ความวุ่นวายเกิดขึ้น มีการกระทบกระทั่งระหว่างเด็กๆ ...
เด็กที่มีฐานแห่งความสุขทางจิตใจดี ก็จะยอม เด็กที่มีความทุกข์มากจะเป็นตัวป่วนเพื่อนๆ ในกลุ่ม และสร้างความกระทบกระทั่งให้เกิดขึ้น
แม้ว่าการเรียนรู้ ... จะเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ไหว้พระและการนั่งสมาธิ นั่นก็ไม่พอเพราะเด็กยังไม่ถูกฝึกฝนทางปัญญา
หลังจากที่หลวงปู่ มาตรวจเยี่ยมเมตตาถึงศาลาสี่ ปรากฏว่ามีเด็กที่สร้างความป่วนเกิดขึ้น วิ่งเล่นเสียงดังในสภาพการณ์ที่ไม่เหมาะ
ข้าพเจ้าเรียนรู้การแก้ไขปัญหา...ด้วยการขออนุญาตจากการเข้ากราบหลวงปู่แยกมาอยู่กับเด็กๆ และพาเขาทำกิจกรรม ในช่วงเวลานั้นเลือกและตัดสินใจชวนกันเก็บของให้เข้าที่ให้เรียบร้อย
พอมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทำ ความวุ่นวายก็ดูเหมือนคลายลง
จากนั้นก็เลยนั่งล้อมวงหารือกัน
ข้าพเจ้าบอกว่า "ประชุมปรึกษากันหน่อย" ... หากพูดเช่นนี้เด็กๆ เขาจะรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมในปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะทราบว่าตัวป่วนในกลุ่มมี แต่ข้าพเจ้าจะหลีกเลี่ยงการลงโทษ เพราะเชื่อว่าไม่ใช่การแก้ไขปัญหาอย่างมีปัญญา แถมจะเป็นการ ตอกตะปูลงไปในหัวใจดวงน้อยๆ
เลือกที่จะถามต่อเด็กๆ ว่า...
"เกิดอะไรขึ้น ... ในความรู้สึกของลูกๆ ความวุ่นวายที่เกิดคืออะไร"
ภายใต้น้ำเสียงที่อบอุ่น ปราศจากการข่มขู่และการใช้โทสะ หากแต่เปิดโอกาสพื้นที่ว่างให้เด็กๆ ได้รู้สึกถึงความปลอดภัย
เด็กๆ กล้าที่จะยอมรับในตนเองว่า ดื้อ ไม่เชื่อฟังแม่ครู ไม่เคารพในกติกาที่ร่วมกันตั้งไว้...เป็นความกล้าหาญของดวงจิตดวงน้อยๆ ที่กล้ายอมรับในตนเองต่อกลุ่มว่าตนเองเป็นผู้สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้น
จากนั้นข้าพเจ้า...จึงถามไปว่า
เพราะอะไรจึงมาเรียนที่นี่ แทบทุกคนตอบว่า "มีความสุข"...
ข้าพเจ้าจึงย้ำลงไปว่า หากเราละเลยต่อกติกาที่ตั้งไว้ คือ ดื้อ เสียงดัง ความสุขในใจเราจะหายไป ...
เป็นการประชุมที่ดีมากในความรู้สึก เด็กที่ป่วนเพื่อนก็ไม่ถูกลงโทษ เด็กที่ไม่ผิดอะไรก็ไม่เกิดกระทบในเรื่องตำหนิ มีแต่โอกาส...
โอกาสของการฝึกฝนละชั่ว...และลงมือปฏิบัติทำความดีให้ถึงพร้อม
การเรียนรู้เช่นนี้ ข้าพเจ้าได้เห็นแบบอย่างอันงดงามจากหลวงปู่ ที่ท่านปฏิบัติต่อพระลูกวัดและลูกศิษย์...ปฏิบัติให้ดูให้เห็นเป็นแบบอย่างอันงดงามของการแก้ไขปัญหาอย่างศานติ
...
เรื่องเล่าวันเสาร์ที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕
ไม่มีความเห็น