เตือนคนแก่ เด็ก คนท้อง ผู้ป่วยเรื้อรัง สกัดอันตรายจากหมอกควัน แนะวิธีง่ายทำหน้ากากอนามัยใช้เอง


เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่า ในช่วงฤดูแล้ง เดือน มกราคม – มิถุนายน หลายพื้นที่ของประเทศไทย จะประสบกับปัญหาหมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็กในปริมาณมาก เนื่องจากประชาชนบางส่วนได้ทำการเผาหญ้าที่ทำการเกษตร ขยะ เศษใบไม้แห้ง ป่าไม้ เมื่อหายใจเข้าไปก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จากการติดตามปัญหาของ สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค พบว่ามีหลายจังหวัดในภาคเหนือมีคุณภาพอากาศต่ำกว่าค่ามาตรฐาน  ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจำนวนมากทั้งอาการเฉียบพลันและเรื้อรัง   

             ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายโดยตรงจากผลกระทบของฝุ่นหมอกควันมากกว่าประชาชนทั่วไป คือ  ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคปอด หลอดเลือดสมอง หอบหืด  หลอดลมอักเสบ  ถุงลมโป่งพอง โรคติดเชื้อในปอดเรื้อรัง ภูมิแพ้ รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ เด็ก คนชรา และผู้ที่ทำงานในที่โล่งแจ้ง อาการที่เกิดจากการหายใจเอาฝุ่นหมอกควันเข้าไปมีดังนี้ ผู้ที่เป็นโรคปอด  โรคหัวใจ หรือโรคหอบขั้นรุนแรง จะมีอาการอึดอัดหายใจลำบาก   ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ จะมีอาการน้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล มีผื่นคันและเจ็บคอ  ประชาชนทั่วไป หากความเข้มข้นของฝุ่นสูงมากจะมีอาการแสดงออกหลายทาง ได้แก่ ไอ หายใจติดขัด หอบหืด เคืองตา  ตาแดง จาม คัดจมูก  น้ำมูกไหล  รวมทั้งอาจมีผื่นคันทางผิวหนัง

             กรมควบคุมโรค โดย สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม มีความห่วงใยในผลกระทบสุขภาพอนามัยของประชาชนจากปัญหาหมอกควัน จึงขอให้คำแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาหมอกควัน ให้ปฏิบัติตนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพดังนี้  

1) งดการเผาขยะหรือวัสดุใด ๆ โดยเฉพาะขยะที่เป็นสารพิษ เช่น พลาสติก  ยางรถยนต์  ขยะทั่วไป  รวมทั้งงดสูบบุหรี่ที่จะเป็นการเพิ่มปัญหาควันมากขึ้น ท้องถิ่นและชุมชนต้องช่วยกันเฝ้าระวังป้องปรามมิให้ชาวบ้านเผาหญ้า หากพบมีการฝ่าฝืนให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

2) ปิดประตูหน้าต่างอาคารบ้านเรือนป้องกันฝุ่นเข้า  หากที่ไม่สามารถปิดประตูหน้าต่างได้  ให้ใช้ผ้าชุบน้ำทำเป็นม่านปิดกั้นฝุ่น โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยงถ้าไม่จำเป็นอย่าออกนอกบ้านเรือน  

3) ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอเปียกหมาด ๆ ปิดจมูกและปาก ถ้าอยู่ในบริเวณที่มีหมอกฝุ่นหนาแน่นมากให้ใช้หน้ากากกรองฝุ่น

4) หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย และการทำงานหนักที่ต้องออกแรงมาก  เพราะการหายใจเร็วในระหว่างการออกกำลังกาย  จะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณฝุ่นละอองเข้าไปมาก  

5) ให้ดื่มน้ำมาก ๆ และงดเว้นการสูบบุหรี่ในช่วงที่มีสภาพปัญหาหมอกควันปกคลุม

6) ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ควรเตรียมยาประจำตัวให้เพียงพอและอยู่ใกล้ตัวพร้อมใช้งานอยู่เสมอ สำหรับเด็ก คนชรา ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้  หอบ หืด  โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดและโรคหัวใจ จะต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ  โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการรับประทานยา การรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง และรีบปรึกษาหรือรีบไปสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันทีเมื่อมีอาการทรุดลง และพยายามหลีกเลี่ยงมิให้สัมผัสกับฝุ่นละออง และให้ใช้หน้ากากกันฝุ่น

7) ลดการใช้รถยนต์หรือใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อมิให้มลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ก่อปัญหาซ้ำเติมหรือทำให้คุณภาพอากาศแย่ลงอีก ในกรณีที่ต้องขับขี่ยานพาหนะในช่วงที่มีหมอกควันมาก ทัศนะวิสัยไม่ดี ควรเปิดไฟหน้ารถหรือยานพาหนะ และขับขี่ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ 

8) ล้างมือบ่อย ๆ และปิดคลุมอาหารไม่ให้สัมผัสกับฝุ่น

         เภสัชกรเชิดเกียรติ ให้คำแนะนำว่า ผู้ที่จำเป็นต้องใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นหมอกควันหนาแน่นเป็นอันดับแรก ได้แก่ เด็ก คนชรา ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบ หืด หัวใจ รวมทั้งผู้ที่ต้องปฏิบัติงานนอกอาคารในช่วงเวลาดังกล่าว  การใส่หน้ากากจะต้องให้กระชับแน่นกับหน้าจึงจะป้องกันได้อย่างดี และไม่ใช้หน้ากากร่วมกันเนื่องจากอาจติดเชื้อจากละอองน้ำมูกน้ำลายจากผู้สวมใส่แต่ละคน

            มีประชากรราว 1,600 ล้านคนดำเนินชีวิตอยู่โดยอาศัยป่าไม้ แต่ในทุก 1 ชั่วโมงผืนป่าของโลกลดลง 1,140 สนามฟุตบอล และใน 1 ปี ป่าไม้บนโลกหายไปเทียบเท่า 1 ใน 4 ของพื้นที่ประเทศไทย  ประชาชนควรตระหนักและมีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับป่าไม้  เพราะผืนป่ามีคุณค่ามหาศาลเกื้อหนุนทุกสิ่งจำเป็นของชีวิตของเรา  เป็นต้นน้ำหล่อเลี้ยงผู้คน ช่วยรักษาความสมบูรณ์ของดิน อีกทั้งช่วยชะลอความรุนแรงของพายุ น้ำท่วม เป็นที่อยู่ของ สัตว์  พืช และ แมลง  ให้ที่พักพิง  เป็นแหล่งอาหาร อาชีพของผู้คนที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับป่า ช่วยลดภาวะโลกร้อน เพิ่มออกซีเจน เป็นปอดสีเขียวของโลก ดังนั้นทุกคนมาร่วมมือกันอนุรักษ์ พืช ดิน และน้ำ โดยการงดเผาป่า ฟางหญ้า เพื่อลูกหลานของเราในวันหน้ากันเถอะ " ป่าไม้มีคุณ เกื้อหนุนทุกชีวิต  ห่วงลูกหลาน  ผู้ชราสักนิด  งดเผาป่าตลอดไป "  

ข้อความหลัก " งดเผาป่าและฟางหญ้า สวมหน้ากากอนามัย  ลดอันตรายจากหมอกควัน ”

กรมควบคุมโรค  ห่วงใย  อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

ที่มา http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/2555/02_28_mok.html

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags):
หมายเลขบันทึก: 529836เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2012 11:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2012 14:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท