เมื่อหลายวันก่อนข้าพเจ้ามีโอกาสได้ร่วมเรียนรู้ กระบวนการที่ถ่ายโยงความรู้อันเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างงานประจำไปสู่การเกิดการพัฒนาคุณภาพ
ข้าพเจ้ามอง R2R ในมิติที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อม พัฒนาหน้างาน <===> คุณภาพ
กระบวนการทางการเรียนรู้ที่นำไปสู่การแก้ปัญหาหน้างานอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ และที่สำคัญต้องเป็นการลงมือเรียนรู้ที่จะแก้ไขด้วยหัวใจอย่างใคร่ครวญ
คำถามหนึ่ง...ที่ผุดขึ้นในใจคือ
"การนำทฤษฎีสู่การปฏิบัติ"...เป็นเรื่องที่ท้าทาย ที่ข้าพเจ้าควรเร่งฝึกฝนตนเองเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกระบวนการได้เกิดการเรียนรู้ด้วยปัญหาและหัวใจ (เปี่ยมสุข)
(ภาพจาก Anuwat Supachutikul)
มีหลักการ...และมุมมองมากมายที่ข้าพเจ้าได้เก็บ Data เข้ามาไว้ในคลังความรู้ที่รอวันตกผลึกผ่านการปฏิบัติ
ในมิติการทำงาน...
ประเด็นหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้ตั้งข้อสังเกตในตนเอง คือ คล้ายมันมีช่องว่างซึ่งไม่แน่ใจว่ากว้างมากน้อยเพียงใด ระหว่างผู้รู้มากมายที่มานั่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและนำสิ่งที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้นไปใช้ในหน้างาน ในกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง
และแล้ววันนี้...
ข้าพเจ้าก็ได้เผชิญกับสถานการณ์จริงที่น่าสนใจมาก เมื่อได้ไปร่วมชวนคนหน้างานในระดับปฐมภูมิหันกลับมามองหน้างานและใคร่ครวญนำไปสู่การแปรเปลี่ยนจากปัญหาหน้างานมาเป็น "คำถามการวิจัย"
ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
บุคลากรสาธารณสุขมากมายที่ฝังตัวอยู่ในพื้นที่ บริบทของหน้างานที่ปรากฏมีมากมาย และดูเหมือนเป็นปัญหาที่ห่างไกลออกไปจากความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาเชิงระบบได้จริง
ดังนั้น...คนหน้างานเหล่านี้จึงทำงานเพื่อที่ว่างานในแต่ละวันจะเคลียร์ออกไปได้มากมายน้อยอย่างไร
วันนี้ข้าพเจ้าได้คิดกับตนเองว่า...
กระบวนการที่เกิดขึ้นในการนำ R2R มาใช้แก้ไขและพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่ จะต้องเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องยาวนาน จนเกิดเป็นนวัฒนธรรมนั่นแหละ ถึงจะได้เรียกว่าเกิดทักษะและจิตวิญญาณแห่งความเป็นนักพัฒนางานประจำด้วยการทำวิจัย (R2R)
...
๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕
(ภาพจาก Akarin Toey )
ในความคิดของคนหน้างาน ก็จะคิดว่า
ทำงานไปแต่ละวันก็เหนื่อยเกือบตายอยู่แล้ว ทำงานไม่ทัน ปริมาณงานมากมาย จะให้ทำอะไรอีก