บทนำ
ภูมิหลัง
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 42 กำหนดให้ ก.ค.ศ. จัดทำมาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้เป็นบรรทัดฐานทุกตำแหน่ง ทุกวิทยฐานะ เพื่อใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้โดยคำนึงมาตรฐานวิชาชีพ คุณวุฒิการศึกษา การอบรม ประสบการณ์ ระยะเวลาการปฏิบัติงาน หรือผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยในการจัดทำมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้จำแนกตำแหน่งเป็นประเภทและสายงานตามลักษณะงาน โดยแสดงชื่อตำแหน่ง หน้าที่และความรับผิดชอบของตำแหน่ง ลักษณะงานที่ปฏิบัติ และคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งนั้น
ผู้บริหารสถานศึกษา ถือเป็นบุคคลสำคัญที่จะขับเคลื่อนการจัดการศึกษาให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เป็นไปตามเป้าหมายของหลักสูตรการศึกษาชาติ และมีคุณภาพ เป็นที่พอใจของผู้รับบริการ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการจัดการศึกษา ดังนั้น ความสามารถในการบริหารงานของผู้บริหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพของการบริหารงาน อันจะส่งผลให้การจัดการศึกษามีคุณภาพต่อไป การปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งจึงน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้การบริหารการจัดการศึกษาในระดับสถานศึกษาประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมายของการศึกษาที่วางไว้
ดังนั้น ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นผู้บริหารสถานศึกษา ในจังหวัดสตูล จึงเห็นความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง หรือการพัฒนาตนเองของผู้บริหารตามมาตรฐานตำแหน่งที่กำหนด จึงสนใจที่จะศึกษาการพัฒนาตนเองเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
การวิจัยเรื่อง การพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ผู้วิจัยได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัย ไว้ 2 ข้อ ดังนี้
1. เพื่อศึกษาการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล
2. เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล จำแนกตามตัวแปรประสบการณ์ในการทำงาน เพศ
ความสำคัญของการวิจัย
การวิจัยเรื่อง การพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล มีความสำคัญและประโยชน์ ดังนี้
1. ทำให้ทราบการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ซึ่งผลการวิจัยจะเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผน พัฒนาผู้บริหารให้มีคุณภาพ และส่งเสริมให้มีการพัฒนาตนเองตามมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิชาชีพต่อไป
2. ทำให้ทราบถึงความแตกต่างของการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ที่มีเพศ และประสบการณ์ในการทำงานต่างกัน ซึ่งข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริม พัฒนาบุคลากรให้เหมาะสมกับสถานภาพ ทั้งที่มีเพศหญิงและชาย ตลอดจนประสบการณ์ในการทำงานที่ต่างกัน
ขอบเขตของการวิจัย
สำหรับการวิจัยเรื่องนี้ ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตของการวิจัย ไว้ 3 ด้าน ได้แก่ ขอบเขตด้านเนื้อหา ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง และตัวแปรที่ศึกษา ดังนี้
1. ขอบเขตด้านเนื้อหา
ขอบเขตด้านเนื้อหาของการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัย มุ่งศึกษาการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ในขอบข่ายตามมาตรฐานตำแหน่ง 3 ด้าน คือ
1.1 หน้าที่และความรับผิดชอบ
1.2 ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
1.3 คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง
2. ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2.1 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล จำนวน................. คน
2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ปีการศึกษา 2549 ซึ่งกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยเทียบตารางของเครจซี่ และมอร์แกน (Krejcie and Morgan,1970 : 608) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน…………………คน และทำการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีการจับฉลาก (Lottery Method)
3. ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
3.1 ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) ได้แก่
3.1.1 ประสบการณ์ในการทำงาน ได้แก่
3.1.2.1 ต่ำกว่า 5 ปี
3.1.2.2 5 – 10 ปี
3.1.2.3 สูงกว่า 10 ปี
3.1.2 เพศ ได้แก่ ชาย และ หญิง
3.2 ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ การพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ในขอบข่ายตามมาตรฐานตำแหน่ง 3 ด้าน คือ หน้าที่และความรับผิดชอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น แบ่งเป็น 2 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ (cheek-list) เพื่อทราบสถานภาพเกี่ยวกับ ประสบการณ์ในการทำงาน และเพศ
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ประกอบด้วยคำถาม .........ข้อ มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale)ตามแบบลิเคิร์ต (Likert) มี 5 ระดับ
ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรม SPSS for windows Version 11.5 (Statistical package for the social sciences for windows) ดังนี้
1. แบบสอบถามตอนที่ 1 วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบ
แบบสอบถาม โดยหาค่าความถี่ (frequency) และร้อยละ (percentage)
2. แบบสอบถามตอนที่ 2 ตรวจให้คะแนนโดยกำหนดคะแนนเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) ตามแนวคิดของลิเคิร์ท (Likert : 1976) แสดงระดับการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ซึ่งกำหนดให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นแต่ละข้อคำถามในระดับใดระดับหนึ่งเพียงระดับเดียวคือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด
3. คำนวณหาค่าคะแนนเฉลี่ย (`X ) ของระดับการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล แล้วนำมาวิเคราะห์เป็นรายด้านโดยนำมาเทียบกับเกณฑ์สัมบูรณ์ในการประเมินค่าเฉลี่ยตามแนวคิดของเบสต์
4. หาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เพื่อทราบความกระจายของข้อมูลเป็นรายองค์
ประกอบ
5. ทดสอบค่าที (t – test) และเอฟ (F-test) ในการทดสอบสมมติฐาน เพื่อ
เปรียบเทียบระดับการพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล ตามตัวแปร ประสบการณ์ในการทำงาน และเพศ
นิยามศัพท์เฉพาะ
เพื่อให้เข้าใจความหมายเฉพาะของคำที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ตรงกัน จึงนิยามศัพท์เฉพาะของคำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ศึกษา ไว้ ดังนี้
1. การพัฒนาตนเองตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ หมายถึง การปฏิบัติตนของผู้บริหารสถานศึกษาให้เป็นไปตามแนวทางการที่กำหนดตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพในส่วนของมาตรฐานตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ตามกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรฐานตำแหน่งที่ออกตามความในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
2. ประสบการณ์ในการทำงาน หมายถึง เวลาในการเป็นผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูล รวมทั้งประสบการณ์การเป็นผู้บริหารโรงเรียนอื่นด้วย
กรอบแนวคิดในการวิจัย ( Conceptual Framework)
[img width="544" height="324" src="file:///C:/Users/user/AppData/Local/Temp/msohtmlclip1/01/clip_image001.gif" v:shapes="_x0000_s1026 _x0000_s1027 _x0000_s1028 _x0000_s1029 _x0000_s1030">
ไม่มีความเห็น