ดาร์จิลลิ่งค์ Darjeeling


Date 4.4.2547

 วันที่สองของการเดินทาง..หลังจากเที่ยวที่นาลันทา ราชคฤห์กันจนสบักสบอม เพราะความร้อนแล้ว ก็มุ่งหน้าต่อไปยังเมืองปัตนะหรือปาฏลีบุตรเพื่อขึ้นรถไฟไปนิวไจไปกูลี่ NewJaipaiguri เมืองสุดท้ายบนที่ราบก่อนนั่งรถบัสต่อขึ้นเขาหิมาลัย ไปยังดาร์จิลลิ่งค์ หากใครเคยดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งที่พูดถึงเมืองอมตะ ใครหลงเข้าไปเมืองนี้แล้วจะไม่มีวันแก่ อายุเป็นร้อยปีก็น่าจะได้มุขมาจากการมาเที่ยวเมืองนี้นั่นเอง ระหว่างรถวิ่งออกจากราชคฤห์ ก็เห็นภาพคนขนของด้วยสามล้อ ซึ่งน่าจะมีที่อินเดียแห่งเดียว ที่ขนกันมโหฬารแบบนี้ก็เลยเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก..ถึงปัตนะก็รอขึ้นรถไฟ ประมาณสามทุ่ม..ที่นั่งก็กระจัดกระจายกันไปตามหมายเลขเราก็ต้องดูแลกลุ่มของตัวเองที่มีพี่สาวและลูกสองคน เลยไม่ได้มองคนอื่นว่าเป็นไงกันบ้าง..รถไฟเดินทางถึงเป้าหมายในเช้าวันรุ่งขึ้น ..แล้วก็มีรถบัสเล็กมารับเดินทางขึ้นเขาดาร์จิลลิ่งค์ต่อไป 


สามล้อบรรทุกของ


 ดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) : เมืองตากอากาศ
• ดาร์จีลิ่ง ตั้งอยู่บนแนวสันเขาที่ความสูง 2,134 เมตร จากระดับน้ำทะเล รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “ราชินีแห่งขุนเขา” เป็นเมืองรีสอร์ตที่มีอากาศเย็นสบายตอลดทั้งปี และไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของเมือง ก็สามารถมองเห็นเทือกหิมาลัยทอดตัวยาวเหยียด โดยเฉพาะยอดกันเช็งจุงก้าอันสูงตระหง่านและถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวตลอดทั้งปี
• คำว่า ดาร์จีลิ่ง มีรากฐานมาจากภาษาทิเบตคือคำว่า “ดอร์เจลิง” คำว่า “ดอร์เจ” (Dorja) หมายถึง สายฟ้า คำว่า “ลิง” (ling) หมายถึง สถานที่ ดาร์จีลิ่ง จึงหมายถึง ดินแดนแห่งสายฟ้า
• ชื่อเสียงของดาร์จีลิงนั้น เป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วโลกว่า เป็นแหล่งปลูกและผลิตชาที่ดีที่สุดในโลก ก่อนที่อินเดียจะได้รับเอกราชจากอังกฤษนั้น ดาร์จีลิงเป็นรัฐอิสระที่ยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย และเคยตกอยู่ภายใต้การดูแลของสิกขิมและอังกฤษ โดยอังกฤษได้พัฒนาดาร์จีลิงให้เป็นเมืองตากอากาศ และเมืองศูนย์กลางการค้าอีกแห่งหนึ่งในทำการค้าขายกับทิเบต
• ดาร์จีลิ่งเป็นเมืองที่ผสมผสานความเจริญของโลกตะวันตกที่แผ่ขยายมาในช่วงอินเดียตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร บ้านเมืองจึงเต็มไปด้วยตึกรามและอาคารบ้านเรือนที่สร้างตามไหล่เขาในสไตล์ยุโรป แต่บรรยากาศยังคงพลุกพล่านเบียดเสียดยัดเยียดแบบอินเดีย และแซมด้วยวัดแบบทิเบตที่ประยุตก์แล้ว มีศูนย์กลางการศึกษาของชาวอังกฤษที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน
• ทอยเทรน (Toy Train) ทางรถไฟสายเล็กๆ นี้มีชื่อเต็มว่า “ดาร์จีลิ่งหิมาลายันเรลเวย์” (Darjeeling Himalayan Railway) ที่เรียกว่า ทอยเทรน เพราะเป็นรถไฟขนาดเล็กที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำแล่นบนรางเล็กพิเศษเช่นกัน จึงทำให้ดูคล้ายรถไฟของเล่น สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1879-1881 โดยใช้ระบบเครื่องจักรไอน้ำ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในทางรถไฟภูเขาเพียงไม่กี่เส้นทางของอินเดียที่ยังเปิดให้บริการอยู่แล่นระหว่างดาร์จีลิ่งไปยังเมืองสิลิกูริ และองค์การยูเนสโกยังได้ประกาศให้ทางรถไฟสายดาร์จีลิ่งหิมาลายันเรลเวย์นั้นเป็นมรดกโลกอีกด้วย




บรรยากาศระหว่างเดินทางขึ้นเขา..นั่งด้านซ้ายจะเห็นวิวด้านข้าง..ต้องใช้เวลาในการเดินทางราวหกชั่วโมง เพราะเป้าหมายอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณหมื่นฟุต..ไปเห็นครั้งแรกนึกว่าเป็น การ์ตูนในแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เพราะยอดเขาทะลุเมฆขึ้นไปบนท้องฟ้า..


มีการแวะทานชากันระหว่างทาง เลยเก็บภาพให้ลูกชายไว้ดูเล่น อากาศตรงกันข้ามกับข้างล่าง แถวพุทธคยามากกก..


ถึงดาร์จิลลิ่งค์เกือบทุ่ม แล้วก็เช็คอินเข้าโรงแรมค่ำพอดี..

 

ลูกชายของลุงกีรี ครอบครัวชาวเนปาลที่รู้จักกันมาสามสิบปีแล้ว แวะมาหาที่โรงแรม เรารู้จักกันตั้งแต่เป็นเด็กชื่อ "Madan" ทักทายกันเสร็จแล้ว ก็ลงมาทานข้าวที่ห้องอาหารข้างล่าง 


 

บรรดาคุณป้าและคุณแม่ลุงกีรีที่เคยมาเที่ยวเมืองไทยก็แวะมาหาที่โรงแรม..

ที่นี่..กลางคืน เขาไม่ออกไปไหนกันเพราะข้างนอกอากาศเย็นจัดมาก นัดหมายกันพรุ่งนี้ไปเที่ยวไทเกอร์ฮิลล์เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นในเช้ามืด เมืองไม่มีแดดก็อยากเจอแดด..นี่แหละคนเรา

At Tiger Hill

สองพี่น้องระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้น..นานๆจะเห็นหยอกกัน นอกนั้นทะเลาะกันประจำ..



ฟ้าไม่เปิด พระอาทิตย์ไม่มา



คำสำคัญ (Tags): #darjeeling
หมายเลขบันทึก: 533875เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2013 17:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2013 10:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อยากได้คำอธิบายค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ  

ที่ไหนค่ะ สวยจังค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท