ตระกูลหญ้าใต้ใบ เตรียมถูกทดลองใช้ประโยชน์ใหม่ จากงานวิจัย ทั่วโลก
ก่อนอื่น ต้องบอกว่า ตัวนี้ ไม่ควรทานในหญิงมีครรภ์ เพราะมันมีฤทธิ์ขับลงล่าง อาจจะเสี่ยง ตัวอ่อน หลุด
โดยธาตุ จัดเป็นยาเย็น และเลือกใช้ในอดีต กับปัญหา ไข้ทับระดู / ระดูทับไข้
ต่อมามีงานวิจัย จากประเทศต่างๆ รวมทั้งจากคนไทย
ส่วนใหญ่ยังเป็นการศึกษา ในหลอดทดลอง กับ เชื้อ หรือ วิจัยกับหนู
วัชพืช หรือ สมุนไพรตัวนี้ ขึ้นมากได้ง่าย คล้ายกับ เอาไว้สงเคราะห์ คนที่รู้จักและเห็นคุณค่า
มีงานวิจัย ในหนู ต้านเชื้อมาเลเรียได้ดี
ในหลอดทดลอง ต้านเอนไซม์ของเชื้อ HIV
หรือการอักเสบ ของไตที่ตามหลังการเกิดนิ่ว
ยับยั้งการเกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
ลดการอักเสบของตับ ป้องกันตับแข็ง
ช่วยลดกรดยูริคในเลือด
ทางด้านมะเร็ง
สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ ยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม ในหลอดทดลอง
หากไปนับรวมการใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญา ไทย จีน อินเดีย ก็ยิ่งเหนื่อยที่จะจำ จำหลักใหญ่ ว่า ระบบตับ ระบบนิ่ว ผื่นผิวหนังบางชนิด
ปัญหาของชาวบ้าน คือ ตระกูลนี้มีหลายสายพันธุ์จริงๆ งานวิจัยก็เลือกต่างพันธุ์กับบ้างมาศึกษา
ในภูมิปัญญาไทย บอกว่า หญ้าใต้ใบ และลูกใต้ใบ ต่างกัน แต่ใช้แทนกันได้ ซึ่งก็ยังสงสัยว่า จริงแท้ประการใด
และผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องตลาด นั้น เป็นตัวไหนกันแน่ เป็นตัวหญ้า หรือ ตัวลูก
ยิ่งผมสนใจ ก็ยิ่งงง ในความเหมือนและความต่าง เพราะไม่มีองค์ความรู้จริง ทางด้านพืช ก็ยังเฝ้ารอ นักวิชาการ ที่ทำวิจัย ตัวสมุนไพรนี้ แจกความรู้ อย่างเป็นระบบให้คนไทย รู้จักสิ่ง(สมมุติ)ที่ถูกต้อง ตามโลกนิยม
นอกจากนี้แล้ว ไม่รู้ มีโอกาสจะเป็นอย่างงานวิจัย ว่านชักมดลูก หรือเปล่า ที่นักวิชาการ ว่า ตัวเมีย แบบหนึ่ง ดีมากกว่า ว่านชักมดลูกตัวผู้ แล้วเริ่มแจกพันธุ์ตัวเมียไปปลูกไปใช้ประโยชน์กันแล้ว
ล่าสุดผมสังซื้อ ว่านชักมดลูกสดตัวเมีย จาก สกลนคร กิโลละ ตั้ง หนึ่งร้อยบาท หวังเอามาปลูก แต่ผู้ส่ง ส่งสิ่งที่นักวิชาการเรียกว่า ตัวผู้มาให้ เฮ้อ เหนื่อยใจ
บางที อาจจะมีศาสตราจารย์ หญ้า-ลูกใต้ใบ ผุดขึ้น อย่างที่มี ศ.ว่านฃักมดลูก
ผู้เรียนรู้รุ่นหลัง
ความเห็น (1)
สมุนไพรไทยมีสรรพคุณดีจริงๆ สิ่งที่คนโบราณใช้ต่อๆ กันมา ก็เชื่อถือได้นะคะ ขอบคถณบันทึกดีๆ ค่ะ