ระหว่างเมตตากับสปอยดูเหมือนคล้ายกัน แต่ต่างกัน
เมตตา...บางครั้งอาจไม่ต้องสปอย ซึ่งคำว่าสปอยดูเหมือนเป็นภาษาพูดที่พูดที่ใช้กันมาก เช่น แม่สปอยลูก นั่นก็คือ แม่ตามใจลูก...
ซึ่งดูเหมือนเมตตาลูก...แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่
ความหมายของสปอยจะไม่ได้แยกในเรื่องดีหรือชั่ว
แต่...เมตตาจะแยก
เมตตาจะไม่ไปสนับสนุนด้านชั่วแต่จะสนับสนุนด้านดี(ธรรม) แต่สปอยไม่แยก
ดังนั้นบางคนที่ดูเหมือนเมตตาแต่ก็อาจกำลังสปอยก็ได้ เช่น สปอยให้บุคคลหนึ่งฮึกเหิมกระทำชั่ว เพิ่มอัตตามากขึ้น
บางครั้งข้าพเจ้าดูเหมือนโหด และดุ นั่นก็เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ไปสปอยเขา ไม่ไปตามใจเขาในการส่งเสริมให้เขากระทำชั่วทั้งกาย วาจา ใจ
การได้ฟังธรรมในเช้านี้ ณ ลานธรรม
ทำให้เกิดความใจที่ใจว่า ... หากเราเมตตาใคร เราไม่จำเป็นต้องไปคอยสปอยกิเลสเขา
หากการกระทำเราทำให้เขาต้องเจ็บปวด เพราะเหตุจากเราไม่ไปส่งเสริมกิเลสเขา ... แล้วเราก็ต้องถูกมองว่าเป็นคนไร้เมตตา
สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ... ไม่แคร์
เพราะหน้าที่ของข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องไปตามใจกิเลสของใคร (จดหมายถึงครู l ปัญหาไม่ใช่ท้อ แต่คือ ไม่ทำ (44/90) )
มีแต่...ความจริงใจที่จะนำพาผู้คนละออกจากสิ่ง ครอบ"ใจ" นั่นน่ะคือ สิ่งที่ข้าพเจ้าพึงทำอย่างเต็มกำลังทั้งกายและใจ
ดั่งเรื่องลูกวัวน้อยขวิดหลวงปู่สรวง... (จดหมายถึงครู l สิ่งที่ได้เรียนรู้วันสอบตก (43/90) )
...
๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕
เมื่อก่อน ผมทำเรื่องวินัยเชิงบวก กับโรงเรียน มีคุณครูแสดงความคิดเห็นมาว่า วินัยเชิงบวก จะทำให้เด็กนิสัยเสีย เพราะไปสปอยเด็ก ผมก็เลยบอกว่า วินัยเชิงบวก ไม่ใช่การตามใจเด็ก ไม่ใช่การสปอยเด็ก
วินัยเชิงบวก น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเมตตา นะครับ ยกย่องยอมรับในสิ่งที่เขาทำดี ส่วนสิ่งที่เขาทำไม่ดี ไม่ถูก วินัยเชิงบวกจะไม่ไปสนใจตรงนั้น
ขอบพระคุณในความเห็นค่ะ ชอบจังเลยค่ะวินัยเชิงบวก^
จริง ๆ แล้วคำว่า เมตตา ไม่ได้แยกว่า ดี หรือ ชั่ว นะครับ เป็นคำกลาง
ขออธิบายทำความเข้าใจนิดหนึ่งนะครับ ซึ่งผมเห็นว่ามีคนพูดถึงธรรมะหมวดนี้บ่อย แต่ไม่เข้าใจธรรมะหมวดเลยนะ
ธรรมะหมวดนี้ จะมี เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา (ธรรมะของผู้ใหญ่)
ดูผ่าน ๆ ก็จะคิดว่ามีข้อธรรมหมวดนี้มีอยู่ 4 ข้อ แต่แท้ที่จริง ธรรมหมวดนี้มีข้อธรรมอยู่ 3 ข้อนะครับ
กล่าวคือ ข้อธรรม ตั้งแต่ข้อที่ หนึ่งถึงสามนั้น เป็นข้อธรรม สำหรับผู้ใหญ่ ที่ใช้ในการปกครองและดูแลผู้ที่น้อยกว่าเรา หรือลูกน้อง
โดยมีข้อธรรม ข้อที่สี่ เป็นหัวใจ และใช้ควบคุมข้อธรรมทั้งสามข้อ
อธิบายว่า ข้อธรรม เมตตา จะต้องมีข้อธรรมอุเบกขาในการควบคุม
ข้อธรรม กรุณา จะต้องมีข้อธรรมอุเบกขาในการควบคุม
ข้อธรรม มุทิตา จะต้องมีข้อธรรมอุเบกขาในการควบคุม
เพราะธรรมของผู้ใหญ่นั้นต้องมีอุเบกขาเป็นตัวควบคุมเสมอ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นบุคคลที่ดีจริง
ขอยก กรุณา คือความสงสาร ในการสงสารที่มีข้อธรรมอุเบกขาควบคุมนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ที่ใช้ข้อธรรมนี้สงสารมากไปหรือน้อย
สมมติว่า มีเด็กสองคนมาขอความช่วยเหลือ คนที่หนึ่งเคยขอความช่วยเหลือมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ได้พาเพื่อนมาขอความช่วยเลือ หรืออาจเป็นเพื่อนกันที่อยู่ในชั้นเดียวกันก็ได้ (เป็นการสมมติเรื่อง) โดยคนที่มาขอความช่วยเหลือคนนี้มาขอ... ผู้ที่ใช้ธรรมหมวดนี้ก็จะให้ความช่วยเหลือ ผ่านความสงสาร คือ กรุณา โดยไม่ช่วยเหลือมากจนเกินกว่าคนที่เคยช่วยเหลือมาแล้ว ซึ่งอาจเป็นคนที่รู้จักกันกับผู้ที่มาขอความช่วยเหลือคนนี้
สรุป ก็คือทำตัวเองให้เป็นกลาง ไม่ช่วยมากหรือน้อย ไม่ได้แยกว่าดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ รักหรือไม่รัก เพราะเราได้มีคำว่าอุเบกขา เป็นตัวควบคุม ไม่ยินดียินร้ายมากไปหรือน้อยไป โดยทำตัวเฉย ๆ กับการกระทำนั้น ๆ
ถ้าเราไม่มี อุเบกขา เราก็จะช่วยเหลือคนอื่นจนอาจออกนอกหน้าไปสำหรับคนที่ชอบ ส่วนคนไม่ชอบก็ช่วยนิด ๆ หน่อย แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมหมวดนี้
ธรรมะบางครั้งไม่ต้องคิดมากก็เป็นธรรมะ แต่การใช้ธรรมะก็ต้องคิดมากเพื่อเข้าใจธรรมะ
ขอบคุณครับ
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ไปฟังคุณหมอเดว(นพ.สุริยเดว ทรีปาตี) ท่านได้ถอดบทเรียนจากแม่ตัวอย่าง พบว่าเด็กที่จะเป็นอริยชนมาจาก
ขอบพระคุณในความเห็น...นะคะ
...