ชื่อผลงาน : การลดอัตราการเกิด Birth asphyxia
คำสำคัญ : Birth asphyxia หมายถึง ภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด ที่ 1 นาที APGAR score ≤ 7 คะแนน
สรุปผลงานโดยย่อ:พัฒนาระบบการคัดกรองหญิงตั้งครรภ์และการดูแลการคลอดเพื่อป้องกัน และเฝ้าระวังในระยะคลอด สามารถลดอัตราการเกิดภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิดได้
ชื่อที่อยู่องค์กร: งานห้องคลอด โรงพยาบาลศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
สมาชิกทีม:นางกรมรี แพงดี,นางสาวศศิธร พรหมประกาย,นางสาวสุกัญญา อนุญาหงษ์,นางสาวกวินชิดา ศรีมี,
นางสาวนันจิรา ทากิระ,นางสาวทัชชกร กลางประพันธ์,นางสาวนิภาวรรณ ศรีสุวอ,นางสาวรัชฎา ยะภักดี
เป้าหมาย : ลดอัตราการเกิดภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด ≤ 25 : 1000 การเกิดมีชีพ
ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ
โรงพยาบาลศรีสงครามเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง มีผู้คลอดเฉลี่ย 70 ราย/เดือน จากการเก็บข้อมูลปี 2553 – 2554 การเกิดอุบัติการณ์ Birth asphyxia พบอัตราการเกิด 27.70 : 1000 การเกิดมีชีพ และ 30.34: 1000 การเกิดมีชีพ มีแนวโน้มสูงขึ้น จากการทบทวนอุบัติการณ์โดยทีมสหวิชาชีพ ถึงกระบวนการดูแลมารดาในระยะรอคลอด พบสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดอุบัติการณ์ คือการวินิจฉัยความเสี่ยงล่าช้า การเฝ้าระวังที่ไม่ครอบคลุม การคลอดท่าก้นโดยไม่ได้วางแผน อัตรากำลังไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ขาดความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือช่วยวินิจฉัยความเสี่ยง และ มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ CPG ในการดูแลการคลอด งานห้องคลอดจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการป้องกันและลดอัตราการเกิด Birth asphyxia โดยเน้นที่การประเมินความเสี่ยงและวางแผนการคลอดตั้งแต่ระยะฝากครรภ์ นำไปสู่การพัฒนากระบวนการดูแลต่อเนื่องจนถึงระยะคลอดที่มีประสิทธิภาพต่อไป จึงได้จัดทำ โครงการพัฒนาคุณภาพเพื่อลดปัญหาการเกิด Birth asphyxia ในทารกแรกเกิดขึ้น
กิจกรรมการพัฒนาคุณภาพ
1. ทบทวนอุบัติการณ์ Birth asphyxia วิเคราะห์สาเหตุปี 53 ,54
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการคลอด Prolong 2nd stage 10 ราย คิดเป็น 45.45 % ของ Birth asphyxiaและ 14 ราย คิดเป็น 53.84 % ของ birth asphyxia ทั้งคลอดหัตถการและคลอดปกติ ตามลำดับ
2. ปรับปรุงการรายงานแพทย์ รายงานแพทย์ทันทีในรายที่พบ
2.1 high of fundus > 35 cms
2.2 การบันทึก partograph ถึงหรือตก action line
2.3 เบ่งคลอดนานกว่า 30 นาทีในครรภ์หลัง และ 1 ช.ม. 30 นาที ในครรภ์แรก
3. ปรับปรุงแนวทางการดูแลการคลอด monitor FHS ทุกรายในห้องคลอด เพิ่มการให้ออกซิเจนแก่มารดาทุกรายขณะเบ่งคลอดเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนสู่ทารก
4.พัฒนาบุคลากรแโดยการจัดประชุมวิชาการในเรื่องที่เกี่ยวข้องเช่น การใช้เครื่อง NST และการแปลผล การดูแลมารดาระยะคลอดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด Birth asphyxia การช่วยฟื้นคืนชีพทารกแรกเกิด
5.ปรับปรุงระบบงาน
การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง
- วินิจฉัยภาวะ Fetal distress ได้ถูกต้องและรวดเร็ว สามารถให้การดูแลหรือส่งต่อในระยะเวลาที่เหมาะสม
- มีอัตราการ Refer มารดาที่มีความเสี่ยงต่อภาวะ Birth asphyxia สูงขึ้น อัตราการเกิด Birth asphyxia ปี 2555 ลดลงเหลือ 16.54 :1000 การเกิดมีชีพ ปี 56 (ต.ค.55 - ม.ค. 56) = 21.46 : 1,000 การเกิดมีชีพ
บทเรียนที่ได้รับ/ปัญหาอุปสรรค
· ทีมไม่ปฏิบัติตาม CPG ได้ครบถ้วนตามแนวทางที่กำหนด
· จากการทบทวนอุบัติการณ์ ปี 2555 พบ มีทารกฺ Birth asphyxia 13 ราย เสียชีวิตจาก birth asphyxia 1 ราย เกิดในรายคลอดปกติทางช่องคลอดที่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นร่วมด้วยได้แก่ meconium stained AF 3 ราย , ติดไหล่ 3ราย , prolonged 2nd stage 1 ราย และ preterm baby 1ราย รวม 8 ราย , คลอดท่าก้น 3 ราย เนื่องจากการเข้าถึงบริการล่าช้า V/E prolonged 2nd stage 1 ราย และ prolonged 2nd stage ร่วมกับmeconium stained AF 1 ราย รวม 2 ราย
· ทารก birth asphyxia ส่วนใหญ่ยังเกิดในรายที่คลอดปกติทางช่องคลอด และยังพบ severe Birth asphyxia 3 ราย คิดเป็น 23.08% ของ Birth asphyxia ซึ่งเป็นอัตราสูงขึ้นกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา
แผนที่จะพัฒนาต่อเนื่อง คือ ลดอุบัติการณ์การเกิด Birth asphyxia ในการคลอดปกติ จัดให้มีระบบ fast tract high risk pregnancy และ พัฒนาศักยภาพทีม NCPR อย่างต่อเนื่อง
การติดต่อทีมงาน : กรมรี แพงดี งานห้องคลอด โรงพยาบาลศรีสงคราม 042- 599230 ต่อ 101 , [email protected]
ไม่มีความเห็น