ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ในละครตอนจบ มักจะจบลงตรงที่พระเอกและนางเอกได้แต่งงานกัน
แต่ในชีวิตจริงนั้น มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของคนสองคนที่จะเดินไปด้วยกัน
แน่นอนว่า ชีวิตคู่ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด
ไม่เป็นไปอย่างที่คิดและหวัง
อาจจะป็นเพราะ การเป็นคู่รัก เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
เราแสดงให้เห็นเพียงจุดดีดีที่ต้องการให้อีกฝ่ายประทับใจ
เมื่อมาใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าด้านดีหรือไม่ดี เราก็ต้องรับรู้
นิสัยใจคอ ความชอบไม่ชอบ ความแตกต่างในด้านต่างๆ เราก็ต้องรับรู้และพยายามยอมรับ
เราไม่เคยทะเลาะกัน แต่ทุกครั้งที่ไม่พอใจมันมักจะมาพร้อมกับความเงียบ
บ้านจะเหมือนป่าช้า คนจะเหมือนวิญญาณ มองเห็นแต่ไม่พูดคุย
เราเป็นอย่างนี้บ่อย
ผู้หญิงส่วนมากมักจะชอบคิดไปเอง คิดมาก คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง เราก็เป็นเช่นนั้น
จนวันหนึ่ง เราก็คิดว่า มันไม่ไหวแล้วนะ หากเราไม่พอใจกันบ่อยๆ คงกระทบถึงลูกแน่ๆ
สุดท้ายเราจึงพูดคุย ทำความเข้าใจ และสิ่งสำคัญคือ รู้จักปล่อยวาง
ไม่ ในหลายๆอย่าง เช่น ไม่คิดมาก ไม่คิดไปเอง ไม่รักมาก ไม่คาดหวังมาก
อีกอย่างที่ยึดถือเสมอก็คือ เขาเป็นอย่างที่เราคิดไม่ได้ นิสัยเขา เราก็เปลี่ยนไม่ได้
ดังนั้น เราจึงควรปรับที่ตัวเราเองมากกว่า เปลี่ยนที่ตัวเรา คิดได้ดังนั้นจึงสบายขึ้นค่ะ ไม่ร้อนรนเหมือนเดิม
ทุกวันนี้ จึงอยู่อย่างเป็นสุขในชีวิตคู่ของเรา ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากค่ะ
สวัสดีครับ
ความรักเป็นการทดสอบจิตใจของคนสองคนที่อยู่ใกล้ชิดกัน การวิเคราะห์ในสิ่งอีกฝ่ายหนึ่งไม่ปรารถนาเป็นสิ่งจำเป็น การหันหน้าเข้าหากันโดยใช้นิยามความหมายของน้ำเป็นคือ"เย็น"มีความจำเป็นเสมอ อย่าร้อน อย่าลืมสื่งที่เกิดจากความรักกำลังมองเราอยู่ทุกขณะ ถ้าเรามีทุกข์ ถึงแม้เขาจะอ่อนวัย แต่เขาก็รู้ว่าเรามีทุกข์ ความเงียบในบ้าน นั่นแหละสิ่งที่เขาสงสัย แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณที่แบ่งปันครับ
บางครั้งถ้าเราหรือเขา ปรับ แก้ไขอยู่ฝ่ายเดียวมันก็อาจทำให้เกิดทุกข์ได้นะค่ะ
แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างปรับเข้าหากัน มันก็ทำให้เกิดความสมดุลย์ได้คะ
ประสบการณ์ตรงค่ะ.....
ขอบพระคุณ คุณธนาและคุณกระติกนะคะ ที่ให้ข้อคิดดีดี ตอนนี้เหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว แก่แล้วค่ะ รู้สึกจะคิดถึงตัวเองน้อยลง คิดถึงคนอื่นมากขึ้น ปลงแล้วค่ะ