จากการศึกษาเรียนรู้เรื่องเกษตรชีววิถีและเกษตรอินทรีย์ ทำให้ได้มีโอกาสเรียนรู้และร่วมงานกับ อ.รังสรรค์ กันธิยะ ผู้พลิกผันชีวิตตนเองจากข่าราชการครู สู่การเป้็นเกษตรกรผู้ปลูกผักอินทรีย์ ด้วยความเชื่ือว่า อาชีพเกษตรสามารถสร้างความมั่นคงได้ และปราถนาจะปฏิบัติด้วยตนเอง นับจากระยะเวลากว่าห้าปีที่ร่วมงานกับ อ.รังสรรค์ ดิฉันได้มีโอกาสเรียนรู้้วิธีคิดและการใช้ชีวิตของผู้ท่ีเชื่อในอุดมการณ์และพยายามฟันฝ่าอุปสรรคปัญหา พร้อมชักนำช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตเกื้อกูล จนสามารถสร้างกลุ่มเกษตรอินทรีย์แม่วางได้ประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับในวงกว้าง จึงอยากแบ่งปันเรืืองราวดังนี้
อ.รังสรรค์ กันธิยะ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 7 บ้านริมวาง ตำบลบ้านกาด อำเภอแม่วาง จังหวัด
เชียงใหม่ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการสอนคณิตศาสตร์ มีบุตร 222 คน เดิมประกอบอาชีพรับราชการครู อยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และได้ย้ายมารับราชการที่อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2551 ได้เข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดและกลับมาพักในหมู่บ้านซึ่งเป็นบ้านเกิด ในระหว่างนี้ได้ลงสมัครรับเลือกเป็นประธานสภา อบต.ตำบลบ้านกาด อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
การที่เติบโตมาจากครอบครัวเกษตรกร จึงมีความรักในงานด้านการเกษตร ดังนั้นเมื่อครั้งรับราชการครูจึงรับภาระสอนทั้งวิชาคณิตศาสตร์และวิชาเกษตรกรรม ทำให้มีโอกาสได้รับการศึกษาอบรมดูงานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร การได้พบเห็นแบบอย่างเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในขณะเดียวกันพบว่า เกษตรกรจำนวนมากในหมู่บ้านประสบปัญหาหนี้สินจากการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวเพื่อการค้า และมีปัญหาสุขภาพเพราะการใช้สารเคมีเพื่อการเกษตร ประกอบกับสภาพสิ่งแวดล้อมชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมโทรม แหล่งอาหารธรรมชาติมีจำนวนน้อยลงและความปลอดน้อยลง เยาวชนในหมู่บ้านละทิ้งจากภาคเกษตรสู่ภาคบริการ ขาดความรู้ด้านการเกษตร หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ชนิดพันธุ์ต่างๆเริ่มสูญหาย ทั้งหมดนี้ทำให้คิดอยู่เสมอว่า หากมีโอกาสจะทุ่มเททำการเกษตรปลอดภัยให้สำเร็จ เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่เกษตรกรในหมู่บ้าน
ครั้นได้เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด จึงตัดสินใจแสวงหาความรู้ด้านการเกษตรเพิ่มเติมและตัดสินใจทำการเกษตรปลอดภัยแบบชีววิถีในพื้นที่ 3 ไร่ โดยจัดแบ่งพื้นที่ 1.5 ไร่ สำหรับทำนาข้าวและ 1.5 ไร่สำหรับปลูกพืชหมุนเวียนประเภทต่างๆ จำนวนกว่า 20 ชนิด ผลการดำเนินงานระยะแรกๆ ต้องใช้ความพยายามในการเรียนรู้ โดยการแสวงหาความรู้จากการปฏิบัติ การสังเกตและทดลอง จนค้นพบความรู้หลายด้านเช่น การผลิตฮอร์โมนพืชหรือปุ๋ยน้ำชีวภาพจากพืชผักเหลือใช้ในครัวเรือน การใช้ปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงดิน การกำจัดวัชพืชโดยการใช้พลาสติกคลุม ฯลฯ ทั้งนี้ได้ใช้แรงงานในครัวเรือนร่วมกันทำงาน เพื่อให้ลูกใช้เวลาว่างเรียนรู้การทำงานภาคเกษตรกรรมและสร้างสัมพันธภาพในครัวเรือน
นอกจากนั้นต้องอดทนเพราะคุณภาพผลผลิตจะแตกต่างจากการใช้สารเคมี และมุมมองของเพื่อนเกษตรกรในชุมชน ต่อมาผลิตดีขึ้นโดยลำดับและสามารถรวมกลุ่มผู้ผลิตผักปลอดสารพิษอำเภอแม่วาง จำนวนกว่า 20 ครอบครัว ทำให้ตนเองและสมาชิกกลุ่มมีรายได้ประจำ จำนวนพื้นที่ 1.5 ไร่ สามารถสร้างรายได้ประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสมาชิกกลุ่มจะมีการทำบัญชีฟาร์ม วางแผนการผลิต การควบคุมคุณภาพผลผลิต การจัดการตลาด และการออมเงิน ขณะนี้หมู่บ้านริมวางได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง และเกือบทุกครัวเรือนมีการปลูกพืชผักสวนครัว
ปัจจุบันแปลงเกษตรปลอดภัยของ อ.รังสรรค์ นอกจากแหล่งรายได้และทำกิจกรรมของครัวเรือน ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของเพื่อนเกษตรกรทั้งจากภายในและนอกชุมชน รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาสถาบันต่างๆ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ให้การสนับสนุนด้านการเกษตรชีววิถี มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการปลูกพืชปลอดภัยภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงให้ อ.รังสรรค์ และกลุ่มผู้ปลูกผักปลอดภัยอำเภอแม่วาง ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 13 เชียงใหม่ ได้ส่งเสริมการทำปุ๋ยหมัก และกองทุนปุ๋ย สำนักงานสาธารณสุขอำเภออำนวยความสะดวกในการตรวจสารพิษตกค้างในพืชผัก โรงพยาบาลสันป่าตองอำนวยความสะดวกการตรวจสารพิษแก่กลุ่มเกษตรกร และจัดแบ่งพื้นที่ในโรงพยาบาลเพื่อส่งเสริมการขายพืชผักปลอดภัย
เป้าหมายอนาคตของ อ. รังสรรค์และสมาชิกกลุ่มผู้ปลูกผักปลอดภัยอำเภอแม่วางคือ การพัฒนาสู่การผลิตพืชอินทรีย์ รวมทั้งสร้างเครือข่ายผู้ผลิตพืชปลอดภัยให้มากขึ้น เพราะจากการปฏิบัติของตนและเพื่อนสมาชิกพบว่า ได้ค้นพบความสุขในชีวิตและครัวเรือน เพราะการทำเกษตรที่ชักชวนสมาชิกในครัวเรือนทำงานร่วมกันสร้างความรักความเข้าใจ และเมื่อตนเองประสบความสำเร็จก็ขยายต่อเพื่อนบ้าน เกิดเป็นการรวยความสุข รวยความดี และรวยความมีน้ำใจแบ่งปันระหว่างกัน
ไม่มีความเห็น