อเมริกันปัญญาพุทธ



พีรพร พงศ์พิพัฒนพันธุ์[๑]

บทนำ

  การแพร่เข้าไปของพระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันเป็นไปอย่างกว้างขวาง แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่แยกระบบการปกครอง(รัฐ)ออกจากศาสนา(secular state) หรือศาสนาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลโดยรัฐ หากการนับถือศาสนาเป็นไปตามความนิยมเชิงปัจเจก ตามแบบอย่างจารีตอเมริกัน ซึ่งเน้นเสรีภาพในเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอเมริกันเป็นที่ตั้ง  โดยที่การปกครองไม่อิงหรือผูกพันกับการนับถือศาสนาใดๆ

ภายใต้ระบบการเปิดเสรีอเมริกันดังกล่าว ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวอย่างมากมายของกิจกรรมเชิงลัทธิหรือศาสนาต่างๆในสหรัฐฯ ซึ่งนอกเหนือไปจากพลเมืองอเมริกันแล้ว ในช่วงที่ผ่านมายังมีนักการเมืองอเมริกันที่อ้างตนเองอย่างเป็นทางการว่านับถือศาสนาพุทธรวมอยู่ในนั้นด้วย ได้แก่ สมาชิกวุฒิสมาชิก(สว.)หญิง Mazie Keiko Hirono แห่งรัฐฮาวายที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ,สมาชิกสภาคองเกรส(สส.) Hank Johnson  แห่งรัฐจอร์เจีย และสส.หญิง Colleen Hanabusa  แห่งรัฐฮาวาย ทั้งหมดสังกัดพรรคเดโมแครต พรรคเดียวกับนายบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ

ขณะที่ก่อนหน้านี้นักการเมืองอเมริกันหลายคนได้พบกับผู้นำชาวพุทธ ได้แก่ ทะไลลามะ ที่เดินทางไปสหรัฐฯบ่อยครั้ง และพบกับผู้นำทางการเมืองของอเมริกันก่อนหน้านี้ ดังมีนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช[๒] อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีบารัก โอบามา[๓] เป็นต้น นอกเหนือไปจากที่ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณของชาวทิเบตยังเคยพบสมาชิกวุฒิสภา(สว.)John McCain อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี  ,สส.หญิง Nancy Pelosi ผู้นำในสภาล่าง(คองเกรส)ของพรรคเดโมแครตที่ถึงขนาดเดินทางไปหาพระองค์ถึงธรรมศาลา รัฐหิมาจัลประเทศ  อินเดีย และในส่วนของสส. John Boehner ผู้นำเสียข้างมากในสภาคองเกรส(Speaker of  House) แห่งพรรครีพับลิกัน ก็ได้มีการพบปะกับทะไลลามะมาแล้วเช่นเดียวกัน

ไม่รวมถึงคนมีชื่อเสียงของอเมริกันอีกจำนวนมากที่หันมานับถือพระพุทธศาสนา เช่น Brad Pitt , Angelina Jolie , Jennifer Lopez  , Ron Reagan , Keanu Reeves , Richard Gere ,Steve Jobs หรือแม้กระทั่ง Steve Wynn เจ้าของคาสิโนและโรงแรม Wynn แห่งนครลาสเวกัสที่หากถือตามหลักการของหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาแล้ว ถือว่าเป็นธุรกิจบา

แม้แต่คนในครอบครัวของนายโอบามา  Maya Soetoro-Ng ซึ่งเกิดที่อินโดนีเซีย และเป็นน้องสาวต่างบิดาของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ก็แสดงตนเองว่ายอมรับนับถือพระพุทธศาสนาในเชิงการยอมรับในหลักการเชิงปรัชญา(philosophically Buddhist) เช่นเดียวกัน โดยขณะนี้  Soetoro-Ng พำนักอยู่ในรัฐฮาวาย สหรัฐฯ 

การหันมาให้ความสนใจและนับถือพระพุทธศาสนาของ Soetoro-Ng เป็นเพราะเธอได้รับอิทธิพลจากความเป็นคนเอเชีย เมื่อวัยเด็กที่เคยอาศัยในอินโดนีเซียและบรรยากาศของชุมชนคนเอเชียในรัฐฮาวาย ซึ่งที่มีคนเชื้อสายญี่ปุ่นที่นับถือพระพุทธศาสนาอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความกับความสนใจของตัวเธอเองด้วย ทั้งนี้หากมองจากฐานของความสนใจในพระพุทธศาสนาของ Soetoro-Ng  ซึ่งเป็นน้องสาวของบารักโอบามาที่เธออ้างตอนทำแคมเปญเลือกตั้งช่วยพี่ชายทั้ง ๒ ครั้งว่า “โตมาด้วยกันและมีความสัมพันธ์ฉันท์น้องพี่ที่ดีมาตลอด”แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัก โอบามา น่าจะได้รับอิทธิพลเชิงความรู้และความสนใจด้านพระพุทธศาสนาอยู่ไม่น้อย ซึ่งสามารถเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งต่อการเยี่ยมชมพุทธศาสนสถาน เนื่องในโอกาสเยือนไทยระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยที่ตัวของนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเองในเวลานั้น ก็ให้ความสนใจพระพุทธศาสนาและศาตร์ตะวันออกอยู่ไม่น้อย ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงบริบทแห่ง“โอกาสอันเหมาะสม”ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและโอกาสในการถ่ายทอดวัฒนธรรมด้านอื่นๆจากฝั่งไทยไปยังฝั่งอเมริกาก็ย่อมมีทางเป็นไปได้มาก

ความสนใจพระพุทธศาสนาในอเมริกา

  จากข้อมูลของ U-T San Diego ระบุว่า เมื่อปี ๒๕๕๕ ชาวอเมริกันที่เป็นชาวพุทธและให้ความสนใจเรื่องการปฏิบัติตามหลักการของศาสนาพุทธ มีประมาณ ๑.๒ ล้านคน โดยมีสัดส่วนเอเชียน-อเมริกันจำนวนมากกว่าคนเชื้อสายอื่น และในจำนวนนี้ ร้อยละ ๔๐ อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียภาคใต้[๔] ความสนใจในพุทธศาสนานี้ แบ่งออกเป็น ความสนใจทั้งในฝ่ายนิกายมหายานและเถรวาท ซึ่งเป็นนิมิตรหมายที่ดีอย่างยิ่งในการเชื่อมโยงโลกทั้ง 2 ซีกเข้าด้วยกัน เพราะยิ่งสังคมอเมริกัน เดินหน้าไปหาวัตถุมากขึ้นเท่าใด ส่วนของผู้ที่เล็งเห็นทุกขสัจจะ ก็ย่อมมีเพิ่มมากขึ้นไปด้วย คนอเมริกันกำลังมองหนทางที่จะแก้ปัญหาเช่นเดียวกัน เพียงแต่หลักความเชื่อ ซึ่งมีแรงส่งมาจากรากเหง้าทางด้านวัฒนธรรม ไม่เหมือนกับการมองหรือวิสัยทัศน์แบบไทยๆ

ข้อสังเกตเกี่ยวกับความสนใจต่อพุทธศาสนาของคนอเมริกัน[๕]

๑.เพื่อบำบัดความกระหายใคร่รู้ หรือมีความสนใจเฉพาะบุคคลนั้นๆ เป็นความสนใจส่วนตัว

๒.เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน อเมริกาเจริญด้วยวัตถุ แต่มีข้อบกพร่องทางด้านจิต หรือการจัดการต่อกระบวนการภายใน ซึ่งปัญหานี้คนอเมริกันได้ให้ความสนใจอย่างถึงรากเหง้าหรือแก่นของคำสอน(พุทธธรรม) วัฒนธรรมบางอย่างของอเมริกันมีส่วนต่อความเบี่ยงแบนในการตีความหลักพุทธธรรมแต่น่าจะน้อยกว่าการตีความที่อิงวัฒนธรรมของคนไทย ที่มักยึดโยงกับประเพณีและค่านิยมบางประการเข้าไว้ด้วย แม้อิทธิพลด้านวัฒนธรรมอเมริกันและความสนใจเชิงความรู้พุทธปรัชญาส่งผลต่อท่าทีการนับถือพระพุทธศาสนาของคนอเมริกัน แต่คนอเมริกันกลับใส่ใจ ในแง่การบำบัดภายในหรือในแง่ของปฏิบัติทางจิตโดยตรง หลักปฏิบัติในเรื่องการฝึกสมาธิและสติจึงได้รับความนิยมในหมู่อเมริกันจำนวนหนึ่ง

๓.เป็นไปตามกระแสการเติบโตของศาตร์บูรพา ในอเมริกา  เหมือนกับที่ศาตร์ตะวันออกอย่างเช่น โยคะ ได้รับความสนใจอย่างมากจากคนอเมริกันชนในเวลานี้ พร้อมๆกับการประยุกต์ศาตร์เหล่านี้ให้กลมกลืนกับวัฒนธรรมของอเมริกันเอง ในแง่ของพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน

๔.เป็นไปตามกระแสของสื่อตะวันออกที่เข้ามาเผยแพร่ในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ทั่วไป สารคดี หนังสือและสื่อออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะจากฟากจีนและอินเดีย ที่เป็นสดมภ์หลักของแหล่งผลิต สื่อตะวันออก

๕.ความสนใจในเชิงสิทธิมนุษยชน ปกติคนอเมริกันอ่อนไหวง่ายในเรื่องสิทธิมนุษยนชนอยู่แล้ว ได้แก่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวพุทธทิเบต เรื่องนี้มีกลุ่มนักการเมืองและนักสิทธิมนุษยชนในอเมริกาให้ความสนใจอย่างมาก พร้อมกับออกมาคัดค้านและประท้วงรัฐบาลจีนตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเมื่อองค์ทะไลลามะเดินทางไปยังอเมริกา ก็ได้รับความสนใจอย่างมากทั้งจากบรรดาผู้สนใจพระพุทธศาสนา นักสิทธิมนุษยชน และสื่อต่างๆ

๖.ความสนใจในอารยธรรมพุทธศาสนา พุทธศาสนาได้ก่อกำเนิดอารยธรรมที่น่าสนใจในหลายๆที่ที่แผ่อิทธิพลไปถึง เป็นความสนใจในแง่ประวัติศาตร์และอารยธรรมของมนุษย์ ซึ่งก็นับเป็นส่วนหนึ่งของความสนใจของคนอเมริกัน

๗.ความสนใจเชิงวิชาการ หลายสถาบันการศึกษาอันดับต้นๆของอเมริกา เช่น มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส(UCLA) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์คเล่ย์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยชิคาโก ฯลฯ ได้มีการก่อตั้งศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา(Center for Buddhist studies) ขึ้นมา หากเป็นการให้ความรู้วิชาการเชิงปรัชญาและทำการวิจัยเชิงการปฏิบัติ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนับว่าน่าสนใจเพราะหากองค์กรพุทธฝ่ายไทยสามารถเชื่อมกับองค์กรด้านการศึกษาของอเมริกันได้ ก็จะทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากฝั่งไทยไปยังฝั่งอเมริกามีความเป็นระเบียบแบบแผนมากขึ้น ทั้งยังสามารถทำงานเชิงลึกด้านการวิจัยพระพุทธศาสนา

   คงไม่อาจปฏิเสธว่า อเมริกันและคนตะวันตกส่วนหนึ่งสนใจในเรื่องหลักการของการปฏิบัติ  ซึ่งย่อมต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับหลักคำสอนในแง่การปฏิบัติ แต่งานด้านวิชาการนั้น เป็นงานที่มีหลักมีเกณฑ์ มีบรรทัดฐาน การวิจัยและวิเคราะห์ การทำงานด้านวิจัยเชิงความร่วมมือด้านพระพุทธศาสนาจะช่วยให้การหยั่งรากของพระศาสนาในสหรัฐฯลงลึกมากขึ้น สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนในโลกตะวันตกขณะเดียวกันสามารถเสริมจุดอ่อนของระบบพระพุทธศาสนาในเมืองไทยให้เข้มแข็งมากขึ้นท่ามกลางสังคมร่วมสมัย

พุทธเถรวาทในอเมริกา

นับแต่ปีพ.ศ.๒๕๑๔  ที่วัดไทยแห่งแรกถือกำเนิดในสหรัฐฯ ที่นครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย  โดยชื่อเมื่อแรกตั้งว่า ศูนย์พุทธศาสนาเถรวาท(The Theravada Buddhist Center, Inc.) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดไทยลอสแองเจลิส (Wat Thai of Los Angeles) เมื่อ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๒๒[๖] นั้น การขยายตัวของฝ่ายพระพุทธศาสนาเถรวาทไทยในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังอยู่แต่ในวงแคบๆ เฉพาะในกลุ่มของชาวพุทธไทยลาว หรือชาวพุทธเถรวาทเอเชียชาติอื่นๆ  โดยยังคงมีลักษณะของความแปลกแยกกับชาวพุทธอเมริกันทั่วไปอยู่มาก เนื่องจากชาวพุทธไทยและลาว หรือชาวพุทธเชื้อสายเอเชียมีจำนวนมากพอที่จะสมาคมกันเองมากกว่าที่สมาคมกับคนอเมริกันโดยทั่วไป ต่างจากชาวพุทธทิเบต (ทั้งลามะและฆราวาส) ที่มีจำนวนน้อยกว่า ทำให้ต้องกันไปสมาคม หรือติดต่อกับคนอเมริกันทั่วไปมากขึ้น และเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาตันตระยานหรือวัชรยาน ถูกเผยแผ่ไปได้กว้างไกลในหมู่คนอเมริกันกว่าพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท[๗] ซึ่งถือเป็นการปรับตัวที่สำคัญมากของฝ่ายวัชรยาน ทำให้นิกายของทิเบตนิกายเดียวกันนี้มีอิทธิพลต่อนับถือพระพุทธศาสนาของคนอเมริกัน

อดีตพระโรเบิร์ต สนฺติกโร ซึ่งเป็นอเมริกัน มองว่า

“พระเอเชียส่วนใหญ่ในอเมริกันไม่เหมือนพระอเมริกัน คำว่าพระที่ผมใช้นี้รวมถึงภิกษุณีด้วย พวกเราที่เป็นคนอเมริกันกับพระเอเชียจำนวนหนึ่งไม่มากนัก ได้กลับอเมริกาหรือไปอยู่อเมริกาเพื่อเผยแผ่กับคนอเมริกัน โดยตั้งใจจะนำพุทธศาสนาให้เข้าถึงวัฒนธรรมอเมริกัน ไม่เหมือนกับพระไทย พระจีน พระญวนกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ซึ่งไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น พระไทยไปเพื่อบริการคนไทย พระจีนก็ไปเพื่อบริการคนจีน ที่จะต่างกันก็คือพระชาวทิเบตเพราะว่าผู้อพยพชาวทิเบตในอเมริกามีน้อย แต่คนอเมริกันที่สนใจพุทธแบบทิเบตมีเยอะ ส่วนใหญ่พระเอเชียก็จะอยู่แต่กับชาติของตน”[๘]

วัดไทยฝ่ายเถรวาทถูกสร้างขึ้นในสหรัฐฯในเวลาต่อมา เช่น วัดไทยกรุงวอชิงตันดี.ซี. ซึ่งเริ่มมีพระสงฆ์รับนิมนต์ไปประจำเมื่อ ๕ กรกฎาคม ๒๕๑๗ ,วัดวชิรธรรมปทีป  ที่เมืองนิวยอร์ค ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเมื่อ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๑๘  มีต้นกำเนิดจาก Buddhist study center ซึ่งตั้งขึ้นเป็นสมาคมเมื่อปี ๒๕๐๘ , วัดพุทธวราราม ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ซึ่งได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เมื่อ ๒๕ มีนาคม ๒๕๑๙  , วัดธัมมาราม ที่เมืองชิคาโก มีชื่อตามที่ทางการอนุญาตเมื่อ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๙ ว่า The Thai Buddhist temple หลังจากนั้นก็เกิดมีวัดไทยในสหรัฐฯขึ้นมาจำนวนมากมาย[๙] ส่วนใหญ่ด้วยเงินบริจาคและการสนับสนุนหลักจากชุมชนไทย และเพื่อสนองตอบต่อเจตนารมณ์เชิงสังคม(วัฒนธรรมประเพณี)ของคนไทยในสหรัฐฯเสียเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ น่าสังเกตว่า การสร้างวัดไทยในสหรัฐฯ ยังเกี่ยวพันกับการปฏิบัติข้อกฎหมายของสหรัฐฯอีกด้วย รวมถึงยังเกี่ยวข้องกับ “การดูแลควบคุมวินัยประพฤติของพระสงฆ์” เพื่อความเรียบร้อยงดงามเชิงวัตรปฏิบัติ ซึ่งอำนาจของมหาเถรสมาคม(มส.)แห่งประเทศไทยเอื้อมไปไม่ถึงแม้ว่า จะมีสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา (The Council of Thai Bhikkhus in the U.S.A.) เป็นองค์กรดูแลรับผิดชอบพระสงฆ์อยู่แล้วก็ตาม แต่กฎหมายของสหรัฐฯเป็นคนละระบบกับกฎหมายไทย จึงก่อให้เกิดปัญหาด้านการควบคุมวินัยสำหรับพระสงฆ์ที่ฝ่าฝืน อย่างเช่น แม้สมัชชาสงฆ์ หรือชาวพุทธไทยรู้ว่าพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งละเมิดวินัยสงฆ์ถึงขั้นปาราชิก แต่ก็ไม่สามารถจับสึกได้ หากไม่ขัดกับหลักกฎหมายของอเมริกัน โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ได้รับสถานะเป็นผู้มีถิ่นฐานถาวรในสหรัฐฯ(Green card holder) และพระสงฆ์ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน(US citizen) ยิ่งไม่สามารถทำการลงโทษใดๆทางวินัย กับพระสงฆ์ที่ละเมิดวินัย(แต่ไม่ผิดกฎหมายอเมริกัน)เหล่านั้นได้เลย

 

ทางออกของปัญหายังมี

  ผู้เขียนมองว่าความสัมพันธ์เชิงศาสนา ระหว่างคนไทยกับคนอเมริกัน โดยมีพระพุทธศาสนาเป็นตัวเชื่อมนั้นสามารถที่จะทำให้สัมพันธภาพระหว่าง ๒ ประเทศ พัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้นและเป็นประโยชน์ในแง่การเกิดสันติภาพภายในและภายนอกของประชาชนทั้ง ๒ ประเทศ โดยที่สันติภาพภายใน ที่หมายถึงการปฏิบัติทางใจส่งผลต่อสันติภาพภายนอก ที่หมายถึงการกระทำ

  ทางออกของปัญหาสัมพันธภาพระหว่างไทยและสหรัฐฯโดยอาศัยพระพุทธศาสนา มีดังนี้

  ๑.เสริมสร้างความรู้ความใจ ให้เห็นถึงความสำคัญและคุณค่าของพระพุทธศาสนาให้เกิดขึ้นกับบรรดาพุทธศาสนิกของทั้ง ๒ ประเทศ

  ๒.ขวนขวายเรียนรู้วัฒนธรรมของกันและกัน (หมายถึงวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมอเมริกัน) โดยไม่จำกัดเพียงบริบทวัฒนธรรมด้านภาษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องครอบคลุมวัฒนธรรมด้านอื่นด้วย

  ๓.ฝ่ายไทย ซึ่งเป็นฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาควรศึกษาระบบกฎหมายอเมริกันให้เข้าใจชัดเจน

  ๔.ฝ่ายการเมือง (รัฐบาล+รัฐสภา) ควรส่งเสริมด้านนโนบายและงบประมาณต่อฝ่ายศาสนา

  ๕.ในแง่ของการส่งพระธรรมทูตไปจากเมืองไทย ต้องมีกระบวนการทดสอบ คัดกรองที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น

  ๖.การติดตามและวิเคราะห์ กระแสสถานการณ์ความเป็นไปของคนอเมริกันและของโลกอย่าได้ขาดหาย หรือต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง

  ๗.เปิดเวทีสำหรับการแปลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นด้านศาสนา(โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นพระพุทธศาสนาเพียงศาสนาเดียว) ระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายอเมริกัน

สรุป

  หากการเยือนวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) ของนายบารัก โอบามา เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา โดยมีคำพูดของประธานาธิบดีถึงท่านเจ้าคุณพระสุธีธรรมานุวัตร(เทียบ สิริญาโณ) คณดีบัณฑิตวิทยาลัย มจร. ตอนนำชมวัดโพธิ์ ทำนองขอให้ช่วยสวดภาวนา(อธิษฐาน) ขอให้เขาผ่านพ้นปัญหาการเผชิญหน้าประเด็นผาการคลัง(Fiscal cliff) เมื่อปลายปี ๒๕๕๕ ('We're working on this budget. We're going to need a lot of prayer for that’-  Barack Obama)[๑๐]ไปให้ได้ รวมถึงความสนใจเยี่ยมชมวัดไทยอันเก่าแก่ในกรุงเทพแห่งเดียวกันนี้นั้น เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงการเตรียมตัวที่ดี การให้ความสำคัญกับความเชื่อ และศิลปวัฒนธรรมของไทย โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญสูงสุดของวัฒนธรรมไทย ทำให้เห็นคุณูปการที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ หากมีการสานต่อเชิงความสัมพันธ์ทางด้านศาสนาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะในสหรัฐฯเองมีขั้วชาวพุทธและไม่ใช่ชาวพุทธ ทั้งนักการเมืองและบุคคลสำคัญ รวมทั้งตัวประธานาธิบดีเองที่มีภูมิหลังของตัวเองและครอบครัวในเชิงการเปิดกว้างทางความคิดด้านศาสนา รอต่อเชื่อมกับชาวพุทธข้างฝ่ายเมืองไทย ขึ้นกับความสามารถของชาวพุทธไทยเราที่จะสืบสานความสัมพันธ์เพื่อเอื้อประโยชน์ด้านสันติภาพทั้งภายนอกและภายในให้ได้มากที่สุดโดยไม่จำกัดพรมแดน ได้หรือไม่เท่านั้น



[๑] พุทธศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.)

[๒] ทะไลลามะพบอดีตประธานาธิบดี จอร์จ  ดับเบิลยู บุช  ก่อนรับเหรียญทองของสภาคองเกรส(Congressional Gold Medal )เมื่อ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๐ ,zimbio.com . Dalailama and Gorge W Bush. [online]. Source : http://www.zimbio.com/photos/Dalai+Lama/George+W+Bush/Dalai+Lama+Awarded+Congressional+Gold+Medal/WRK2ZZ1xgHT[Jan 21,2013].

[๓] องค์ทะไลลามะเคยเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ห้อง Map Room ในทำเนียบขาว เมื่อ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ,Huffingtonpost.com. Dalai Lama Congratulates Barack Obama On Reelection, Thanks President For Peace Efforts .[online].source :http://www.huffingtonpost.com/2012/11/07/dalai-lama-congratulates-obama-reelection_n_2088857.html[Jan 20, 2013].

[๔] Wikipedia.org .Buddhism in the United States. [online]. Source : http://en.wikipedia.org/ wiki/Buddhism_in_the_United_States[Jan 21, 2013].

[๕]พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์.วิชาการพระพุทธศาสนา.[ออนไลน์].แหล่งข้อมูล: jaojook.wordpress. com/2011/05/13/วิชาการพระพุทธศาสนา/.[๒๐ ม.ค.๒๕๕๖]. 

[๖] พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต) , กาลานุกรมพระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก, พิมพ์ครั้งที่ ๖ /๒ ,(กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ผลิธัมม์ , ๒๕๕๕), หน้า ๒๐๕

[๗] พลังจิตดอทคอม . แนวโน้มใหม่ของพุทธศาสนาในอเมริกา/สัมภาษณ์ พระโรเบิร์ต สนฺติกโร
โดย พระไพศาล วิสาโล
. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : board.palungjit.com /f10/แนวโน้มใหม่ของพุทธศาสนาในอเมริกา-134876.html[๒๑ ม.ค.๒๕๕๖].

[๘] อ้างแล้ว

[๙] พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต) , กาลานุกรมพระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก, หน้า ๒๐๕

[๑๐]  dailymail.co.uk .  Obama turns to divine inspiration to avoid fiscal cliff as he asks Buddhist monk to pray for success of budget talks . [online]. Source : http://www.dailymail.co.uk/news/article-2235116/Obama-turns-divine-inspiration-avoid-fiscal-cliff-asks-Buddhist-monk-pray-success-budget-talks. html


หมายเลขบันทึก: 522008เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2013 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มีนาคม 2013 10:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผู้เขียนอนุญาตให้นำบทความของผู้เขียนที่ปรากฎในเว็บไซต์นี้ (http://www.gotoknow.org) ไปใช้ในงานวิจัย และงานเขียนประเภทอื่นได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาหรืออ้างอิงกำกับด้วย

พีรพร พงศ์พิพัฒนพันธุ์


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท