ในครั้งท่ีเรียนปริญญาโท ดิฉันได้เคยอ่านเอกสารท่ีมีการกล่าวถึงลุงพัฒน์ อภัยมูล เกษตรกรท่ีกล้าปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตของตนจากการเกษตรเชิงเดี่ยวเป็นการเกษตรธรรมชาติ จนถูกมองว่าเป็นคนบ้าสติไม่ดี แต่ลุงพัฒน์ ก็ยังคงเชื่อมั่นในวิถีท่ีตนเองเลือกเดิน ใช้เวลาเรียนรู้พัฒนาการจัดการเกษตรธรรมชาติด้วยตนเอง ต่อมาได้มีโอกาสรู่้จักกับลุงพัฒน์ในเวทีชุมชน และได้นำนิสิตไปศึกษาดูงานกิจกรรมชุมชนบ้านแม่ทาท่ี่ลุงพัฒน์เป้็นแกนนำ ตราบจนกระทั่งปัจจุบันยังคงได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่้่งดี ๆ จากลุงพัฒน์ จึงได้พบว่า ความสำเร็จของลุงพัฒน์ ณ วันนี้เป็นผลจากการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน มาใช้เป้็นหลักการในการดำเนินชีวิตของตนเองและครอบครัว จนสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวและมุ่งมั่นสร้างประโยชน์แก่ชุมชน จึงอยากแบ่งปันเรืืองราวลุงพัฒน์ดังนี้คะ
ลุงประพัฒน์ อภัยมูล อายุ 57 ปี จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ป .4 อยู่บ้านเลขที่ 16/1 หมู่ที่ 5 บ้านป่าน็อต ต.แม่ทา อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเครือข่ายเกษตรกรยั่งยืน 8 จังหวัดภาคเหนือ กรรมการมูลนิธิเกษตรยั่งยืนแห่งประเทศไทย
ลุงประพัฒน์ อภัยมูล ทำการเกษตรแบบยั่งยืนโดยใช้แนวทางเกษตรชีววิถี ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ซึ่งในเวลานั้นเกษตรกรส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับกระแสการเกษตรเชิงเดี่ยว ตามระบบทุนนิยมเสรีเน้นการค้าการใช้สารเคมี หากแต่เวลานั้นลุงประพัฒน์ อภัยมูล ได้ประจักษ์ถึงผลกระทบการเกษตรเชิงเดี่ยว โดยเล่าว่า ตนเองเคยปลูกยาสูบ ปลูกข้าวโพดฝักอ่อน มะเขือเทศ แต่สุดท้ายประสบภาวะหนี้สิน ปัญหาสุขภาพและดินเสื่อมโทรม ประกอบกับการทบทวนวิถีชีวิตบรรพชน ที่ดำเนินอยู่เป็นสุข ไม่มีหนี้สิน โดยไม่มีระบบเกษตรแบบทุนนิยม จึงตัดสินใจปรับระบบการเกษตรของตนเองใหม่ เริ่มจากการปลูกพืชสารพัดชนิดเพื่อการบริโภคในครัวเรือนและแบ่งขาย รวมทั้งปลูกไม้ผลเพื่อเป็นการลงทุนระยะยาวในอนาคต ช่วงเวลานั้นเพื่อนเกษตรกรในชุมชนหลายคนมองพฤติกรรม ลุงประพัฒน์ อภัยมูล ว่าเป็นเสมือนคนบ้า
ลุงประพัฒน์ อภัยมูล เริ่มต้นทำการเกษตรตามแนวคิดของตนเองในพื้นที่ 1 ไร่ 3 งานโดยการปลูกผักปลอดสารพิษขาย พร้อมทั้งเลี้ยงวัวและหมู และพยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง จากการสังเกต การอ่านและการเข้าร่วมประชุมสัมมนา จนสามารถเก็บออมรายได้ ลดรายจ่าย จนสามารถซื้อวัวเพิ่ม เป็นการสะสมทุนตามลำดับ ต่อมาสามารถซื้อที่ดินเพื่อการเกษตรเพิ่มขึ้นและขยายพื้นที่การทำเกษตรปลอดภัย ต่อมาได้รวมกลุ่มเพื่อนเกษตรกรในตำบลจำนวนกว่า 70 ครัวเรือน เป็นกลุ่มผู้ผลิตพืชปลอดภัยและเกษตรยั่งยืน สามารถส่งผลผลิตจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยมีบริษัทมารับซื้อผลผลิตในตำบล
ลุงประพัฒน์ อภัยมูล เชื่อว่า อาชีพเกษตรกรสามารถพึ่งตนเองและอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ปราศจากหนี้สิน หากมีการวางแผนการจัดการเกษตร มีความรู้และมีอำนาจต่อรอง ทั้งนี้เกษตรกรต้องไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง ดำรงตนบริหารจัดการชีวิตตามหลักศีลธรรม คือ มีความเพียร ความซื่อสัตย์ มีความเมตตาเกื้อกูลต่อเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์และสิ่งแวดล้อม การประหยัดออม ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข และถ่ายทอดอุดมการณ์ความรู้ด้านการเกษตรสู่ลูกหลาน เพื่อว่า จะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง เชื่อมั่นในอาชีพเกษตรกรรม
ด้วยความเชื่อดังกล่าว ลุงประพัฒน์ อภัยมูล จึงมอบที่ดินจำนวน 1.5 ไร่ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรกรรมแบบยั่งยืน ตำบลแม่ทา พร้อมทั้งรวมเป็นกรรมการดำเนินงานศูนย์ดังกล่าว
ปัจจุบันศูนย์ดังกล่าวเป็นแหล่งเรียนรู้อบรมแนวคิดวิธีการเกษตรแบบยั่งยืนให้แก่เกษตรกรนับพันคนต่อปี โดยมีหลักสูตรสำคัญ คือ “หลักสูตรเส้นทางเศรษฐี” มีเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร เกษตรกรรมยั่งยืน กลุ่มและเครือข่าย ธุรกิจชุมชนและตลาด บทบาทของเยาวชนและคนรุ่นใหม่ในงานพัฒนาชุมชน
ไม่มีความเห็น