หลังจากทำวัตรเสร็จ...
ข้าพเจ้ามองเห็นแม่ออกตัวน้อยๆ เดินลิ่วๆ เข้าไปในบ้านแม่ชี ไม่ทันที่จะเรียกว่าให้เดินไปพร้อมแม่ครู...
สัปดาห์นี้มากันกลุ่มใหญ่ แต่เนื่องด้วยว่าเด็กๆ อยากจะมานอนวัด ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีข้าพเจ้าจึงกราบเรียนหลวงปู่เพื่อทราบและขออนุญาต
น้อยนักที่จะมีเด็กๆ อยากจะมานอนที่วัด
นี่คือ การเริ่มต้นแห่งการบ่มเพาะ ข้าพเจ้าจึงมอบโอกาสนี้ให้กับทั้งตนเองและแก่เด็กๆ ด้วย...
แต่สิ่งที่ยาก คือ การแปรเปลี่ยนนิสัยของคนวัด
คือ การสำรวม => ธรรมชาติของเด็กๆ จะเสียงดังและเล่น
ดังนั้นจึงไม่แปลกเมื่อข้าพเจ้าเดินตามทันเด็กๆ เข้าไปในบ้านแม่ชี เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว... ทันทีที่เจอข้าพเจ้า เด็กๆ ก็รีบตะโกน "แม่ครูมาแล้ว"...
ท่ามกลางความเงียบเสียงจึงดังยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้า...ทำท่าให้เงียบและบอกเด็กๆ เดินตามเข้าไปที่กุฏิ
จากนั้นเราก็นั่งล้อมวงห้าหกคนอย่างเงียบๆ...
ไม่พูดไม่จา ... แต่นั่งมองหน้ากัน สักพักข้าพเจ้าถามว่า "ทราบไหมว่าทำอะไรลงไป..." เด็กๆ ก็ตอบพร้อมกันว่า "คุยกันเสียงดัง"
เตรียมท่าคล้ายจะรับคำเอ็ด...
แต่ข้าพเจ้าแปรเปลี่ยนพานั่งสมาธิร่วมกันแทนการเอ็ดหรือตำหนิ...
จากนั้น สักพักเมื่อเสร็จสิ้นการนั่งสมาธิ
ก็หารือกันว่า หากออกไปจากห้อง...ควรจะทำอย่างไร เด็กๆ ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่คุยกัน"...
จากนั้น เราก็ยิ้มให้กัน...รอยยิ้มที่ได้มาจากการนั่งสมาธิ เป็นรอยยิ้มที่สดใสและเบิกบาน
และเมื่อแยกย้าย เด็กๆ...ก็รักษาข้อสัญญาที่ว่าจะไม่คุยกัน
ศานติก็เกิดขึ้นได้ในหัวใจดวงน้อยๆ นี้
...
๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕
ไม่มีความเห็น