สิ่งหนึ่งที่พนักงานมักจะเกรง หรือกลัว ก็คือ
กลัวที่จะเข้าหานาย
หรือหัวหน้าโดยตรงของตนเองในเวลาที่งานที่ทำนั้นเกิดปัญหาขึ้น
สาเหตุที่พนักงานกลัว ก็เนื่องจาก พนักงานเชื่อว่า
ถ้าเราปัญหาที่เกิดขึ้นเข้าไปหารือ หรือบอกกับหัวหน้าของตนแล้ว
หัวหน้าจะคิดว่าตนเองเป็นสาเหตุของปัญหานั้น
และคิดว่าเราเองไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานั้นได้ ผลก็คือ
พนักงานส่วนใหญ่ที่ทำงานในองค์กรเวลาที่มีปัญหาเกิดขึ้นในการทำงานก็มักจะไม่กล้าที่จะเข้าไปปรึกษาหารือกับหัวหน้าของตนโดยตรง
ผลที่ตามมาก็คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะบานปลาย
และกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากเราไม่ได้เริ่มต้นแก้ไขมันตั้งแต่แรก
พฤติกรรมของพนักงานที่มักจะทำเวลาที่งานมีปัญหามีดังนี้ครับ
-
ทำเป็นไม่มีปัญหา ก็คือ
มักจะบอกกับทุกคนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ
ไม่มีอะไรต้องกลัว แม้ว่าตนเองจะกลัวแทบตายแล้วก็ตาม
เพราะจะได้ไม่เสียหน้านั่นเอง
-
ซ่อนปัญหา
ก็คือ เมื่อรู้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้น ก็เริ่มปิดบังปัญหาต่างๆ เหล่านั้น
เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าตนเองมีปัญหาเกิดขึ้นในการทำงาน
พยายามทุกวิถีทางที่จะปิดบัง โดยเก็บซ่อนเอกสาร ข้อมูลต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ใครค้นเจอ
-
หารือกับเพื่อนร่วมงาน
อีกวิธีหนึ่งที่มักจะเป็นที่นิยมมากก็คือ
เอาปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไปแอบคุยกับเพื่อนพนักงานด้วยกันเอง
รวมทั้งอาจจะปรึกษาหารือเพื่อนๆ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าเพื่อนๆ
ไม่ได้เป็นคนที่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง แล้วแนะนำวิธีแก้มา
พนักงานก็เชื่ออีก ผลก็คือ
ปัญหานั้นจะยิ่งบานปลายและแก้ไขยากขึ้นเรื่อยๆ
-
ลาออก
และเปลี่ยนงานใหม่
วิธีนี้เป็นวิธีที่พนักงานหลายคนนิยมเช่นกันครับ ก็คือ
เวลามีปัญหาในการทำงานมากๆ เข้า ก็ไม่มีการปรึกษาหารือกับใครๆทั้งนั้น
เพื่อที่จะหาทางแก้ไข แต่กลับใช้วิธีการตัดช่องน้อยแต่พอตัว
โดยการลาออก หรือบางครั้งก็หายตัวไปเฉยๆ ไม่มาทำงานอีกเลย
ปล่อยให้คนอื่นต้องเข้ามาขุดหาสาเหตุกันอย่างสนุกสนาน
พนักงานที่ทำงานอยู่ก็ต้องพลอยรับกรรมในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อไว้ด้วย
ผมเชื่อว่าคงไม่มีหัวหน้างานคนไหนที่อยากมีลูกน้องอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
จริงมั้ยครับ
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พนักงานมีพฤติกรรมแบบที่กล่าวมานั้นก็มาจาก
“หัวหน้า” ด้วยเช่นกันนะครับ สอบถามไปที่พนักงานว่า
ทำไมถึงไม่ค่อยอยากจะเอาปัญหาในการทำงานไปปรึกษาหารือหัวหน้าของตนเอง
คำตอบที่ออกมาก็มีดังนี้ครับ
-
โดนด่าทุกที
เวลาที่เอาปัญหาเข้าไปหารือ ก็มักจะโดนหัวหน้าด่าทุกที ทั้งๆ
ที่ปัญหานั้นเราเองไม่ได้เป็นผู้ก่อมันด้วยซ้ำไป
แค่จะเข้าไปขอคำปรึกษาว่าจะควรจะทำอย่างไรดี
แต่กลับได้รับแต่คำด่าออกมา
แบบนี้ก็ไม่มีใครที่อยากจะเข้าหาหรอกครับ
-
ไม่เคยรับฟัง
เวลาที่ลูกน้องเข้าไปหาหัวหน้า เพื่อจะหารือเรื่องงาน
สิ่งที่หัวหน้ามักจะทำก็คือ ไม่เคยที่จะตั้งใจฟังให้จบ
ชอบพูดขัดขึ้นมากลางคัน แล้วก็บอกวิธีการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ทุกครั้งไป
หรือไม่ก็ชอบเล่าประสบการณ์ของตนเองให้ลูกน้องฟัง
โดยไม่สนใจว่าปัญหาที่ลูกน้องเข้ามาสอบถามนั้นคืออะไรกันแน่
แบบนี้ก็ไม่มีลูกน้องคนไหนอยากเข้ามาหาอีกแน่นอนครับ
-
ไม่เคยมีคำตอบให้ จริงๆ
แล้วหัวหน้าเองก็ไม่ใช่คนที่ต้องรู้ทุกอย่างเวลาที่พนักงานเข้ามาสอบถาม
แต่ในกรณีนี้ก็คือ ไม่เคยที่ตอบอะไรพนักงาน ไม่เคยช่วยสอน ช่วยแนะนำ
หรือช่วยหาทางออกให้เลย เวลาพนักงานเข้ามาปรึกษา ก็นั่งฟัง
แต่สุดท้ายก็เงียบ หรือไม่ก็มีคำพูดแค่ว่า
“งั้นคุณก็ไปหาทางจัดการเองก็แล้วกัน”
ท่านคิดว่าการที่ลูกน้องเข้ามาหารือ
หรือปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาในการทำงานกับเรานั้น เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่
ถ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้ทำให้ปัญหานั้นไม่บานปลาย
และสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีแล้ว
สิ่งที่ท่านในฐานะหัวหน้าจะต้องทำก็คือ
ไม่ทำพฤติกรรมอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
แต่จะต้องมีความเข้าใจในสิ่งที่พนักงานเข้ามาหารือ
และรับฟังอย่างเข้าใจ เน้นไปที่สาเหตุของปัญหามากกว่าที่ตัวคน
ที่สำคัญก็คือ ไม่ควรจะดุด่า
หรือตำหนิพนักงานอย่างรุนแรงและไม่มีเหตุผล
เพราะนี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้พนักงานไม่อยากที่จะเข้ามาหารือกับเรา
ผลสุดท้ายก็คือ ปัญหานั้นจะไม่ถูกแก้ และอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้น
แก้ไขยากขึ้นเรื่อยๆ ท่านเองล่ะครับ
ลูกน้องกล้าเข้ามาหารือเรื่องปัญหาในการทำงานหรือเปล่าครับ