เมื่อวันอาทิตย์...ที่ผ่านมาข้าพเจ้าประเมินตัวเองแล้วว่า น่าจะได้เข้าเงียบสักพัก เพื่อเยียวยาแก่ร่างกาย
หลังจากเด็กๆ แม่ออกน้อยรับข้าวเสร็จเรามีเวลาเหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงกับการนัดหมายเดินทางไปให้อาหารปลาที่กุดกะเหลิบ...
เด็กๆ แยกย้ายทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เป็นต้นว่า กวาดตาดบ้าง ซักผ้าคลุมบาตรบ้าง... หรือช่วยกันโกยใบไม้ที่กองไว้ไปทิ้งบ้าง ข้าพเจ้าจึงบอกต่อเด็กน้อยว่า "แม่จะแอบเข้ากลดซักพักนะคะ ...เอนหลัง ฮา..."
เด็กๆ ต่างตอบรับเสียงใสใสว่า "เจ้าค่ะ" และดูท่าทีตื่นเต้นกันมาก อาจเนื่องด้วยว่าไม่เคยเห็นข้าพเจ้าเอนหลังเลยก็ว่าได้...
หลังจากที่ตรากตรำกับตนเองต่อการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอากาศ การเดินทาง และการงาน ตลอดรวมถึงอารมณ์ของผู้คนแล้ว รับรู้ว่าร่างกายเดี้ยงไปโดยเฉพาะต่ออากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันจากร้อนมากๆ มาหนาวมากๆ และข้ามภูมิภาคไปเจออากาศร้อนอย่างฉับพลัน...
ในระหว่างการทำงานกระบวนการ R2R อยู่นั้น อาศัยการพักให้มาก เมื่อเสร็จงานก็เข้าเงียบ (สมาธิ)...พักทั้งกายและจิต
พอมาถึงวันอาทิตย์...
เติมกำลังตนเองอีกครั้ง
ขณะที่ภาวนา...ด้วยท่านอน เพื่อเป้าหมายที่จะให้ทั้งร่างกายและจิตใจได้พัก
เสียงกวาดตาด (กวาดใบไม้) อย่างสม่ำเสมอและมุ่งมั่นมากดังอยู่รอบๆ บริเวณกลดข้าพเจ้า
สักพักเสียงก็เงียบไป ข้าพเจ้าจึงลืมตาขึ้น พบน้องตาลยืนมองมาที่กลดข้าพเจ้า ... "ตาล...ลูก" น้องตาลก็ตอบกลับมาว่า "เจ้าค่ะ ... " "หนูกวาดตาดเพิ่งเสร็จเจ้าค่ะแม่ครู".... ข้าพเจ้ายิ้มให้น้องตาลยิ้มตอบ แล้วข้าพเจ้าก็หลับตาลง
เสียงเงียบปราศจากการรบกวน พร้อมได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ บอกต่อๆ กันว่า "ให้เบาเบา แม่ครูภาวนาอยู่"....
เวลานิ่งเงียบ ร่างกายได้รับการเยียวยาและซ่อมแซม...
ข้าพเจ้าลืมตา คล้ายเหมือนว่า จะได้เวลา พลันสายตาก็พบน้องตาลยืนอยู่ที่เดิม...
"ตาล...." ข้าพเจ้าเรียก น้องตาลก็ยิ้มตอบ
ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าเข้าเงียบนั้น น้องตาลคอยเฝ้าระแวดระวังอยู่รอบๆ กลดข้าพเจ้า เพื่อหวังไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวน
ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมา จะพบเธอยืนอยู่บริเวณเดิมและมองมาที่ข้าพเจ้า
"หัวใจ" ช่างยิ่งใหญ่มาก...
หัวใจแห่งความเป็นแม่ที่ส่งผ่านความห่วงใย จากหนูน้อยที่มีอายุเพียง ๙ ขวบ ...เธอช่างดูอ่อนโยนยิ่งนัก
น้องตาล...พักอาศัยอยู่กับตาและยาย พ่อกับแม่ไปทำงานต่างๆ จังหวัด นานๆ ทีเป็นหลายปี จึงจะได้มีโอกาสเจอพ่อกับแม่ เธอเข้ามาเรียนหนังสือกับข้าพเจ้าได้จะเกือบหนึ่งปีแล้ว และช่วงหลังก็เข้ามานอนวัด รักษาศีลด้วย สวดมนต์เก่ง เดินจงกลมเก่งด้วย...
ที่สำคัญ เป็นหนึ่งในสองคนที่มีความสามารถกวาดตาดได้อย่างสะอาด พอพอกับน้องบิ๋มเลยทีเดียว
นึกถึงเรื่องราวที่เธอคอยดูแลแบบห่างๆ ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ในกลดแล้ว หัวใจนี้ก็อ่อนโยนลงเหลือเกิน ซาบซึ้งในดวงจิตที่เต็มไปด้วยความเมตตาที่มีต่อแม่ครู
ช่างเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
...
๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
ไม่มีความเห็น