บทความ
วิถีชีวิตคนไทยในกลันตัน
กลันตันเป็นรัฐหนึ่งซี่งอยู่ในความดูของสมาพันธรัฐมาเลเซีย แต่เดิมเคยเป็นของประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๔๕๒ ไทยต้องยอมยกรัฐเคดาห์พร้อมด้วย กลันตัน ตรังกานู และเปอร์ลิสให้กับประเทศอังกฤษ เพื่อแลกกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และเมื่ออังกฤษคืนเอกราชให้กับประเทศสมาพันธรัฐมาเลเซียเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ทั้ง ๔ รัฐจึงตกเป็นของสมาพันธรัฐมาเลเซียตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยังคงมีคนไทยติดแผ่นดินเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จากการสำรวจโดยรัฐบาลสมาพันธรัฐมาเลเซีย พบว่าในประเทศสมาพันธรัฐมาเลเซียมีคนไทยทั้งหมด ๓๑,๐๙๑ คน อยู่ในรัฐเคดาห์มากที่สุด คนไทยเหล่านี้รวมกลุ่มเป็นหมู่บ้านกระจายอยู่ตามแนวชายแดนไทยมาเลเซีย ชาวมาเลเซียทั่วไปเรียกหมู่บ้านคนไทยว่า “กำปงเชียน” (กำปง หมายถึง หมู่บ้าน เชียน หมายถึง สยามหรือไทย) คนไทยเหล่านั้นตั้งถิ่นฐานและสืบเชื้อสายมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีสัญชาติเป็นชาวมาเลเซียตามกฎหมาย ความเป็นอยู่ไม่ดีนักเนื่องจากมีการศึกษาต่ำ รายได้น้อย ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบท ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้จัดตั้งกงสุลใหญ่เพื่อดูแลคนไทยที่ตกค้างอยู่ในสมาพันธรัฐมาเลเซียและให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ชาวมาเลเซียถือว่าคนไทยเป็นคนต่างด้าวและในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้ยกฐานะเป็นสถานกงสุลใหญ่แห่งเมืองโกตาบารู
หมู่บ้านบ่อเสม็ด ตำบลเตอรือเบาะ อำเภอตูมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่มีคนไทยตั้งถิ่นฐานมาช้านาน ช่วงศตวรรษที่ ๑๘- ๑๙ เกิดปัญหาเศรษฐกิจที่เมืองสงขลาและนครศรีธรรมราช ราษฎรส่วนหนึ่งได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานและบุกรุกที่ดินเพื่อทำการเกษตรและเข้ามาปักหลักตั้งถิ่นฐาน แม้ว่ารัฐกลันตันจะตกเป็นของประเทศอังกฤษและประเทศสมาพันธรัฐมาเลเซียแล้วก็ตาม แต่คนไทยเหล่านั้นก็ไม่กลับเมืองไทยยังคงทำมาหากินและสืบเชื้อสายมาจนถึงปัจจุบัน
กลุ่มชนใดก็ตามที่มีความแตกต่างจากชนกลุ่มใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนา ความเชื่อ ภาษาหรือประเพณี ก็ได้ชื่อว่าเป็นชนกลุ่มน้อยในสังคม มักจะมีการรวมกลุ่มปฏิบัติสืบทอดวัฒนธรรมของตนไว้อย่างเหนียวแน่นเพื่อสามารถอยู่ในสังคมนั้นได้ เช่นเดียวกับคนไทยในหมู่บ้านเกาะเสม็ด ปัจจุบันการรวมกลุ่มยังสามารถดำรงเอกลักษณ์ไทยไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ทั้งด้านวิถีชีวิต ความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา การใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน การยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ทั้งยังสืบทอดอย่างเป็นกิจลักษณะแม้ว่าจะอยู่ภายใต้การปกครองของคนต่างชาติต่างศาสนาก็ตาม เช่น การบวช งานศพ งานลอยกระทง วันสงกรานต์ ประเพณีวันสารทเดือนสิบ การเชื่อกฎแห่งกรรม ทั้งการเคารพเทิดทูนพระมหากษัตริย์ไทย สิ่งเหล่านี้ยังคงปฏิบัติยึดถือกันอยู่ตลอดมา คนไทยในรัฐกลันตันยังมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมซึ่งเป็นมรดกร่วมของกลุ่มที่ได้ร่วมกันสร้างสมสืบทอด ยึดถือปฏิบัติต่อกันมาจนเป็นเรื่องปรกติวิสัย การดำเนินชีวิตคล้ายกับคนไทยทางภาคใต้ทั้งความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา วัดยังคงมีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภาษาขนบธรรมเนียมประเพณีแบบไทย ลักษณะการแต่งกายเหมือนกับคนไทยในชนบทโดยทั่วไป มีการศึกษาภาษาไทยแต่ไม่แพร่หลาย ลักษณะนิสัยไม่กระตือรือร้น ชอบอยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ชอบเคลื่อนย้ายถิ่นแม้จะถูกกดดันจากคนมาเลเซียก็ตาม
ผลกระทบด้านสังคมและวัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนไทยในสมาพันธรัฐมาเลเซียไม่แตกต่างจาก คนไทยในประเทศมากนัก ด้านสังคมประกอบด้วยหลายเชื้อชาติ มาเลเซียในท้องถิ่นนับถือศาสนาอิสลาม มาเลเซียเชื้อสายจีน มาเลเซียเชื้อสายไทยนับถือพระพุทธศาสนา เป็นสังคมชนบท พึ่งพาอาศัยกัน รักพวกพ้อง มีวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจยังคงรักษาเอกรักษ์ไทยอย่างเหนียวแน่น ทำให้ความเป็นไทยไม่เลือนหายไป ปัญหาทางด้านศาสนาคือมีพระสงฆ์น้อย ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อไปจะไม่มีพระสงฆ์ เพราะในปัจจุบัน มีพระสงฆ์เพียง ๗ รูปเท่านั้น พระสงฆ์ในสมาพันธรัฐมาเลเซียจะต้องได้รับการแต่งตั้งจากกรมศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่พระไทยจะได้รับการรับรองจากรัฐบาลมาเลเซีย จะทำให้คนไทยในมาเลเซียขาดสิ่งยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ คนไทยก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันไม่เช่นนั้นสังคมไทยในบริเวณนั้นจะสูญสิ้นไป คนไทยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม การถือครองที่ดินเฉพาะที่ตนเองมีกรรมสิทธิ์ครอบครองอยู่ไม่มีสิทธิที่จะซื้อเพิ่ม แต่หากต้องการขายก็ขายได้ กฎหมายของมาเลเซียไม่อนุญาตให้คนต่างด้านซื้อที่ดิน ผลกระทบคือ เมื่อคนเพิ่มขึ้นที่ดินเท่าเดิมคนเหล่านั้นจะขายที่ดินที่มีอยู่เพื่อแสวงหาที่อยู่ใหม่ที่ดีกว่า
แนวโน้มในอนาคต คนไทยในรัฐกลันตันหรือรัฐอื่น ๆ อาจถูกกลืนเหมือนกับคนไทยใน รัฐตรังกานู สาเหตุเพราะว่า ปัจจุบันนี้คนไทยถูกบีบจากรัฐบาลสมาพันธรัฐมาเลเซียในหลากหลายรูปแบบไม่มีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนในมาเลเซีย เพราะกฎหมายของสมาพันธรัฐมาเลเซียมีข้อห้ามสำหรับคนต่างด้าวมากมาย ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว รัฐบาลไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะให้ความสนใจ ส่งเสริมให้ มีการศึกษาในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านภาษาไทย ศาสนา วัฒนธรรม ประวัติความเป็นมาของความเป็นไทย เป็นต้น สมควรให้คนไทยมีการรวมกลุ่มพรรคการเมืองของตนเพื่อช่วยเหลือคนไทย และให้คนไทยมีการติดต่อและกลมเกลียวกันทั่วประเทศ สังเกตได้ว่าประเทศมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษมาแล้วถึง ๔๕ ปี (ปีที่เขียน) แต่ยังไม่เคยมีคนไทยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การต้องการให้คนไทยเหล่านั้นยังคงดำรงอยู่ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษไทยที่ สืบทอดมาช้านาน ทางรัฐบาลไทย กงสุลไทยในประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความสนใจบุคคลเหล่านั้นให้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยส่งเสริมให้ทุนการศึกษา ให้ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ ภาษา ศาสนา วัฒนธรรมให้รู้จักความเป็นไทยเพื่อปลุกใจให้คนเหล่านั้นเกิดความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษและรักเมืองไทย มีความเป็นชาตินิยมมากขึ้นเพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาขยายผลและเพื่อมิให้ถูกกลืนจากวัฒนธรรมอื่น ๆ
สถานที่: รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
ไม่มีความเห็น