พฤติกรรมเป็นการแสดงออกของบุคคล ทั้งส่วนที่เป็นพฤติกรรมภายใน และพฤติกรรมภายนอก มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจึงมีการแสดงพฤติกรรมได้อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งภายในคือจิตใจ และปัจจัยภายนอก คือสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีผลต่อการแสดงพฤติกรรม ในส่วนของพฤติกรรมที่เกี่ยวกับการเมือง เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกที่ส่งผลต่อการเมืองการปกครอง หรือส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อให้ประชาชนหรือผู้ที่อยู่ร่วมกันในสังคมมีความสงบสุข ดังนั้นพฤติกรรมทางการเมืองจึงเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาให้กระจ่างชัด เพื่อนำผลการศึกษาเหล่านั้นมาพัฒนาประเทศดังกล่าว เช่น จากการศึกษาพฤติกรรมทางการเมืองของ ฐิตินันท์ เวตติวงศ์ (2531: 66-67) ได้กล่าวว่า “พฤติกรรมและกระบวนการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพฤติกรรมในการลงคะแนนเสียงของประชาชนในปัจจุบันเป็นภาพสะท้อนของปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของไทยที่ได้สะสมติดต่อกันเป็นเวลานานการซื้อ-ขายเสียงและระบบหัวคะแนน เป็นเพียงปัญหารูปธรรมที่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด และมีผลกระทบต่อการปกครองและการบริหารประเทศอย่างชัดเจน”
จากพฤติกรรมทางการเมืองดังกล่าว หากวิเคราะห์ให้ลึกลงไปจะพบว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากตัวบุคคลเป็นสำคัญ ทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้งผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง จึงส่งผลกระทบต่อการเมืองการปกครองโดยตรง และพฤติกรรมดังกล่าวเป็นผลมาจากการขาดคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง
ในสังคมไทยได้มีการสอนคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง ให้กับนักการปกครองและนักบริหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ เริ่มตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์มาจนถึงสถาบันการปกครอง สถาบันการศึกษา ตลอดจนสถาบันครอบครัว โดยกำหนดให้เป็นราชธรรม การเทศนา การ อบรมสั่งสอนและการฝึกอบรม
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ได้เปิดทำการสาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2534 จนถึงปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการปกครอง และการบริหารตามหลักพุทธธรรม และทฤษฎีรัฐศาสตร์สมัยใหม่ ให้สามารถใช้ความรู้ในการปกครองและการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคม
จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การจัดการศึกษาให้กับพระนิสิตจะต้องให้มีความสอดคล้องปรัชญาของหลักสูตรที่จะพัฒนาคุณลักษณะของบัณฑิตที่พึงประสงค์ คือ มีปฏิปทาน่าเลื่อมใส ใฝ่รู้ใฝ่คิด เป็นผู้นำด้านจิตใจและปัญญา มีความสามารถในการแก้ปัญหา มีศรัทธาอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงทางสังคม มีโลกทัศน์ที่กว้างไกลมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองให้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและจริยธรรม
จึงเป็นที่คาดหวังว่าพระนิสิตที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วจะมีพฤติกรรมทางการเมืองที่ดี เป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมทางการเมือง อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาสังคม และส่งผลให้สังคมเกิดสันติสุขได้ในที่สุด
ปัจจุบันวิทยาเขตพะเยา มีนิสิตที่สำเร็จการศึกษาวิชาเอกการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ จำนวน 9 รุ่น ดังตารางต่อไปนี้
รุ่นที่ |
จำนวนที่สำเร็จการศึกษา |
ปีที่สำเร็จการศึกษา |
1 |
29 |
2538 |
2 |
18 |
2539 |
3 |
9 |
2540 |
4 |
14 |
2541 |
5 |
27 |
2542 |
6 |
27 |
2543 |
7 |
30 |
2544 |
8 |
42 |
2545 |
รวม |
196 |
|
จากสถิติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า มหาวิทยาลัยได้ผลิตบัณฑิตสาขาวิชารัฐศาสตร์เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งเป็นผลผลิตที่เป็นด้านปริมาณ อย่างไรก็ตามคณะผู้วิจัยเห็นว่า การผลิตบัณฑิตจะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และปรัชญาของหลักสูตรดังกล่าว จึงต้องการที่จะศึกษาพฤติกรรม คุณธรรมและจริยธรรมทางการเมืองของพระนิสิต เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการวางแผนการบริหารจัดการศึกษาในสาขาวิชาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นข้อมูลให้กับมหาวิทยาลัย ได้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการศึกษาทุกคณะวิชาในโอกาสต่อไป
2.1 เพื่อศึกษาพฤติกรรมทางการเมืองของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากวิชาเอกการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา
2.2 เพื่อศึกษาคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมืองของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากวิชาเอกการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา
3. วิธีวิจัย เชิงคุณภาพ
4. ขอบเขตของการวิจัย
4.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา
ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตด้านเนื้อหาออกเป็น 2 ประเด็นคือ
4.1.2 ด้านคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมืองของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา เช่น การมีพฤติกรรมที่ดี การนำหลักพุทธธรรมไปใช้ และการใช้หลักธรรมาธิปไตย เป็นต้น
4.2 ขอบเขตด้านประชากร
4.2.1 ประชากร แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้คือ
กลุ่มที่ 1 ได้แก่ บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา วิชาเอกการเมืองการ
ปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ตั้งแต่รุ่นที่ 1-รุ่นที่ 8 จำนวน 196 รูป/คน
กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ผู้บังคับบัญชา/ผู้จ้างงาน ของบัณฑิตที่เป็นกลุ่ม
ตัวอย่าง จำนวน 196 รูป/คน
4.2.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาวิชาเอกการเมือง การปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ตั้งแต่รุ่นที่ 1-รุ่นที่ 8 จำนวน 132 รูป/คน และผู้บังคับบัญชา / ผู้จ้างงาน ของบัณฑิต จำนวน 132 รูป/คน รวม 264 รูป/คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของ Krejcie and Morgan และใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) โดยวิธีการจับสลาก (มนัส สุวรรณ และคณะ. 2542 : 118)
5. กรอบแนวคิด
- การเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง- การเลือกตั้ง- การเป็นสมาชิกพรรคการเมือง- การเมืองการปกครองท้องถิ่น - ผู้นำทางการเมือง ฯลฯ |
ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
บัณฑิต |
พฤติกรรมทางการเมือง |
คุณธรรม/จริยธรรมทางการเมือง |
- พฤติกรรมที่ดี- นำหลักพุทธธรรมไปใช้- ใช้หลักธรรมาธิปไตยฯลฯ |
6. นิยามศัพท์เฉพาะ
6.1 พฤติกรรมทางการเมือง หมายถึง พฤติกรรมของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากวิชาเอกการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึง รุ่นที่ 8
6.2 คุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง หมายถึง การมีพฤติกรรมที่ดีทางด้านการเมืองของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากวิชาเอกการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึง รุ่นที่ 8
6.3 บัณฑิต หมายถึง ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากวิชาเอกการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึง รุ่นที่ 8
6.4 มหาวิทยาลัย หมายถึง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา
7. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
7.1 ได้ทราบถึงพฤติกรรม คุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง ของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาวิชาเอกการเมืองการปกครอง ซึ่งเป็นผลผลิตของวิทยาเขตพะเยา
7.2 ได้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อหาแนวทางพัฒนาหลักสูตรในสาขาวิชารัฐศาสตร์ และสาขาวิชาอื่น ๆ ให้ได้บัณฑิตที่พึงประสงค์ โดยเฉพาะการผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ คู่คุณธรรม
ไม่มีความเห็น