ไปซ่อมสุขภาพ


ยังดีที่พยาบาลมีหัวใจความเป็นมนุษย์ เข้าใจความรู้สึก และวิถีชีวิตของผู้ป่วย

วันนี้คุณยายไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลรามาธิบดีตามหมอนัด คุณยายเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อคืน เพราะต้องตรวจน้ำตาลและไขมันในเลือด จึงต้องงดอาหารตั้งแต่ ๒ ทุ่ม งดดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว  คุณยายไม่ได้ดื่มประจำหรอกครับ แต่ช่วงนี้คุณยายเป็นหวัด มีเสมหะในคอ ล้มตัวลงนอนก็จะไอ คุณยายใช้วิธีดูแลตนเองแบบบ้านๆ คือดื่มน้ำอุ่นมากๆ  นอนห่มผ้าที่หน้าอกให้หนาหน่อย แยกห้องนอนจากคนอื่น และจิบน้ำผึ้งผสมมะนาวบ่อยๆ  คุณยายใช้มะนาวครึ่งลูก กับน้ำผึ้งสามช้อนชา ในน้ำ ๕๐๐ ซีซี  ได้ผลดีทีเดียว สองวันมาแล้วที่คุณยายดื่มน้ำไปไม่น้อยกว่า ๒๐๐๐ ซีซี  สบายคอขึ้นมาก น้ำมูกน้อยลง  แต่เข้าห้องน้ำบ่อยหน่อย แต่คุณยายก็ยังอยากหายเร็วๆ เพราะกลัวหวัดมาติดต่อผม จึงใช้ ยาละลายเสมหะร่วมด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณยายจะใช้ยาซูโดเอฟฟริดีน  ตั้งแต่มีคนเอาไปทำยาเสพติด โรงพยาบาลต่างๆจึงหลีกเลี่ยงไม่จ่ายยาตัวนี้ รวมทั้งร้านขายยาก็หาซื้อไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อาการดีขึ้นเยอะมาก เกือบหายเป็นปกติ โรคหวัดเขามาแล้วเขาก็ไปเอง คราวนี้มาอยู่นานหน่อยตั้ง ๑๐ วัน แน่ะ คงเป็นเพราะคุณยายนอนดึก พักผ่อนน้อย เพราะเข้า G2K อ่านบันทึกและ เล่นเฟสบุ้ค มากไปหน่อย

ปรากฏว่าเมื่อไปถึงโรงพยาบาลหน่วยตรวจสุขภาพที่จัดเป็นสวัสดิการสำหรับบุคลากรของคณะฯ ได้ย้ายไปทำการที่อาคารพระเทพรัตน์ แล้ว สถานที่ใหม่นี้อยู่อีกอาคารหนึ่ง  ต้องเดินบนสกายวอล์ค ผ่านสถาบันมะเร็ง สถาบันประสาท แต่ถือเป็นโอกาสได้ออกกำลังกาย เพราะทางเดินมีหลังคาคลุมตลอด คนเดินกันคึกคักราวกับเดินในศูนย์การค้าทีเดียว ความจริงเขามีรถลอยฟ้าสำหรับให้บริการ แต่ไม่อยากรอ เดินสนุกดี เพื่อความไม่ประมาท คุณยายขอใช้ตัวช่วย  โดยขอให้ลูกพยาบาลที่เป็นลูกศิษย์ช่วยสอบถามว่าจะต้องไปเจาะเลือดที่อาคารใหม่ด้วยหรือไม่  คำตอบคือเจาะอาคารไหนก็ได้เพราะเขาจะเอาผลขึ้นออนไลน์  เทคโนโลยีมันช่างดีอย่างนี้แหละ

เจาะเลือดเสร็จแล้วก็ไปรับประทานอาหารสบายๆ แล้วจึงเดินไปอาคารพระเทพรัตน์  ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปถึงผู้คนจะคึกคักมากราวกับเข้าไปในศูนย์การค้าจริงๆ  มีทั้งธนาคารใหญ่หลายแห่งมาเปิดบริการ มีร้านอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ ที่เราพบในศูนย์การค้า เราก็พบได้ที่นี่  มีมุมน้ำตก สวนประดับ ต้นไม้ น่ารื่น รมย์  จะมีต่างกัน ก็ที่เสียงเพจ เป็นเสียงเรียกคนไข้เพื่อรับยา

โชคไม่ดี วันนี้คุณหมอที่นัดคุณยายลาหยุดกะทันหัน พยาบาลจะขอให้คุณยายมาตรวจวันรุ่งขึ้น คุณยายตาโต บอกคงไม่สะดวกคุณยายเกษียณไปแล้ว กว่าจะมาตรวจได้วันนี้ต้องวางแผนให้มีคนดูแลหลานคือผมนั่นเอง  หากเลื่อนนัดจะลำบากใจ ยังดีที่พยาบาลมีหัวใจความเป็นมนุษย์ เข้าใจความรู้สึก และวิถีชีวิตของผู้ป่วย จึงถามคุณยายว่าถ้าตรวจกับหมอท่านอื่นแทนจะว่าอย่างไร คุณยายไม่ว่าอยู่แล้ว เพราะคุณยายรู้สถานะสุขภาพของตัวเองว่าไม่น่าเป็นห่วง ในที่สุดคุณยายก็ได้ตรวจเพื่อรับยาไปกินต่อ แต่วันนี้รอนานหน่อยเพราะเหลือหมอตรวจแค่สองห้องเท่านั้น (เฉพาะหน่วยสวัสดิการ)

มาตึกใหม่เลยขอเล่าระบบการเรียกตรวจซะหน่อย  การเข้าตรวจ  จะผ่าน ๓ ด่าน ด่านแรกไปวัดความดันเลือดเองโดยยื่นแขนเข้าไปในเครื่องแล้วกดสตาร์ต สักครู่ก็มีกระดาษรายงานผลออกมา ความดันโลหิต ๑๑๕/ ๖๗ ชีพจร ๗๐  ดังนั้นคนไข้ควรนั่งพักสักครู่ประมาณ ๑๐ นาที เพื่อให้หัวใจเข้าสู่ภาวะปกติก่อน จึงค่อยยื่นมือเข้าไป มิฉะนั้นจะได้ค่าที่คลาดเคลื่อน  จากนั้นก็ชั่งน้ำหนักแล้วนำผลทั้งสองมายื่นให้เจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่บอกกลัวใบแสดงผลหายเพราะแผ่นเล็กนิดเดียว ขอให้คุณยายถือไว้เอง  คุณยายจึงขอให้เขาบันทึกค่าน้ำหนักตัวให้ก่อน มิฉะนั้นคุณยายอาจจะลืม หลังจากผลเลือดออนไลน์มาแล้ว  จึงจะเข้าสู่ด่านที่สอง  เรียกเข้าไปนั่งรอบริเวณรอตรวจ  จากนั้น จึงถูกเรียกไปทีละ๒-๓ คนให้ไปนั่งหน้าห้องตรวจ  กรองเป็น ๓ ด่านก็ดี ผู้คนไม่จอแจ  เมื่อถึงหน้าห้องตรวจแล้วไม่เกิน ๑๐ นาทีก็ได้ตรวจ

ตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่ก็นำมาลงบันทึกสถิติ และออกบัตรนัดคราวต่อไป  จากนั้นก็เป็นหน้าที่คุณยายไปซื้อยา  วิธีการซื้อยาก็ไม่ยุ่งยาก คุณยายยื่นใบสั่งแพทย์ที่ห้องยา เขาก็พรินต์บัตรคิวให้ แล้วมานั่งดูจอ มีรายชื่อขึ้นบอกให้ติดต่อการเงินก็นำบัตรคิวไปยื่นพร้อมบัตรประจำตัวประชาชน  การเงินตรวจสอบทะเบียนว่าใช้สิทธิ์จ่ายตรงก็ออกใบเสร็จให้คุณยายเซ็นชื่อ เหมือนใช้บัตรเครดิตซื้อของ หากยาตัวใดไม่อยู่ในบัญชียาหลักก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ครั้งนี้คุณยายไม่ต้องจ่าย ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว คุณยายต้องจ่ายค่าโคลด์ครีม เพราะถือเป็นเครื่องสำอาง อีกครั้งเป็นค่าดอกเตอร์ฟรี ต้องจ่ายเพิ่ม๓๐๐บาท เพราะคุณยายมาใช้บริการคลินิกพิเศษ วันนี้ไม่ใช่ จึงไม่ต้องจ่าย เสร็จแล้วก็นำสำเนามานั่งรอ  ไม่นานห้องยาก็เรียกชื่อให้ไปรับยา  ตอนรับยาเภสัชก็จะอธิบายยา ว่ายาอะไร กินอย่างไร ให้คุณยายตรวจรับยาด้วยเป็นอันเสร็จการมาซ่อมสุขภาพในครั้งนี้  ใช้เวลาเบ็ดเสร็จนับจากการเจาะเลือด ถึงได้รับยา เป็นเวลา  สามชั่วโมงครึ่ง  จ่ายค่าเดินทางไป ๒๑๘ บาท ได้สิทธิ์ลดค่ารถไฟแอร์พอร์ตลิงต์ไป ๓๔ บาท (ผู้สูงอายุนั่งรถแอร์พอร์ตลิงค์ครึ่งราคา) เหลือต้องจ่ายจริงๆคือค่าแห็กซี กับค่ารถเมล์ เพราะคุณยายต้องนั่งรถ ๓ ต่อครับ  ส่วนค่ายา ค่าหมอไม่ต้องจ่าย คุณยายบอกนี่คือรางวัลของคนที่รับราชการครับ

คราวหน้าจะมาเล่าของแถมที่ได้ระหว่างนั่งรอตรวจ 

 

หมายเลขบันทึก: 495791เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2012 01:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม 2012 05:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

      อยากให้คนไข้ทุกคนมีอารมณ์ดี เหมือนคุณพี่    rujires thanooruk  เพราะมันส่งผลถีง การดูแลตัวเองที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดี

       รพ.ชลัญ บางคนรอเป็นวันค่ะ ... เนื่องจาก สว.หูตึงไม่มีญาติมา เราเรียกแล้วเรียกอีกไม่เจอ ตรวจคนไข้จนจะหมดเหลือแกนั่อยู่ถามรออะไร แกบอกรอตรวจไม่เห็นเรียกสักที กรรมจริงแกไม่ได้ยิน แพทย์ไปหมดแล้ว คงเหลือแต่ พบ.ต้องสวมวิญญาณแพทย์ สั่งยาให้แกไป

     คุณภาพชีวิตของคนไข้ชลัญ แต่ละคนเน่าหนอนมาก  เฮ้ยเหนื่อย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท