนเองได้ โดยครูได้นำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้กระบวนการวิจัยอย่างจริงจังส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านออกเขียนได้มีพัฒนาการสูงขึ้นทุกรายทักษะ ซึ่งจะพบได้จากผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนในโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ในปีการศึกษา 2555 พบว่าการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยร้อยละผลสัมฤทธิ์การอ่านออก ก่อนและหลังการพัฒนามีพัฒนาการสูงขึ้นทุกรายทักษะแสดงให้เห็นว่า การวิจัยช่วยให้การพัฒนางานเป็นระบบและเป็นไปอย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งสะท้อนถึงความชัดเจน รอบคอบ และตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเกิดนวัตกรรมเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนที่สอดคล้องกับลักษณะของปัญหาการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นและนำไปใช้ได้จริง
ไม่มีความเห็น