สืบเนื่องจากเมื่อเสาร์ที่ 16 กันยายน 2549 บุคลากร 10 คนจากฝ่ายอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้รับมอบหมายให้เข้ารับการอบรมทางวิชาการเรื่อง “การจัดการความรู้ในยุคสังคมฐานความรู้” (Knowledge Management in the Knowledge-based Society) จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังต่ออีกหนึ่งเรื่อง
ในการฟังบรรยายในวันนั้นผมประทับใจวิทยายุทธ์ในการถ่ายทอดความรู้ของดร.ประพนธ์เป็นอย่างยิ่ง ท่านนำเอา “ปลาทู” (ซึ่งผมชอบรับประทานมาก) มาสอนเรื่อง “การจัดการความรู้” ให้ดูเป็นเรื่องง่ายๆ ในพริบตา ทำให้ผมรู้สึกรักปลาทูมากยิ่งขึ้น อยากรับประทานปลาทูทุกวัน!!!
“โมเดลปลาทู” คือแบบจำลองง่ายๆ ของ “การจัดการความรู้” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ “หัวปลา+ตัวปลา+หางปลา”
เรามาทำความรู้จักกับส่วนแรกกันเลย ส่วนนี้คือ “หัวปลา” ซึ่งเรียกว่า “Knowledge Vision: KV” อันหมายถึง วิสัยทัศน์ (Vision) หรือทิศทางของการจัดการความรู้ ด้วยการตอบคำถามว่า “ทำ KM ไปทำไม? ทำไปเพื่ออะไร?” คำตอบตัวอย่างก็ได้แก่ “เพื่อความเป็นเลิศ” หรือ “เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน” เป็นต้น
ส่วนต่อมาก็คือ “ตัวปลา” ซึ่งเรียกว่า “Knowledge Sharing: KS” ส่วนนี้เป็น “หัวใจ” ที่ให้ความสำคัญกับ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share & Learn/ลปรร.) ซึ่งควรเป็นการแลกเปลี่ยนกันด้วย “ใจ” ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ต้องมีการเปิดโอกาสให้มีการรับฟัง มีการชื่นชม ผู้ให้และผู้รับมีความใกล้ชิด เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน สบายๆ ไม่เป็นทางการ
ปลาทู KM ส่วนสุดท้าย ก็คือ “หางปลา” ซึ่งเรียกว่า “Knowledge Assets: KA” เป็น “คลังความรู้” สำหรับรวบรวม จัดเก็บ ความรู้ที่ได้รับอย่างเป็นระบบ ช่วยให้การแพร่กระจายความรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการเชื่อมโยงเครือข่าย ประยุกต์ใช้ ICT สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่มีพลังดุจหางปลาสะบัดเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายเบื้องหน้า
พอเล่ามาให้ฟังถึงตรงนี้แล้วก็คงจะนึกออกแล้วนะว่า “ปลาทูแห่งปัญญา” คืออะไร หากไม่กระจ่าง ก็จะได้แถลงไขให้ทราบต่อไป
อาจารย์ประพนธ์ได้ให้ตัวอย่างของ “คลังความรู้ (Knowledge Assets)” ที่น่าสนใจไว้หนึ่งตัวอย่าง นั่นก็คือ Blog ซึ่งเป็นการนำเอา ICT ประยุกต์ใช้เพื่อสร้างแหล่งรวบรวมจัดเก็บและเผยแพร่ ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันทางอินเทอร์เน็ตอย่างได้ผล
ตัวอย่าง Blog ที่อาจารย์ประพนธ์ได้สร้างไว้ คือ
http://gotoknow.org/blog/beyondkm
ใน Blog แห่งนี้เป็นประตูสู่องค์ความรู้ต่างๆ อีกมากมาย เราสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ผมเองก็ได้ความรู้ "การจัดการความรู้" จากที่แห่งอย่างมากมายในชั่วเวลาอันสั้น
ที่เขียนมาให้อ่านทั้งหมดนี้ก็คือ ลปรร. นั่นเอง เมื่อเรียนรู้ ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง ผมตั้งใจให้มันคือจุดเริ่มต้นของการทำ KM ในรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในชุมชนแห่งนี้ถึงตรงนี้ก็บอกได้ว่า การถูกกำหนดให้มี “หน้าที่” เข้าอบรมเรื่อง “การจัดการความรู้ในยุคสังคมฐานความรู้” นั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง
Blog ที่ท่านกำลังอ่านอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นผลสัมฤทธิ์จากการฝึกอบรมที่ได้รับ มันจะเป็นช่องทางในการนำเอาความรู้ที่ได้สั่งสมมาตลอดระยะเวลาการทำงานบริหารอาคารสถานที่อันยาวนานมาเผยแพร่สู่สาธารณะ อันจะเป็นประโยชน์ชุมชนไม่มากก็น้อย
โปรดติดตามชมพัฒนาการของ KM ในการบริหารอาคารสถานที่ด้วย KS เรื่อง
“วิจัยและพัฒนาการบริหารอาคารสถานที่อย่างยั่งยืน”
โมเดลปลาทูกับโมเดลปลาลังคล้ายกันมิคะคุณศุภโชค