เมื่อน้ำโขงค่อยๆลดลง จนมองเห็นพื้นที่บางส่วนเป็นหาดทราย พื้นที่ทางการเกษตรก็เริ่มผุดขึ้นให้เห็นริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขต อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ภาพที่ชาวบ้านริมฝั่งโขงจับจองพื้นที่เพื่อทำการเกษตรหลังน้ำโขงลดระดับลงจะมีให้เห็นทุกปี พืชที่นิยมปลูกเห็นจะเป็น พืชผักอายุสั้น ซึ่งก็มีหลายหลายชนิด
เช่น มะเขือเทศ คะน้า ผักบุ้ง ผักกาดหอม ข้าวโพด ฯลฯ
กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดบึงกาฬ ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรอำเภอเมืองบึงกาฬว่าช่วงนี้แปลงมะเขือเทศของเกษตรกรเป็นโรค จึงแจ้งมาเพื่อให้ทีมงานอารักขาพืชบึงกาฬเข้าตรวจวินิจฉัยพืชให้โดยด่วน
ซึ่งเมื่อทีมงานอารักขาพืชเข้าตรวจสอบวินิจฉัย แล้ว พบว่า มะเขือเทศ เป็นโรคเหี่ยวเขียว ซึ่งมักจะเกิดในแหล่งปลูกพืชแหล่งเดิมๆ ซึ่งเป็นโรคที่สำคัญชนิดหนึ่งของมะเขือเทศ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Ralstonia
solanacearumลักษณะอาการ จะแสดงอาการเหี่ยวในขณะที่ใบยังเขียว ใบลู่เหี่ยวเป็นบางกิ่งในเวลากลางวัน และฟื้นเป็นปกติในเวลากลางคืน เชื้อจะลุกลามขยายไปกิ่งอื่นๆ อาการรุนแรงจะเหี่ยวถาวรทั้งต้น และยืนต้นตายในที่สุด ทำให้คุณภาพและผลผลิตที่ได้มีปริมาณลดลง
การแพร่ระบาดของโรคโดยอาศัยปัจจัยธรรมชาติเช่น ลม น้ำ น้ำฝน และส่วนขยายพันธุ์
ที่สำคัญเชื้อสาเหตุทำให้เกิดโรคสามารถอยู่ในดินได้ข้ามฤดู
การป้องกันกำจัด
เนื่องจากเชื้อสามารถเข้าอยู่ข้ามฤดูในดินได้นานโดยปราศจากพืชอาศัย
ทั้งยังมีพืชอาศัยกว้างและมีความหลากหลายของสายพันธุ์
ตลอดจนไม่มีสารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด
๑.ใช้พันธุ์ต้านทาน เสริมความแข็งแรงให้พืช ปรับดินด้วยปูนขาวและปุ๋ยอินทรีย์
๒.หมั่นสำรวจตรวจแปลง พบต้นเป็นโรคขุดต้นและดินในหลุม รวบรวมออกเผาทำลาย
เปิดหน้าดินบริเวณหลุมที่เป็นโรคตากแดดและโรยปูนขาว งดปลูกซ่อม
๓.กีดกันโรคหรือป้องกันไม่ให้เชื้อโรคพืชเข้ามาในพื้นที่ปลูก เช่น กักน้ำหรืองดการให้น้ำแบบไหลบ่า เช็คส่วนขยายพันธุ์ก่อนปลูกว่าปราศจากเชื้อสาเหตุปนเปื้อน
๔.ปลูกพืชอื่นหมุนเวียน หรือควบคุมโรคโดยชีววิธี
๕.เพิ่มปริมาณซิลิกา ให้แก่พืช เพื่อต้านทานโรค โดยใช้ปุ๋ยหมักและแคลเซียม
๖.ฉีดพ่นสารแคลเซียมโบรอนหรือสารแคลเซียมไนเตรต (๑๕-๐-๐)เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับพืช
ไม่มีความเห็น