หลากหลายภาษา หนึ่งเดียวอินเดีย
“นมัสเต” สวัสดีภาษาฮินดี
“วันนะกัม” สวัสดีภาษาทมิฬ
นี่เป็นตัวอย่างคำทักทายเพียงสองภาษาที่เป็นภาษาที่เก่าแก่ของอินเดีย ภาษาฮินดีส่วนใหญ่พูดกันทางภาคเหนือ ส่วนภาษาทมิฬพูดในรัฐทมิฬ นาฑูทางภาคใต้ของอินเดีย
ในฐานะที่เป็นคนต่างชาติที่ไปออกภาคสนามที่อินเดีย เมื่อไปถึงพื้นที่ สิ่งหนึ่งที่ควรต้องสอบถามคือคำทักทายในภาษาของเขา ขอบคุณ ฯลฯ ที่เราค่อยๆ เรียนรู้ และฝึกใช้ซึ่งจะเป็นกุญแจที่เปิดใจเจ้าของภาษาว่าเราสนใจและสามารถพูดภาษาเขาได้ เจอใครที่ทมิฬ นาฑูก็ทักก่อนเลย “วันนะกัม” หรือ “นมัสเต” กับชาวเกรลาพร้อมยกมือไหว้เขา (รู้จักไม่รู้จักทักไปเถอะ) คนส่วนใหญ่ทักทายตอบ แสดงว่าเขามีไมตรี บ้างก็ชอบใจยิ้มกว้างให้เลย บ้างก็ออกอาการทึ่งนิดๆ และชมว่าพูดภาษาทมิฬได้ด้วย!!!
เนื่องจากประเทศอินเดีย หรือแดนภารตะมีความหลากหลายทั้งภาษาและผู้คน แต่ละรัฐก็มีภาษาประจำรัฐ มีภาษาถิ่น ภาษาของคนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยมากมาย จะว่าไปแล้วเขาก็สื่อสารกันยากหากไม่มีภาษากลางคือภาษาอังกฤษสำหรับให้คนแต่ละรัฐติดต่อกัน เช่น คนจากเดลีมาธุระทางภาคใต้ก็ไม่รู้ภาษาทมิฬ หรือในทางกลับกันคนจากทางใต้ไปทำธุระทางเหนือก็อาจจะไม่รู้ฮินดี ภาษาอังกฤษจึงเป็นภาษากลางสำหรับการสื่อสารของคนสองภาค ดังนั้นเขาจึงไม่ต่างจากเราที่เป็นคนต่างชาติ หากเราไม่รู้ภาษาอะไรเลยนอกจากอังกฤษเราก็ใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อกับชาวอินเดียทั่วไปเป็นหลัก ชาวอินเดียคุยกันด้วยภาษาอังกฤษก็เหมือนกับเขาคุยกับเราที่เป็นคนต่างชาติ แต่ถ้าเราเรียนรู้ภาษาฮินดี หรือทมิฬก็ควรฝึกใช้ปนๆ ไปกับภาษาอังกฤษก็ยังดีกว่าไม่กล้าสื่อสารเลย
ชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยมีทักษะการใช้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษา เพราะภาษาเขามาจากรากเหง้าเดียวกันคือสันสกฤต จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะฝึกใช้ หรือเรียนรู้เพิ่มเติมสำหรับเขา
คนไทยโดยทั่วไปไม่มีทักษะการใช้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษา เพราะเราชอบอ้างว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร หรืออ้างว่าลิ้นแข็ง! นั่นเป็นข้อแก้ตัวมากกว่า และไม่ค่อยสนใจเรียนภาษาอื่น นอกจากภาษายอดฮิตเพื่อการค้า ทำอย่างไรเราจะฝึกเยาวชนของเราให้สามารถพูดคุย เจรจา ต่อรอง ซักถาม โต้แย้งกับผู้อื่น (อย่างมีเหตุผล) ทั้งภาษาไทย และอย่างน้อยด้วยการใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมให้ได้ซึ่งในอีกไม่กี่ปีก็จะรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนแล้ว หากจะให้ดีไปกว่านั้น คนไทยควรศึกษาภาษาเพื่อนบ้านในอาเซียนอีกก็จะเป็นประโยชน์ต่อการรวมตัวในฐานะประชาคมเดียวกันต่อไป ภาษาจะเป็นกุญแจไขไปสู่ประตูใจของเจ้าของภาษาและประตูความรู้ ภูมิปัญญาต่างๆ อีกมากมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้เกิดขึ้นระหว่างกันต่อไป
ไม่มีความเห็น