ช่วงหลายปีมานี้ข้าพเจ้าสังเกตกับตนเองว่ามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น กระแทกเข้ามาล้วนแล้วแต่เป็นพลังงานที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
รักแรง โกรธแรง...กระแทกเข้ามา เต็มไปด้วยความคาดคั้นและคาดหวัง
หลายครั้งเมื่อได้รับแรงกระแทก สิ่งที่ปฏิบัติต่อตนเองคือ การมองเข้ามาในใจของตนเองว่าเป็นเช่นไร ได้มีโอกาสเห็นการกระเพื่อมไปในสองขั้วคือ ความพอใจกับความไม่พอใจ ...
หากพอใจ ... ใจมันก็จะพยายามผลักดันให้แสดงออกมาทางกาย และทางวาจา
หากไม่พอใจ...ก็เช่นกัน ใจมันก็บีบคั้นและเค้น กระแทกดันออกมาให้กระทำการโต้ตอบด้วยความรุนแรง ผ่านกาย และวาจาเช่นกัน
สภาวะที่มองเห็นและส่งผลเนื่องจากใจดันออกมาจากกายและวาจา ข้าพเจ้าได้เลือกใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "อดทน" เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะไม่นำพาตนเองให้ตกเป็นทาสของความชอบใจและความไม่ชอบใจดังกล่าว
ความอดทน ... ทำให้ข้าพเจ้าใช้เครื่องมือหลักที่เรียกว่า "ลมหายใจ" ได้ดีขึ้น
หายใจบวกกับอดทน ทำให้ข้าพเจ้าไม่ต้องตกเป็นทาสแห่งแรงบีบคั้นที่จะต้องแสดงออกมาทางกายและวาจา ลมหายใจทำให้ใจของข้าพเจ้าเบาบางลง และเบาบางลง...
เมื่อเบาบางลง ความเย็นเข้ามาแทนที่ความร้อน พลังงานด้านลบแปรเปลี่ยนเป็นพลังด้านบวก มองเห็นความสงบที่ดูเหมือนคล้ายพายุฝนที่เกิดขึ้นและกระหน่ำลงมาแล้วสงบลง เพียงแค่ว่า ใจของเราไม่ไปตอบสนอง เพียงแค่ยอมรับกับมัน ...
ยอมรับภายในใจ...
ยอมรับต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อได้กระทบกับความไม่พอใจ
ยอมรับต่อความฟูฟ่องพองโตของใจเมื่อได้กระทบกับความพอใจ
ใช้ลมหายใจ...ระบายความเร่าร้อนจากความพอใจและความไม่พอใจนั้น
หลายเดือนผ่านไป ... ความอดทนที่เป็นดั่งต้นกล้าน้อยๆ ได้เติบโตขึ้นในใจของข้าพเจ้า กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ให้ที่พักพิงอันร่มเย็นแก่ข้าพเจ้า ... เมื่อก่อนข้าพเจ้าดูแลเจ้าต้นอดทนนี้ได้ไม่ดีนัก แต่เมื่อ...กาลเวลาผ่านไปข้าพเจ้าพยายามคิดค้นและหาคำตอบกับตนเองที่จะคอยบำรุงต้นอดทน ... จนได้เกิดเป็นความเข้าใจบวกเข้ามา เสริมเข้ามาทำให้การใช้ "ความอดทน" ใช้ได้ง่ายและสะดวกคล่องขึ้นในจิตในใจ
สายลมเย็นโชยพัดผ่านมาในดวงใจน้อยๆ นี้...
ข้าพเจ้าแหงนมองท้องฟ้าและก้มหน้าลงมองผืนดิน เห็นถึงความเสียสละและความงอกงามของธรรมชาติ พร้อมการเกิดและดำรงอยู่ที่เกื้อหนุนให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจ ความพลัดพราก ความอยากครอบครอง ... ความสร้างความเป็นตัวตนว่านี่คือ"ฉัน" และความเป็น"ฉัน" ถูกกระทำให้เจ็บปวด
ข้าพเจ้ามองเห็นเด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมา
มีหัวใจอันอ่อนโยนของแม่และความมีเมตตาของพ่อคอยประคองไม่ให้หลงทาง
แม่และพ่อผู้ให้เลือดเนื้อและจิตวิญญาณ ...
พ่อคือผู้ให้ชีวิตแม่คือผู้ให้จิตวิญญาณ...พ่อและแม่รวมลงอยู่ในจิตดวงน้อยนี้เพื่อเรียนรู้เรื่องใจ
ใจที่เข้าใจ...จะทำให้เกิดเป็นความเข้าใจ
และนำไปสู่การยุติการทำร้ายตนเองผ่านการกระทำอันรุนแรงต่อผู้อื่น
การเดินทางนี้...เดินทางมายาวนาน
ใช้ความอดทน ความเข้าใจ และความรู้สึกตัวทุกก้าวย่างๆ ส่องแสงสว่างเข้าไปในซอกแห่งมุมมืดในใจ...ให้สว่างโพลงและเห็นดอกไม้งามเมื่อได้ต้องแสงสว่างนั้นปรากฏขึ้นเป็นความเบิกบาน...ในใจ...
...
๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕
ข้าพเจ้ามองเห็นเด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมา
มีหัวใจอันอ่อนโยนของแม่และความมีเมตตาของพ่อคอยประคองไม่ให้หลงทาง
แม่และพ่อผู้ให้เลือดเนื้อและจิตวิญญาณ ...
พ่อคือผู้ให้ชีวิตแม่คือผู้ให้จิตวิญญาณ...พ่อและแม่รวมลงอยู่ในจิตดวงน้อยนี้เพื่อเรียนรู้เรื่องใจ
..............
อ่านชีวิตท่านกะปุ๋มตอนนี้แล้ว ภาพฉากชีวิตของตนเองตีคู่ขึ้นมา...
โห... เกิดช่วงที่แม่ลำบากต้องวิ่งขึ้นโรงขึ้นศาล
อาชีพเสริม คือทำ "เหล้าเถื่อน" หาบขึ้น ลงคันนาจนหลังเดี้ยง
แถมพ่อ...ดื่มจนเลือดเป็นแอลกอฮอล์!
โห... (อีกที) เลือดเรา... มิน่า โมหะ ...เมาไม่สร่างซะที :))
ไม่ได้โทษพ่อแม่นะคะ วิบากเราสั่งสมความเมาๆมา :)
ต้องปลูกต้องหาชา "รางจืดฯลฯ" ล้างพิษกันทั้งชีวิตเลยทีเดียว สู้สู้ค่ะ :)
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุค่ะ
อาจารย์เดินทางมาได้ไกล...และยาวนานมากครับ...ร่วมระลึกพระคุณคุณพ่อและคุณแม่ของอาจารย์ด้วยครับ