ท่ามกลางสภาพความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินในจังหวัดเชียงใหม่ ปัญหาผิวหน้าดินถูกกัดเซาะจากฝนที่ตกลงมา และปัญหาน้ำไหลบ่าจนเกิดน้ำท่วม ส่งผลให้เกิดการสูญเสียหน้าดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ และความเสียหายต่อพื้นที่ทางการเกษตร เนื่องจากผืนดินไม่สามารถอุ้มน้ำได้ ส่งผลให้จังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ไม่เว้นแม้กระทั่งจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นศูนย์กลางความเจริญ ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำแล้วซ้ำอีก
โครงการส่งเสริมการให้เพื่อสังคม มูลนิธิกองทุนไทย หน่วยจัดการต้นน้ำทุ่งจ๊อ และ ชมรมสร้างสุขเพื่อสังคม (The Give North Club) ได้ร่วมมือจัดโครงการ "อาสาปลูกแฝกถวายในหลวง" เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่ พระบาทสมเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
"...พระองค์ทรงตระหนักถึงสภาพปัญหาและสาเหตุที่ดินไม่สามารถอุ้มน้ำ และเกิดการพังทลายของหน้าดิน จึงทรงศึกษาเรื่องการอนุรักษ์หน้าดินโดยวิธีธรรมชาติ ทรงพบว่าหญ้าแฝกเป็นพืชที่ช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และอนุรักษ์ความชุ่มชื้นไว้ในดิน จึงให้มีการ ศึกษาและทดลองปลูกหญ้าแฝก ตลอดจนพระราชทานพระราชดำริที่จะให้มีการนำหญ้าแฝกมาใช้ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อป้องกันการชะล้างการพังทลายของหน้าดิน..."
ปรานญดา สินปรารถนาพร ฝ่ายสื่อและเผยแพร่ ชมรมสร้างสุขเพื่อสังคม กล่าวว่า "...การที่ชมรมสร้างสุขเพื่อสังคม ได้จัดกิจกรรม "อาสาปลูกแฝกถวายในหลวง" ครั้งนี้ เป็นการเสริมสร้างจิตสำนึกของ วัฒนธรรมการให้ โดยการให้ไม่จำเป็นต้องให้เงินให้สิ่งของเสมอไป แต่ให้ในแรงกายหรือสิ่งอื่นใดที่เรารู้สึกว่าเป็นการให้ การปลูกแฝกถือเป็น การให้ อย่างหนึ่ง คือ ให้กับสิ่งแวดล้อมและผืนป่า ซึ่งเป็นสมบัติของทุกคนที่ต้องดูแลรักษา ดังนั้นการปลูกแฝกที่ทุกดวงใจได้อาสามาลงแรงร่วมกิจกรรม สิ่งที่จะได้กลับไปคือความรู้สึกที่ว่า ให้เพื่อสังคม นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนสามารถให้ได้..."
อิสระ ศิริไสยาสน์ หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำทุ่งจ๊อ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์ของพื้นที่ที่ดินถล่มและปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่า
"...ประเทศไทยมีเนื้อที่ทั้งหมด 320.7 ล้านไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่มีการสูญเสียอยู่ระหว่าง 0-50 ตันต่อไร่ต่อปี ภาคเหนือมีการสูญเสียดินอยู่ระหว่าง 0-38 ตันต่อไร่ต่อปี เนื่องจากสภาพพื้นที่มีความลาดชัน แม้จะเป็นพื้นที่ที่สามารถรับปริมาณน้ำฝนได้มากพอ แต่เนื่องจากการไหลบ่าของน้ำฝนจำนวนมาก ทำให้พื้นดินไม่สามารถเก็บกักน้ำฝนได้อย่างเต็มที่..."
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น หน่วยจัดการต้นน้ำทุ่งจ๊อจึงได้ใช้หญ้าแฝกในการป้องกันดินเสื่อมสภาพและดินถล่ม โดยหัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำทุ่งจ๊อ ได้กล่าวย้ำถึงประโยชน์หญ้าแฝกว่า หญ้าแฝกเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพและทุกระดับของดิน สามารถขึ้นได้ทั้งที่พื้นที่ลาดชันหรือพื้นที่ราบลุ่มทั่วไป สามารถขยายกอได้อย่างรวดเร็ว มีระบบรากที่ลึกเสมือนกำแพงใต้ดิน กักเก็บน้ำและความชื้นได้ดี"
ธนรรถ เนียวกุล นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาสาสมัครที่เข้ากิจกรรมปลูกแฝกถวายในหลวง กล่าวว่า
"...ผมได้เข้าค่ายและบุกป่าจริงๆ ก็ครั้งนี้แหละครับ ผมเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ที่เต็มไปด้วยแมกไม้ความเขียวขจีและสายฝนที่ตกเอื่อยตลอดทั้งวัน ผมเหนื่อยแต่ผมมีความสุขมาก ไม่รู้ว่าผมจะพูดแบบไหน แต่ผมรู้ว่าหัวใจผมตอนนี้มันมีพลังขึ้นมาอย่างมาก และที่นี่เองทำให้ผมได้รับมิตรภาพที่ไร้พรมแดนจากชาวจิตอาสาทุกคน แต่เหนืออื่นใดสองมือของผมได้ปลูกแฝกตามรอยพ่อของแผ่นดิน ผมเชื่อว่าได้ทำสิ่งเล็กๆ บางอย่างที่เรียกว่า "ให้เพื่อสังคม" ถึง แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่ทั้งหมดก็ให้ด้วยกายและใจที่ผมสามารถให้ได้..."
ภาพหยาดเหงื่อและต้นแฝกที่ทุกคนได้ปลูกไว้ ณ ต้นน้ำปิง ถือเป็นพลังแห่งศรัทธาและพลังแห่งหัวใจของชาวอาสาทุกคน ที่ต่างมีปณิธานเดียวกัน คือ ปลูกแฝกตามรอยพ่อหลวง พ่อของแผ่นดิน ที่ทรงเสียสละอย่างมิรู้จักความเหน็ดเหนื่อย
รวมถึงการส่งเสริมวัฒนธรรม "การให้เพื่อสังคม" ให้เจริญเติบโตและงอกงาม กลายเป็นสำนึกใหม่ที่ทุกคนในสังคมไทยเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญตลอดไป
"...จิตอาสา เป็นจิตที่พร้อมจะสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา
เพื่อสาธารณประโยชน์
เป็นจิตที่มีความสุขเมื่อได้ทำความดี และเห็นน้ำตาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
เช่นเดียวกลับดอกไม้ที่ได้สยายกลีบเบ่งบาน
มอบความสุข ความสวยงาม แต่งแต้มโลก..."
(พระไพศาล วิสาโล)
ผู้เขียน ชาญณรงค์ วงค์วิชัย
ผู้ประสานงานโครงการส่งเสริมการให้เพื่อสังคม
มูลนิธิกองทุนไทย
ยังมีคนดีอีกมากมายตามไปดูได้ที่ "คนดีมีทุกวัน" http://www.budpage.com/
ไม่มีความเห็น