โรคทางจิตเวชของเด็กและวัยรุ่นเป็นโรคที่ผู้ป่วยมักได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ในทารก วัยเด็กหรือวัยรุ่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางจิตสังคม โรคในกลุ่มนี้อาจมีอาการต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ หรือได้รับการวินิจฉัยในวัยผู้ใหญ่ก็ได้ แต่อาจมีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่วัยทารก วัยเด็ก หรือวัยรุ่น
โรคในกลุ่มนี้มีหลายโรคตามการแบ่งของ CAMHS (Children Adolescent Mental Health Servise)เช่น
- Mental retardation
- Learning disability
- Attention Deficit Hyperactivity Disorder
- Mood disorder
- Anxiety disorder
- Alcohol and drug
- Crime and duct disorder
ตาม Erikson's Theory of Psychosocial Development ได้แบ่งพัฒนาทางบุคลิกภาพออกเป็น 8 ขั้นโดยช่วงวัยเด็ก (children) คือช่วงอายุก่อนอายุ 12 ปี ซึ่งอยู่ในขั้น 1 , 2 ,3, 4 ดังนี้
ขั้นที่1 ความไว้วางใจหรือความไม่ไว้วางใจ(Trust VS Mistrust) ในช่วงขวบปีแรกของชีวิต ถ้าเด็กได้รับความรักความอบอุ่น
ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ เด็กจะพัฒนาความรู้สึกไว้วางใจคนอื่น แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเด็กไม่ได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ เด็กจะเกิดความสงสัย ความกลัว และความไม่ไว้วางใจคนอื่น
ขั้นที่ 2 ความเป็นตัวของตัวเองหรือความสงสัย (Autonomy VS Doubt & Shame) ในช่วงขวบปีที่ 2 ถ้าเด็กได้มีโอกาสสำรวจและลงมือกระทำตามความอยากรู้อยากเห็น ความสามารถของตน เด็กก็จะพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักควบคุมตนเอง แต่ถ้าเด็กถูกขัดขวางหรือไม่มีโอกาส เขาจะเกิดความไม่กล้าทำสิ่งใด เกิดความสงสัยในความสามารถของตัวเอง เกิดความละอายว่าไม่มีความสามารถแต่อย่างใด
ขั้นที่ 3 ความคิดริเริ่ม หรือความสำนึกผิด (Initiative VS Guilt) ในช่วง 3-5 ขวบ ถ้ามีการกระตุ้นให้เด็กได้แสดงความสามารถอย่างมีเป้าหมาย และทิศทางที่แน่นอน เด็กก็จะพัฒนาการมีความคิดริเริ่ม แต่ถ้าเด็กถูกตำหนิ ถูกห้ามก็จะรู้สึกผิดหวัง รู้สึกกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิดๆลงไป ไม่กล้าตัดสินใจ
ขั้นที่ 4 ความเอาการเอางาน หรือความรู้สึกมีปมด้อย (Industry VS Inferiority) ในช่วง 6-11 ขวบ เด็กจะยุ่งอยู่กับการศึกษาเล่าเรียน การปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ต่างๆ การฝึกฝนระเบียบวินัย ทำให้เกิดความขยันขันแข็ง ความเอาการเอางานอย่างไรก็ตาม ถ้าเด็กประสบความล้มเหลวในการเรียนหรือในการคบเพื่อน เด็กจะเกิดความรู้สึกมีปมด้อย ผลที่ตามมาอาจเป็นการหนีเรียน หรือไม่ตั้งใจเรียน
วัยรุ่น (adolescent)คือช่วงอายุระหว่าง 12-19 ปี อยู่ในขั้นที่ 5
ขั้นที่ 5 ความมีเอกลักษณ์แห่งตน หรือความไม่เข้าใจตนเอง (Identity VS Identity diffusion)ในช่วงวัยรุ่นหรือ 12-19 ปี เป็นช่วงที่เด็กมีบทบาทต่างๆกับเพื่อน กับครูผู้ที่ตนชื่นชม เช่น ดารา เด็กจะเรียนรู้ที่จะมีแบบอย่างหรือเอกลักษณ์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย กิริยาท่าทางการพูดจา ถ้าเด็กไม่สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้ตนเองได้ก็จะทำให้เกิดความสับสน ความไม่เข้าใจ เกิดการเลียนแบบผู้อื่น
ถ้าเด็กไม่ถูกพัฒนาหรือถูกขัดขวางในแต่ละขั้นก็ส่งผลให้เกิดโรคทางจิตสังคมในเด็กและวัยรุ่น ตามที่กล่าวมาในข้างต้น
หลักการทางกิจกรรมบำบัดที่แตกต่างกันในการดูแลเด็กกับวัยรุ่นที่มีความบกพร่องด้านจิตสังคม
การประเมิน (Assessment /Evaluation)
1. ในเด็ก และวัยรุ่นที่บกพร่องทางด้านจิตสังคมควรได้รับการประเมินด้าน cognitive เพื่อให้ทราบ ระดับ ความสามารถการรับรู้และการเข้าใจ ( ACL)
2. การสัมภาษณ์สำหรับในเด็ก : นักกิจกรรมบำบัดใช้การสัมภาษณ์จากผู้ปกครองหรือบุคคลใกล้ชิด
ถ้าเด็กสามารถสื่อสารได้รู้เรื่อง ใช้การสัมภาษณ์กึ่งมาตรฐานครอบคลุมประเด็นต่างๆดังนี้
ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียน ข้อมูลเกี่ยวกับการเล่น/งานอดิเรก ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางบ้าน ข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อน ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ให้เด็กเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็กให้ผู้บำบัดฟัง ขณะพูดคุยกับเด็ก ควรสังเกตพฤติกรรมต่างๆ เช่น การจ้องตา การสบตา ท่าทางผ่อนคลายหรืออึดอัด วิตกกังวล ตอบคำถามตรงประเด็นหรือไม่ ใช้เวลาคิดในการตอบนานหรือไม่ ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ
สำหรับเด็กวัยรุ่น : ควรสัมภาษณ์จากเด็กเอง โดยใช้ therapeutic use of self ให้เด็กเกิดความไว้วางใจ เปิดใจในการให้ข้อมูล และใช้การสังเกตจากภายนอกได้แก่ การแต่งกาย กิริยาท่าทางการพูดจา การแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของตนเอง ความสับสน ความไม่เข้าใจ เกิดการเลียนแบบผู้อื่น
การประเมิน สำหรับเด็ก :การสังเกตจากพฤติกรรมของเด็ก ขณะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อน การเล่นตามกฎกติกา เล่นของเล่นไม่เป็น การแบ่งปัน การรู้แพ้รู้ชนะ สังเกตความไว้วางใจ ความมั่นใจ ความกล้าในการเล่น ความหวัง การแกล้าแสดงออกของเด็ก การประเมินองค์ประกอบด้านจิตสังคม :การใช้แบบทดสอบหรือแบบสอบถาม เช่น VinelandAdaptive Behavior Scale แบบสังเกตพฤติกรรมทางสังคมและการสื่อสารของเด็ก
แบบประเมินทักษะทางสังคมที่จำเป็นสำหรับเด็กในวัยประถมศึกษา
3. สำหรับเด็กวัยรุ่น : ใช้เทคนิคการฉายภาพทางจิตด้วยกิจกรรมต่าง ๆเช่น การปั้น การวาดภาพตามอิสระ การทำงานศิลปะ เพื่อประเมินการแสดงออกทางอารมณ์ การประเมินองค์ประกอบด้านจิตสังคม :การใช้แบบทดสอบหรือแบบสอบถาม เช่น VinelandAdaptive Behavior Scale
การบำบัดฟื้นฟู (Intervention)
นักกิจกรรมบำบัดวิเคราะห์กิจกรรมและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมนั้นด้วยตนเอง ทำซ้ำ ๆ มีการปรับและประยุกต์เพื่อให้เด็กทำแล้วเกิดความสำเร็จ เพิ่มความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง และท้าทายความสามารถของเด็ก เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการทำกิจกรรมเมื่อเด็กได้ทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจ ทำซ้ำจนเป็นนิสัย นิสัยหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็จะหายไป และเน้นส่งเสริมกิจกรรมการดำเนินชีวิตตามบทบาท เพื่อให้เกิดความสมดุล และwell- being
Approach : Therapeutics use of self ,Therapeutic use of occupations and activity ,Education
สำหรับเด็ก : กิจกรรมที่เด็กได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมด้วยตนเองเพื่อให้เด็กได้แสดง ความเป็นตัวของตัวเอง ความริเริ่มสร้างสรรค์ สอดคล้องตามความสามารถและความสนใจ ในบริบทจริงของเด็ก (MOHO,PEOP)
กิจกรรมมีการปรับและประยุกต์ มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน ทำให้เด็กเกิด การมีความหวัง และคาดเดาความสำเร็จของกิจกรรมได้
กิจกรรมที่เด็กสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และสอดคล้องกับบทบาทเด็ก เช่น กิจกรรมการแต่งตัวไปโรงเรียน เพื่อส่งเสริม ทักษะในการแก้ไขปัญหา กล้าตัดสินใจ และความมั่นใจในตนเอง
การให้ความรู้หรือคำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง ในการให้แรงเสริมกับเด็กที่ถูกต้อง การแสดงบทบาทเพื่อให้เด็กเกิดความไว้วางใจ
สำหรับวัยรุ่น : ส่งเสริมให้เกิดเอกลักษณ์ในตนเอง ค้นหาสิ่งที่เด็กสนใจ และให้ความสำคัญ กิจกรรมเน้นเป็นกิจกรรมกลุ่ม เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความเชื่อมั่นในตนเอง และภูมิใจที่ตนเองมีบทบาทในกลุ่มเพื่อน
การประเมินซ้ำ (Outcome)
ประเมิน cognitive level
ประเมินความสุขความพึงใจ
ประเมินความมั่นใจในตนเอง
แบบทดสอบหรือแบบสอบถาม เช่น VinelandAdaptive Behavior Scale
แบบสังเกตพฤติกรรมทาง สังคมและการสื่อสารของเด็ก
แบบประเมินทักษะทางสังคมที่จำเป็นสำหรับเด็กในวัยประถมศึกษา
กิจกรรมบำบัด กับจิตสังคม เป็นเรื่องที่ต้องหาความรู้เพิ่มเติมอีกมาก
นักศึกษากิจกรรมบำบัด กับวิชาชีพกิจกรรมบำบัด ก็ต้องหาความรู้เพิ่มเติมอีกมากเช่นกัน ^^
ไม่มีความเห็น