กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการเก็บสถิติและข้อมูลการจัดทำบันทึกรายละเอียดและรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. 2555
ม.80 พรบ.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535
วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555
(ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนที่ 39 ก วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 )
1. เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ(ตาม ม. 69 ) ที่มีระบบบำบัดน้ำเสียเป็นของตนเอง(ตาม ม.70) หรือผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างบำบัดน้ำเสีย (ตามม. 73*)
2. เจ้าพนักงานท้องถิ่น (นายก อบต.,นายกเทศมนตรี, ผู้ว่าราชการ กทม., ปลัดเมืองพัทยา)
3. เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ (อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ , ผอ.ทสจ.**)
* ม.73 ยังไม่ได้ถูกประกาศบังคับ
** หมายถึง เฉพาะการรับรายงานตามกฎกระทรวงนี้ เท่านั้น
1. เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ หรือผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างบำบัดน้ำเสียที่มีระบบบำบัดน้ำเสียเป็นของตอนเอง จะต้องจดบันทึกรายละเอียด สถิติ ข้อมูลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย ลงในแบบ ทส.1 เป็นประจำทุกวัน เก็บไว้ ณ สถานที่ตั้งของแหล่งกำเนิดมลพิษนั้น เป็นระยะเวลา 2 ปี นับแต่มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว
2. เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างบำบัดน้ำเสีย ต้องจัดทำรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละเดือนลงในแบบ ทส.2 และเสนอรายงานดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป โดยมี 3 ช่องทาง
2.1 ยื่นต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่แหล่งกำเนิดมลพิษนั้นตั้งอยู่ด้วยตนเอง
2.2 ส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ
2.3 รายงานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษประกาศกำหนด***
*** ปัจจุบัน ยังไม่มีประกาศกำหนด จึงยังใช้วิธีนี้ไม่ได้
3. เจ้าพนักงานท้องถิ่นรับรายงานตามแบบ ทส.2 จากเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างบำบัดน้ำเสีย และออกใบรับเพื่อเป็นหลักฐานให้แก่ผู้เสนอรายงานภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับรายงาน
4. เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างบำบัดน้ำเสีย ต้องเก็บใบรับจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือเอกสารไปรษณีย์ตอบรับ (ใบสีเหลือง) ไว้เป็นหลักฐาน
5. ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียตามมาตรา ๘๐ มีหน้าที่ต้องเก็บสถิติและข้อมูล จัดทำบันทึกรายละเอียด หรือจัดทำรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียอยู่แล้วตามกฎหมายอื่น และการเก็บสถิติและข้อมูล การจัดทำบันทึกรายละเอียดหรือการจัดทำรายงานดังกล่าวมีข้อมูลไม่น้อยกว่าการเก็บสถิติและข้อมูล การจัดทำบันทึกรายละเอียดหรือการจัดทำรายงานตามกฎกระทรวงนี้ ให้ถือว่าการเก็บสถิติและข้อมูล การจัดทำบันทึกรายละเอียดหรือการจัดทำรายงานตามกฎหมายดังกล่าวเป็นการเก็บสถิติและข้อมูลฯ ตามกฎกระทรวงฉบับนี้โดยอนุโลม**** และให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียเสนอรายงานดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นทุกเดือน ภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป โดยให้ยื่นต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่แหล่งกำเนิดมลพิษนั้นตั้งอยู่หรือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับหรือรายงานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษประกาศกำหนด
**** ปัจจุบันยังไม่มีการจัดเก็บสถิติใดใช้แทน ทส.2 ได้
6. เจ้าพนักงานท้องถิ่นรวบรวมรายงาน ทส.2 ที่ได้รับส่งไปให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ในเขตท้องถิ่นนั้นเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง และจะทำความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษเสนอไปพร้อมกับรายงานที่รวบรวมส่งไปนั้นด้วยก็ได้
บทลงโทษ
1. มาตรา 104เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษผู้ใดไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 80 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. มาตรา 106 เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ ผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างให้บริการบำบัด น้ำเสียหรือกำจัดของเสียผู้ใดไม่จัดเก็บสถิติ ข้อมูล หรือไม่ทำบันทึกหรือรายงานตามมาตรา 80 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. มาตรา 107 ***** ผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างให้บริการผู้ใดทำบันทึกหรือรายงานใดที่ตนมีหน้าที่ต้องทำตามพระราชบัญญัตินี้ โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
***** ยังใช้บังคับไม่ได้
แหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้
แหล่งกำเนิดมลพิษที่เข้าข่ายต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ คือ แหล่งกำเนิดมลพิษที่ถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อมนอกเขตที่ตั้ง ตามมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มีทั้งสิ้น 10 ประเภท ดังนี้
๑. โรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่
๑.๑ โรงงานอุตสาหกรรมจำพวกที่ ๒ คือ โรงงานที่มีแรงม้าของเครื่องจักรมากกว่า ๒๐ แรงม้า แต่ไม่เกิน ๕๐ แรงม้า และ/หรือมีจำนวนคนงานมากกว่า ๒๐ คน แต่ไม่เกิน ๕๐ คน
๑.๒ โรงงานอุตสาหกรรมจำพวกที่ ๓ คือ โรงงานที่มีมลภาวะและโรงงานที่มีแรงม้าของเครื่องจักรมากกว่า ๕๐ แรงม้า และ/หรือมีจำนวนคนงานมากกว่า ๕๐ คน
๑.๓ นิคมอุตสาหกรรมหรือโครงการที่จัดไว้สำหรับการประกอบการอุตสาหกรรมที่มีการจัดการระบายน้ำทิ้งลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อมร่วมกัน
๒. อาคารบางประเภทและบางขนาด ได้แก่
๒.๑ อาคารประเภท ก ได้แก่
(๑) อาคารชุดที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๕๐๐ ห้องนอนขึ้นไป
(๒) โรงแรมที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นห้องพักรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๒๐๐ ห้องนอนขึ้นไป
(๓) โรงพยาบาลของทางราชการ รัฐวิสาหกิจหรือสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่มีเตียงสำหรับรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๓๐ เตียงขึ้นไป
(๔) อาคารโรงเรียนเอกชน โรงเรียนของทางราชการ สถาบันอุดมศึกษาของเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาของทางราชการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๒๕,๐๐๐ ตร.ม. ขึ้นไป
(๕) อาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศหรือของเอกชนที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๕๕,๐๐๐ ตร.ม. ขึ้นไป
(๖) อาคารของศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๒๕,๐๐๐ ตร.ม. ขึ้นไป
(๗) ตลาดที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๒,๕๐๐ ตร.ม. ขึ้นไป
(๘) ภัตตาคารหรือร้านอาหารที่มีพื้นที่ใช้บริการรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๒,๕๐๐ ตร.ม. ขึ้นไป
๒.๒ อาคารประเภท ข ได้แก่
(มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ )
(๑) อาคารชุดที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๑๐๐ ห้องนอน แต่ ไม่ถึง ๕๐๐ ห้องนอน
(๒) โรงแรมที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นห้องพักอาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๖๐ ห้อง แต่ไม่ถึง ๒๐๐ ห้อง
(๓) หอพักที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๒๕๐ ห้องขึ้นไป
(๔) สถานบริการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๕,๐๐๐ ตร.ม. ขึ้นไป
(๕) โรงพยาบาลของทางราชการหรือสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนรวม กันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๑๐ เตียง แต่ไม่ถึง ๓๐ เตียง
(๖) อาคารโรงเรียนราษฎร์ โรงเรียนของทางราชการ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาของทางราชการ ที่มีพื้นที่ ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๕,๐๐๐ ตร.ม. แต่ไม่ถึง ๒๕,๐๐๐ ตร.ม. ๒.๒ อาคารประเภท ข (ต่อ)
(๗) อาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศหรือของเอกชนที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ตร.ม. แต่ไม่ถึง ๕๕,๐๐๐ ตร.ม.
(๘) อาคารของศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มีพื้นที่สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๕,๐๐๐ ตร.ม. แต่ไม่ถึง ๒๕,๐๐๐ ตร.ม.
(๙) ตลาดที่มีพื้นที่ที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๑,๕๐๐ ตร.ม. แต่ไม่ถึง ๒,๕๐๐ ตร.ม.
(๑๐) ภัตตาคารหรือร้านอาหารที่มีพื้นที่ให้บริการรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๕๐๐ ตร.ม. แต่ไม่ถึง ๒,๕๐๐ ตร.ม.
๓. ที่ดินจัดสรร ได้แก่
๓.๑ ที่ดินจัดสรรประเภท ก คือ ที่ดินจัดสรรที่รังวัด แบ่งเป็นแปลงย่อยเพื่อจำหน่ายเกินกว่า ๑๐๐ แปลง แต่ไม่เกิน ๕๐๐ แปลง
๓.๒ ที่ดินจัดสรรประเภท ข คือ ที่ดินจัดสรรที่รังวัด แบ่งแปลงย่อยเพื่อจำหน่ายเกินกว่า ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
๔. การเลี้ยงสุกร ได้แก่
๔.๑ การเลี้ยงสุกรประเภท ก คือ การเลี้ยงสุกรที่มีน้ำหนักหน่วยปศุสัตว์ เกินกว่า ๖๐๐ หน่วย
๔.๒ การเลี้ยงสุกรประเภท ข คือ การเลี้ยงสุกรที่มีน้ำหนักหน่วยปศุสัตว์ตั้งแต่ ๖๐ แต่ไม่เกิน ๖๐๐ หน่วย
๔.๓ การเลี้ยงสุกรประเภท ค คือ การเลี้ยงสุกรที่มีน้ำหนักหน่วยปศุสัตว์ตั้งแต่ ๖ หน่วย แต่ไม่ถึง ๖๐ หน่วย (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป)
๕. ท่าเทียบเรือประมง สะพานปลา และกิจการแพปลา
ได้แก่ ท่าเทียบเรือประมง สะพานปลา และกิจการแพปลาทุกขนาด
๖. สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่
๖.๑ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท ก คือ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตั้งอยู่ในที่ดินที่ติดเขตทางหลวงหรือถนนสาธารณะหรือทางที่มีสภาพเป็นสาธารณะที่มีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า ๑๒ เมตร หรือถนนส่วนบุคคลที่มีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า ๑๐ เมตร ที่เชื่อมต่อกับทางหลวงหรือถนนสาธารณะหรือทางที่มีสภาพเป็นสาธารณะที่มีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า ๑๒ เมตร
๖.๒ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท ข คือ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตั้งอยู่ในที่ดินที่ติดเขตถนนสาธารณะหรือทางที่มีสภาพเป็นสาธารณะที่มีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า ๘ เมตร แต่น้อยกว่า๑๒ เมตรหรือถนนส่วนบุคคลที่มีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า ๘ เมตร แต่น้อยกว่า ๑๐ เมตร ที่เชื่อมต่อกับทางหลวงหรือถนนสาธารณะหรือทางที่มีสภาพเป็นสาธารณะที่มีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า ๘ เมตร
๗. บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง
ได้แก่ บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งที่มีขนาดพื้นที่บ่อมากกว่าหรือเท่ากับ ๑๐ ไร่
๘. บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย
ได้แก่บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อยทุกขนาด
๙. บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้แก่
๙.๑ บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดประเภท ก คือบ่อที่ใช้เพาะเลี้ยงสัตว้น้ำที่กินพืชเป็นอาหารทุกชนิด ซึ่งใช้น้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติโดยไม่มีการเติมสารที่ก่อให้เกิดความเค็ม เช่น น้ำทะเล น้ำใต้ดินที่มีค่าความเค็ม เกลือหรือสารอื่นใดลงในบ่อเพาะเลี้ยงดังกล่าว ที่มีขนาดพื้นที่บ่อตั้งแต่ ๑๐ ไร่ขึ้นไป
๙.๒ บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดประเภท ข คือ บ่อที่ใช่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่กินเนื้อเป็นอาหารทุกชนิด หรือสัตว์น้ำอื่นๆ ที่กินทั้งเนื้อและพืชเป็นอาหาร ซึ่งใช้น้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ โดยไม่มีการเติมสารที่ก่อให้เกิดความเค็ม เช่น น้ำทะเล น้ำใต้ดินที่มีค่าความเค็ม เกลือหรือสารอื่นใด ลงในบ่อเพาะเลี้ยงดังกล่าว ที่มีขนาดพื้นที่บ่อตั้งแ่ต่ ๑๐ ไร่ขึ้นไป
๙.๓ บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดประเภท ค คือ บ่อที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกชนิด ซึ่งมีการใช้สารที่ก่อให้เกิดความเค็ม เช่น น้ำทะเล น้ำใต้ดินที่มีค่าความเค็ม เกลือหรือสารอื่นใดเติมลงในบ่อเพาะเลี้ยงเพื่อปรับระดับค่าความเค็มของน้ำที่ใช้เพาะเลี้ยงให้เหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดนั้นๆ ทุกขนาด
๑๐. ระบบบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน
ได้แก่ ระบบบำบัดน้ำเสียที่กระทรวง ทบวง กรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาหรือผู้รับจ้างบริการจัดให้มีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการให้บริการบำบัดน้ำเสียที่รวบรวมจากชุมชน
----------------------------------------------------------------------
ถามว่า
หากเจ้าของแหล่งกำเนิดมลพิษ เพิ่งรู้ว่ามีกฏกระทรวงนี้ในภายหลัง (หลังวันที่ 2 สิงหาคม 55) จะรายงานอย่างไร ต้องรายงานย้อนหลังหรือไม่
ตอบ
ให้เริ่มรายงานตั้งแต่วันที่ทราบ
หากรายงานย้อนหลังอาจจะมีความผิดการณีรายงานข้อมูลเท็จได้
การส่งรายงาน ทส.2 ของเจ้าของ/ผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ และ อปท. ใช้วิธีการส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ จะสะดวกกว่าวิธีอื่น
หากที่โรงงานไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียเป็นของตนเอง เพราะไม่มีน้ำเสียจากกระบวนการผลิต (น้ำเสียที่มี มีเฉพาะที่เกิดจากห้องน้ำเท่านั้น และมีบ่อเกรอะรองรับอย่างพอเพียง) จะต้องทำอย่างไรบ้างคะ ต้องส่งรายงาน ทส.2 หรือไม่ (โรงงานเข้าข่ายโรงงานอุตสาหกรรมจำพวกที่ 3 ค่ะ คือเครื่องจักรเกิน 50 แรงม้า และพนักงานเกิน 50 คน)
ขอบพระคุณค่ะ
ตอบคุณหมวย
1. โรงงานจำพวก 3เข้าข่าย ต้องรายงาน
2.น้ำเสียจากห้องน้ำถือว่าเป็นน้ำเสียโรงงาน บ่อเกรอะ ถือเป็น ระบบบำบัดประเภทหนึ่ง ซึ่งต้องรายงาน
3.ขั้นตอนการรายงาน
-ขอรับแบบทส.1/ทส.2 จาก สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด(ทสจ.) หรือ ดาวโลด จากเว็บไซด์ กรมควบคุมมลพิษ
-บันทึก การทำงานของระบบ (ข้อมูลใดไม่มีให้ ขีด) ตามแบบ ทส.1 ทุกวัน เก็บไว้เองณ แหล่งที่ตั้ง
-สรุป การทำงานในแบบ ทส 2ทุกสิ้นเดือน และส่งให้ อปท.ในพื้นที่ตั้งแหล่งกำเนิดมลพิษ ไม่เกินวันที่15 ของเดือนถัดไป แล้วเกฌบหลักฐานการรับไว้
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ทสจ. หรือ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคในพื้นที่ครับ
ศูนย์บริการสาธารณสุข สังกัดกรุงเทพมหานครมี 68 แห่ง ไม่มีเตียงในการรับผู้ป่วย แต่เปิดบริการรักษาพยาบาล ถือเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษตามกฎกระทรวงนี้ด้วยหรือไม่
ตอคุณ เส
ตามประกาศฯ ให้ถือ
1. โรงพยาบาลของทางราชการหรือสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนรวม กันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๑๐ เตียง ขึ้นไป
2. หากศูนย์บริการสาธารณสุข มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคาร ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ตร.ม. ขึ้นไป จะเข้าข่าย แหล่งกำเนิดมลพิษประเภท อาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศหรือของเอกชนที่มีพื้น (อาคารประเภท ก /ข)
เพราะฉนั้น ศูนย์บริการสาธารณสุข ไม่เข้าข่าย ข้อ 1. แต่อาจเข้าข่ายข้อ 2. ให้พิจารณาพื้นที่ดูครับ
หากเป็นหมู่บ้านจัดสรร ที่มีบ้านจำนวน 160 หลังจะต้องรายงานหรือไม่
ตอบคุณ ruru
หมู่บ้านจัดสรร คือ ที่ดินจัดสรร
หากหมู่บ้านจัดสรรจำนวน 160 หลัง ถ้ารังวัดแบ่งแปงย่อยเกินกว่า 100แปลงขึ้นไป จะเข้าข่ายเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษตามกฏหมาย และต้องรายงาน
อาคารประเภท ค ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศหรือของเอกชนที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร ไม่ถึง 10,000 ตร.ม.ต้องจัดทำ ทส.1 , ทส.2 หรือเปล่าครับ
ตอบคุณ [email protected]
อาคารประเภท ค. ไม่ต้องจัดทำ ทส.1 และ ทส.2 ครับ
เนื่องจาก กฏหมายกำหนดบังคับเฉพาะ อาคารประเภท ก. และ ข. เท่านั้นครับ