อาตี๋
นาย วิชาญ วุฒิ จิตสัมฤทธิ์

ไวรัสคอมพิวเตอร์


ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์

              ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากภาษาระดับล่าง โดยมีการออกแบบมาทางลบคือ ให้มีคุณสมบัตินำตัวเองไปติดปะปนกับ โปรแกรมอื่นที่อยู่ในระบบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลที่อยุ่ในดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ หรือเกิดการทำงานที่ผิดเพี้ยนไป หรือการทำงานที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การลบไฟล์ที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์ หรืออาจฟอร์แมดจฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
              จุดมุ่งหมายของโปรแกรมไวรัส คือ รบกวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ หรือทำลายแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ และหลบซ่อนตัวเพื่อติดต่อไปยังแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์อื่นๆ ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ไวรัสจะทำงานเฉพาะในหน่วยความจำของระบบเท่านั้น และจะอยู่จนกว่าจะมีการปิดเครื่อง เมื่อเปิดเครื่องไวรัสก็จะถูกกำจัดออกจากหน่วยความจำด้วยเข่นกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าได้กำจัดไวรัสออกจากระบบ เมื่อมีการใช้คอมพิวเตอร์ในครั้งต่อไปไวรัสก็จะทำงานด้วย และมันจะทำการแพร่กระจายไปยังโปรแกรมอื่นๆ ด้วย

กลุ่มของไวรัสคอมพิวเตอร์

              1. Macro Virus เป็นไวรัสที่เกิดขึ้นใหม่โดยถูกสร้างจากภาษาไมโครซอฟต์เวิร์ด (Word Basic) ซึ่งจะทำงานและแพร่กระจายไปถึงไฟล์ข้อมูลประเภทเอกสาร  โดยเฉพาะโปรแกรม Microsoft Word ซึ่งตัวไวรัสจะฝังตัวและเข้าไปทำลายแฟ้มนามสกุล .dot และ .doc ไวรัสจะเข้าไปทำลายไฟล์ระบบของไมโครซอฟต์เวิร์ดทำให้เวลาพิมพ์รายงาน เครื่องจะเกิดอาการแฮงก์บ้างหรือเปิดไฟล์ไม่ได้บ้าง หรือเปิดไฟล์เอกสารได้แต่เป็นภาษาฮิปบรูปมา ไวรัสมาโครเวิร์ดเป็นไวรัสที่อันตรายพอสมควร ได้แก่ ไวรัสชื่อ Word_cab และไวรัสชื่อ Wont_Johnny
              2. Command Virus เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้หวังผลในการทำลายระบบหรือแฟ้มข้อมูลเป็นการทำให้เกิดความกลัว และสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ไวรัสประเภทนี้ง่ายต่อการตรวจสอบและการกำจัด
              3. Program Virus ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทที่สามารถแพร่กระจายได้เมื่อมีการเรียกใช้โปรแกรมที่มีไวรัสทำงานอยู่ และสามารถกระจายไปสู่โปรแกรมอื่นอย่างรวดเร็ว
              4. ฺboot Virus ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัสประเภทที่สามารถแฝงตัวเองและสามารถกระจายในส่วนที่เป็นพื้นที่เฉพาะของดิสก์ หรือฮาร์ดดิสก์ คือในส่วนของบูตเรกคอร์ด (Boot Record) หรือมาสเตอร์บูตเรกคอร์ด (Master Boot Record) เช่น ไวรัส Stone เป็นต้น
              5. Stealth Virus เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการหลบซ่อน สามารถซ่อนตัวเองจากการตรวจสอบได้ ทำให้ยากแก่การตรวจสอบ และการกำจัด
              6. Pelymorphic Viruses เป็นไวรัสที่มีลักษณะการทำงานหลายรูปแบบในตัวเอง มีรูปแบบที่แตกต่างกันในการแพร่กระจายแต่ละครั้ง ทำให้ยากแก่การตรวจสอบ
              7. Mullipartite Viruses เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์แบบผสมที่รวมเอการทำงานของไวรัสหลายๆ แบบไว้ในตัวของมัน สามารถแพร่กระจายได้ในไฟล์
์ และในโปรแกรม

สาเหตุของการติดไวรัสคอมพิวเตอร์

              สาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ติดไวรัส ก็ตือ ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นำแผ่นดิสก์หรือแผ่นซีดีที่มีไวรัสอยู่ ซึ่งอาจเป็นแผ่นเกมส์ หรือแผ่นโปรแกรมอื่นๆ มาใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ไวรัสจะเข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำของเครื่องตั้งแต่เริ่มต้นการทำงาน ไวรัสคอมพิวเตอร์จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเครื่องโดยสามารถติดไปกับส่วนต่างๆของดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ หรือ Boot Record ซึ่งมักจะถูกเรียกให้ทำงานทันที่ที่มีการนำแผ่นดิสก์ที่ติดไวรัสไปใช้งาน การทำงานของไวรัสบางครั้งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าฮาร์ดดิสก์มีปัญหา เพราะว่าไวรัสเข้าไปควบคุมโปรแกรมที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของจอภาพ เช่น การทำให้เกิดตัวอักษรแปลกๆ หรือตัวอักษรร่วงหล่นจากจอภาพ เป็นต้น

อาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสคอมพิวเตอร์

              1. คอมพิวเตอร์ทำงานล่าช้าผิดสังเกต
              2. หน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์เหลือน้อยหรือขนาดเล็กลง
              3. ไฟล์ข้อมูลมีขนาดโตขึ้นผิดปกติทุกครั้งที่ใช้งาน
              4. เนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
              5. การโหลด(Load) โปรแกรมเข้าสู่หน่วยความจำใช้เวลานานขึ้น
              6. เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดอาการแฮงค์ (Hang) โดยไม่ทราบสาเหตุ
              7. เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วบูตเครื่องจากฮาร์ดดิสก์ไม่ได้
              8. เปิดไฟล์เอกสารไม่ได้ หรือเปิดได้แต่เป็นตัวอักษรประหลาดๆ ปนมาด้วย
              9. เครื่องคอมพิวเตอร์มีการกระทำที่แปลกๆ สุดแต่ผู้เขียนโปรแกรมไวรัสจะกำหนดมา เช่น อาจส่งเสียงพิสดารต่างๆ หรือกดอักษร A หนึ่งครั้ง
ก็แสดงอักษร A ออกมาได้หลายสิบตัว

การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์

             1. การป้องกันทางกายภาพ
                 1.1 ตรวจสอบแผ่นดิสก์ ควรมีการตรวจสอบก่อนว่ามีไวรัสติดมาด้วยหรือไม่
                 1.2 ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ ควรมีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ของเครื่องอย่างสม่ำเสมอ
                 1.3 ตรวจสอบ Bad Sector ควรมีการตรวจสอบ Bad Sector ในฮาร์ดดิสก์บ่อยๆ ว่ามีเนื้อที่ที่เป็น Bad Sector เพิ่มขึ้นหรือไม่
                 1.4 ทำการสำรองข้อมูล ควรมีการสำรอง (Backup) ข้อมูลที่มีความสำคัญไว้อย่างสม่ำเสมอเมื่อมีการปรับปรุงข้อมูล
             2. การป้องกันทางเทคนิค
                 2.1 ใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษป้องกัน ฮาร์ดแวร์พิเศษ ก็คือ ชิ้นส่วนภายนอกที่ใช้ต่อร่วมกับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นการ์ด ซี่งเสียบลงบนสล็อตในเมนบอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น การ์ด AVC-4000 เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท R&D
                 2.2 ใช้ซอฟต์แวร์กำจัดไวรัส เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองข้อมูลให้รอดพ้นจากการทำลายของไวรัสคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย โปรแกรมกำจัดไวรัสบางตัวจะฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำซึ่งเป็นประเภท Resident Program และจะตรวจสอบการทำงานของระบบอยู่ตลอดเวลา เมื่อใดที่มีการเรียกใช้โปรแกรมทำงานใดๆ โปรแกรมนี้จะทำการตรวจสอบหาไวรัสที่รู้จักและถ้าพบก็จะร้องเตือน โปรแกรมกำจัดไวรัสที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป
ได้แก่ PC-Cillin Nortorn Anti Virus หรือ McAfee Scan Virus ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรจะทำการอัพเกรดโปรแกรมอยู่บ่อยๆ โดยการโหลดโปรแกรมกำจัดไวรัสเวอร์ชั่นใหม่ๆ มาใช้งาน เนื่องจากไวรัสก็มีการพัฒนารุ่นใหม่ๆ ออกมาเช่นกัน

การแก้ปัญหาเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์มีไวรัส

               1. ปิดเครื่อง เมื่อพบไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทำการบันทึกข้อมุลที่กำลังทำงานอยู่ให้หมดแล้วออกจากระบบงาน ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะไวรัสคอมพิวเตอร์จะแพร่กระจายได้โดยการโหลดเข้าหน่วยความจำและกระจายสู่โปรแกรมต่างๆ แม้ว่าเราจะสามารถทำงานต่อไปได้บนระบบที่ติดไวรัสแล้ว
               2. ใส่แผ่นดิสก์ที่มีไฟล์ระบบ (สามารถบูตเครื่องได้)ในไดร์ฟ A โปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ทุกโปรแกรม จะมีข้อแนะนำเป็นขั้นตอนในการสร้างแผ่นดิสก์ ที่ใช้สำหรับบูตเครื่อง ในเวลาที่เครื่องคอมพิวเตอร์มีปัญหาไม่สามารถบูตเครื่องได้ โดยนำแผ่นดิสก์ที่มีไฟล์ระบบและแน่ใจว่าไม่มีไวรัสในไดร์ฟ A แล้วเปิดเครื่องจะทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่มีไวรัสอยู่ในหน่วยความจำของเครื่อง
               3. ใช้โปรแกรมตรวจจับไวรัส สแกนฮาร์ดดิสก์ตามคำแนะนำของโปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัสเพื่อป้องกันและกำจัดไวรัสจากระบบ ให้หลีกเลี่ยงการซ่อมไฟล์ติดไวรัสแล้ว เพราะการซ่อมไฟล์หมายถึงการที่โปรแกรมจะเข้าไปลบรหัสที่ไวรัสเข้าไปเขียนทับซึ่งเป็นการยากที่จะลบรหัสของไวรัสไปได้หมด และรหัสเหล่านี้อาจติดต่อกับรหัสอื่น ในการทำงาน
ตามปกติของโปรแกรม ซึ่งทำให้ความเสียหายลุกลามไป
               4. สแกนแผ่นดิสก์ทุกแผ่นที่ใช้งานอยู่


คำสำคัญ (Tags): #ima#it#rsu
หมายเลขบันทึก: 51637เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2006 20:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 10:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ติดไวรัสแล้ว

คงไม่มีทางแก้ได้รวดเร็วแน่

ก็ดีนะ

พอดีครูให้ทำ

ดีจังขอบคุนที่ชวยเหลือ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท