การรับภาพของผึ้ง
พบว่าผึ้งสามารถรู้จักและจดจำรูปร่างของภาพต่างๆ ได้ เช่น รูปทรงของดอกไม้ที่มีกลีบออกจากตรงกลาง ซึ่งเป็นรูปกลมๆ เช่น ดอกทานตะวัน ดอกดาวกระจาย หรือเป็นริ้วๆ เช่น ดอกข้าวโพด จากการทดลองถ้าวางรูปทรงกลม รูปสี่เหลี่ยม ฯลฯ อยู่ในแถวเดียวกัน ผึ้งไม่สามารถจำแนกแบบของรูปได้ แต่ผึ้งสมารถแยกรูปกลมออกจากรูปกากบาทหรือรูปสามเหลี่ยมจากรูปขีดๆ ได้ การรู้จักจดจำรูปทรงของดอกไม้ช่วยให้ผึ้งหาน้ำหวานและเกสรได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากพฤติกรรมในการหาอาหารของผึ้งพันธุ์นั้นจะหาน้ำหวานจากดอกไม้ชนิดเดียวกันที่บานจำนวนมากๆ พร้อมกัน ตลอดช่วงระยะเวลาที่ดอกไม้ชนิดนั้นบาน และจะเปลี่ยนชนิดเมื่อดอกไม้นั้นโรยราหรือหมดน้ำหวานไป ต่อจากนั้นผึ้งสำรวจจะบินหาน้ำหวานจากดอกไม้ที่พบใหม่ ดังนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งเลี้ยงจึงมีชื่อตามชนิดของดอกไม้ได้ เช่น น้ำผึ้งลำไยในฤดูที่ดอกลำไยบาน น้ำผึ้งลิ้นจี่ น้ำผึ้งเงาะ ในฤดูที่ดอกไม้เหล่านั้นบาน
การรับแสงและสี
ผึ้งมีประสิทธิภาพในการรับแสงและสีสูงมากเมื่อเทียบกับแมลงด้วยกัน ผึ้งมีตาประกอบที่ใหญ่มากโดยเฉพาะผึ้งตัวผู้มีเซลล์รับภาพ (omatidia) ที่ตาถึง 13,000 เซลล์ ผึ้งงานมี 6,300 เซลล์ และผึ้งนางพญามี 3,900 เซลล์ การทดลองของ ดร.ฟอนฟริช ทำให้ทราบแน่ชัดถึงประสิทธิภาพของประสาทตาผึ้ง เขาพบว่าผึ้งงานมีความสามารถที่จดจำและรู้จักสีได้ถึง 4 สี คือ สีเหลือง สีฟ้าปนเขียว สีฟ้า และสีอุลตราไวโอเลต ในช่วงความถี่ของแสงจาก 650 ถึง 300 มิลลิไมครอน ดร.ฟอนฟริช พบว่าผึ้งตาบอดสีแดงคือ มองสีแดงเป็นสีดำ ในช่วงแสง 800-700 มิลลิไมครอน แต่คนมองเห็นได้เพราะสามารถมองเห็นสีในช่วงแสง 800-400 มิลลิไมครอน ผึ้งสามารถมองเห็นสีอุลตราไวโอเลตในช่วงแสง 400 ถึง 300 มิลลิไมครอน ซึ่งตาของคนเราไม่สามารถมองได้ ผึ้งไม่สามารถจำแนกสีส้ม สีเหลือง และสีเขียวในช่วงแสง 650 ถึง 540 มิลลิไมครอน ได้แต่ดูเป็นสีเหลืองสีเดียวกันไปหมด และมองสีฟ้าสีม่วง เป็นสีเดียวกัน ประสิทธิภาพในการมองสีของผึ้งช่วยให้ผึ้งรู้จักสีต่างๆ ของดอกไม้มีประโยชน์ในการเก็บเกสรและการหาอาหารของผึ้ง นอกจากนั้น นักเลี้ยงผึ้งอาจนำความรู้ในการรู้จักและจดจำสีของผึ้งมาใช้ทาสีปากทางเข้า-ออกหน้ารังผึ้งช่วยให้ผึ้งจดจำรังผึ้งของตนเองได้ดีขึ้น ไม่เข้ารังผิดบ่อยๆ
ไม่มีความเห็น