หนังสือที่ดิฉันได้หยิบมาอ่านวันนี้เป็นหนังสือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อหาสาระที่อัดแน่นไปด้วยหลักการ และทักษะกระบวนการ ยุทธวิธีที่หลากหลายสำหรับการศึกษาแห่งอนาคต ดิฉันเชื่อว่าหลายๆท่านได้เคยอ่านกันมาบ้างแล้ว "21st century skills : Rethinking How Students Learn" Editors by James Bellanca & Ron Brandt ถูกนำมาแปลเป็นฉบับภาษาไทยและเผยแพร่โดยมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ และสำนักพิมพ์ openworlds โดยคุณวรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และคุณอธิป จิตตฤกษ์ ใช้ชื่อว่า "ทักษะแห่งอนาคตใหม่ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่21"
พอเริ่มเปิดอ่าน ถึงแค่บทเกริ่นนำยังไม่ทันได้เข้าเนื้อหาในบทเลยค่ะก็สะดุดตาซะแล้วกับแผนภูมิภาพที่
ก.1 หน้า 34 "กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่21 โดยภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่21 โดยแบ่งทักษะออกเป็น 3 องค์ประกอบคือ
1. ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
2. ทักษะด้านสารสนเทศ
สื่อ และเทคโนโลยี
3. ทักษะชีวิตและการทำงาน
ทั้ง 3 ทักษะล้วนเป็นรวงข้าวที่เต็มเปี่ยมด้วยเมล็ดข้าวพันธุ์งามที่พร้อมจะถูกเก็บเกี่ยวแบบมีมูลค่า
ได้ราคามากกว่าท้องตลาดทั่วไป แล้วทักษะไหนล่ะ ที่ถือว่าจริงแท้เป็นแก่นของรวงข้าวกันแน่?
ผศ.ดร.ศันสนีย์ จะสุวรรณ์
ได้ให้ความคิดเห็นในแง่มุมที่น่าสนใจว่า "ทักษะชีวิตและการทำงาน" นี่แหละเป็นแก่นแท้ของเมล็ดข้าวพันธุ์งาม
อาจารย์ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ทักษะนี้ถือว่ายากยิ่งแล้ว เพราะมันเป็นทักษะที่ต้องมีการกระตุ้นให้คนหรือเด็กนักเรียนอยากรู้
สิ่งนี้มันสอนยากยิ่ง
เพราะทั้งหมดทั้งมวลเป็นเรื่องของการปลูกฝังให้กลายเป็นพฤติกรรม
ดิฉันได้ต่อความคิดเห็นของอาจารย์ไว้ว่า
ทักษะนี้ที่ยากเพราะมันเป็น Tacit Knowledge ความรู้ฝังลึกหรือ ความรู้แฝงเร้น คือความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน
ไม่ได้ถอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร
หรือบางครั้งก็ไม่สามารถถอดเป็นลายลักษณ์อักษรได้ ความรู้ที่สำคัญส่วนใหญ่
มีลักษณะเป็นความรู้แฝงเร้น อยู่ในคนทำงาน และผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง
จึงต้องอาศัยกลไกแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้คนได้พบกัน สร้างความไว้วางใจกัน
และถ่ายทอดความรู้ระหว่างกันและกัน
ทักษะชีวิตเป็นความสามารถของบุคคลในการจัดการกับปัญหาต่าง
ๆ รอบตัวในสภาพ สังคมปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสําหรับการปรับตัวในอนาคต
ทักษะชีวิตเป็นความสามารถที่เกิดในตัวผู้เรียนได้ด้วยวิธีการสําคัญ
2 วิธี คือ
1. เกิดเองตามธรรมชาติ
เป็นการเรียนรู้ที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการมีแบบอย่างที่ดี
2. การสร้างและพัฒนาโดยกระบวนการเรียนการสอน
เป็นการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ร่วมกันในกลุ่ม ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ
ได้ลงมือปฏิบัติ ได้ร่วมคิดอภิปรายแสดงความคิดเห็น
ได้แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ได้สะท้อนความรู้สึกนึกคิด มุมมอง
เชื่อมโยง สู่วิถีชีวิตของตนเอง เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่และปรับใช้กับชีวิต
ส่วนอีก 2 ทักษะเป็น Explicit
Knowledge หรือความรู้ชัดแจ้ง คือความรู้ที่เขียนอธิบายออกมาเป็นตัวอักษร
เช่น คู่มือปฏิบัติงาน หนังสือ ตำรา เวปไซด์ Blog ฯลฯที่ต่อยอดมาจากทักษะชีวิตและการทำงาน ซึ่งทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
เป็นทักษะที่สอดแทรกอยู่ในทักษะชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหา
การสื่อสารร่วมมือทำงาน และทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานจากการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจ
และใคร่ศึกษาของปัจเจกบุคคลที่จะลงลึกจนกลายเป็นความชำนาญในแต่ละศาสตร์
อ.ประเวศ วะสี.
(ปฏิรูปการเรียนรู้ เพื่อแก้ความทุกข์ยากของคนทั้งแผ่นดิน สานปฏิรูป. 24 (มีนาคม), หน้า 62
- 64 ; 2543) ได้ให้คำนิยามแก่นแท้นของการเรียนรู้ทักษะชีวิต คือ
การยึดเอาชีวิตเป็น ศูนย์กลาง หรือเป็นตัวตั้งในการเรียนรู้
เพื่อให้เกิดความสามารถในการสร้าง
คุณลักษณะที่จําเป็นสําหรับการดําเนินชีวิตอย่างเต็มศักยภาพของตนเอง
ทําให้ชีวิตเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิต
การเรียนรู้ที่เอาชีวิตเป็นตัวตั้งไม่ได้หมายความว่า
วิชาหรือความรู้ ไม่สําคัญ แต่การเรียนรู้ที่เอาวิชาเป็นตัวตั้ง
อาจทําให้เกิดการทอดทิ้ง ความเป็น “คน”
หรือ “ชีวิต”
แต่การเรียนรู้ที่ “คน”
หรือ “ชีวิต”
เป็นตัวตั้ง จะไม่ทอดทิ้งวิชา
เพราะคนจะแสวงหาวิชาหรือความรู้ที่สอดคล้อง กับความเป็นคน
หรือสร้างวิชาขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ต่อชีวิตและการอยู่ ร่วมกัน
เพราะสิ่งสําคัญที่สุดของความเป็นคน คือการมีชีวิตที่เจริญและ
มีการอยู่ร่วมกันด้วยสันติทั้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ
แวดล้อม (สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน)
อย่างไรก็ดีหากจะต้องกล่าวทิ้งท้ายก็คงต้องสรุปสั้นๆ
ง่ายๆ ว่า ทักษะทั้ง 3
ล้วนเป็นองค์ประกอบที่แยกจากกันไม่ได้ในศตวรรษการศึกษาใหม่
เพราะหากรากเหง้าแห่งทักษะชีวิตไม่แน่นพอ ความใคร่รู้ในทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมก็คงไม่เกิด
และหากไม่มีการเรียนรู้เพิ่มเติม ทักษะชีวิตก็คงย่ำอยู่กับที่
การทำงานคงนับชามกันทุกวัน (เช้าชาม-เย็นชาม) และเมื่อไม่มีการเรียนรู้
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยีก็คงไม่เกิด โลกก็ยังเป็นโลกที่กลมแบบเดิม
การทำงานก็ช้าเหมือนเดิม ข้อมูลข่าวสารก็ยังคงต้องอาศัยสื่อเดิมๆอย่างวิทยุ
โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ที่ขาด Social Network มาช่วยแบ่งปัน และย่อโลกให้แคบลงในพริบตา ย่นระยะเวลา ในการค้นหาข้อมูลข่าวสาร
นี่เป็นเพียงแค่แนวคิดหนึ่งในหนังสือที่มากคุณค่าเล่มนี้
ยังมีอีกหลายแง่มุม หลากหลายทัศนะของท่านผู้รู้ในหนังสือเล่มนี้ที่สามารถนำมาต่อยอดความคิดที่สามารถนำมาปรับปรุงและใช้ให้ถูกที่ ถูกทางได้อย่างยอดเยี่ยม และมีประสิทธิผล ดิฉันขอบอกต่อว่า "ทักษะแห่งอนาคตใหม่
การศึกษาเพื่อศตวรรษที่21"เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าเล่มหนึ่งที่ควรมีไว้คู่กายเพื่อเพิ่มทักษะ
และพัฒนาการเรียนรู้ ให้ก้าวกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความเห็น