อูวิสาระ : วีรชนฝ่ายสงฆ์
พระอาจารย์อูวิสาระ (U Wisara) คือ วีรชนฝ่ายสงฆ์ที่เป็นผู้นำทางการเมืองรูปหนึ่งและโดดเด่นในประวัติศาสตร์เมียนมา พระอาจารย์นั้นเป็นผู้ต่อกรกับรัฐบาลอาณานิคมอังกฤษโดยใช้วิธีอหิงสา
พระอาจารย์เกิดที่บ้านกางเน่ง เขตอะมยีงมะโย่ะ อำเภอโมงยะหว่า มีนามในวัยเยาว์ว่า หล่องละจ่อ พออายุได้ ๒๐ ปี ก็บวชเป็นพระภิกษุ พระอาจารย์ให้ความสนใจทางการเมืองมากขึ้นนับจากที่ได้ทราบข่าวที่รัฐบาลอังกฤษจับองค์ทานอูอุตตะมะจำคุก อันเนื่องจากได้เทศนาทางการเมือง ในเวลานั้น คณะผู้รักชาติ และคณะสังฆาสามัคคีกำลังมีบทบาทในทางการเมืองในประเทศเมียนมา พระอาจารย์ได้เข้าร่วมกับคณะสังฆาสามัคคี และเทศนาทางการเมือง พร้อมกับร่วมมือกับคณะผู้รักชาติ
Ven.U Wisara
พระอาจารย์อูวิสาระได้เข้าร่วมในการประชุม Indian National Congress ที่เมืองคะยา ประเทศอินเดียพร้อมกับองค์ท่านอูอุตตะมะ ในช่วงที่อยู่ในประเทศอินเดียเป็นเวลา ๒ ปี นั้นท่านได้สั่งสมความรู้ความเข้าใจทางการเมือง หลังจากที่พระอาจารย์กลับจากอินเดีย ท่านได้ปฏิบัติการอย่างแข็.ขันเพื่อเอกราชของเมียนมาอย่างไม่ลดละจากการชี้นำของพระอาจารย์มวลประชาจึงเริ่มตื่นตัวในความรักชาติและการรับรู้ทางการเมืองในขณะที่พระอาจารย์จาริกเทศนาอยู่ ณ เขตตายาวดีนั้น รัฐบาลอังกฤษได้ห้ามมิให้ท่านเทศนา ในหนังสือคำสั่งห้ามเทศนานั้นปรากฏถ้อยคำที่หยาบคายว่า “เจ้าหนูจงสดับ” พระอาจารย์เมินเฉยต่อถ้อยคำนั้นแล้วเทศนาต่อไป ดังนั้นรัฐบาลอังกฤษจึงลงโทษจำคุกพระอาจารย์ด้วยข้อหาฝ่าฝืนอำนาจรัฐ
ven. Ottama และ Ven.Uwisara
หลังจากที่พระอาจารย์ออกจากการคุมขังแล้วก็ยังคงเทศนาต่อต้านอาณานิคมต่อไป ทั้งนี้เพราะมีความรังเกียจระบอบอาณานิคม ดังนั้นจึงถูกจับเป็นครั้งที่สอง ในขณะที่อยู่ในคุกนั้น นอกจากจะไม่ได้รับอนุญาตให้ครองจีวรแล้ว ยังถูกทรมานต่าง ๆ นานา นอกจากนี้ยังส่งพระอาจารย์ไปไว้ที่อินเดีย ตามกฎหมายอาณานิคมพระอาจารย์มิใช่นักโทษถึงขั้นติดคุก ดังนั้นเมื่อพ้นจากคุกเป็นครั้งที่สองก็ได้ออกเทศนาเรื่อง “ไม่กลัวพวกอาณานิคม” ในการประชุมคณะผู้รักชาติที่จัดขึ้น ณ บ้านพะโยงก่าง ตำบลโตงควะ อำเภอหันตาวดี
ฝ่ายจากอังกฤษนั้นก็เฝ้าดูอยู่มิได้คลาดสายตา พระอาจารย์ก็ถูกจับอีกครั้ง ขณะอยู่ในเรือนจำกลางในเมืองย่างกุ้ง พระอาจารย์ได้ร้องขอที่จะครองจีวรและถือศีลอุโบสถ แต่ว่าเจ้าหน้าที่กลับไม่อนุญาต และก็ไม่ถวายอาหารเป็นเวลานานถึง ๑๖๖ วัน พระอาจารย์จึงมรณภาพในปี ๑๙๒๙ ในเวลาที่พระอาจารย์ใกล้มรณภาพนั้น ท่านได้กล่าวสั่งเป็นวาระสุดท้ายต่อมวลประชาชนทั้งหลายว่า “ ขอจงอยู่อย่างฉลาด” คำกล่าวนั้นเป็นโอวาทที่ทิ้งเพื่อชี้แนะแนวทางให้กับประชาชน (พม่า : การปฏิวัติด้วยชายจีวร ?)
จากการต่อสู้อย่างแสนเจ็บปวดของพระอาจารย์นั้น ในท้ายที่สุดพระสงฆ์ถูกจำคุกจึงได้รับอนุญาตให้ครองจีวร และถือศีลอุโบสถได้ พระอาจารย์นั้นมิได้ต่อต้านอาณานิคมด้วยวิธีรุนแรงหากใช้วิธีอหิงสามวลประชามีความตื่นตัวทางการเมือง ก็ด้วยเพราะความพยายามของพระอาจารย์
ด้วยเหตุนี้ พระอาจารย์จึงโดดเด่นในฐานะนักต่อสู้ที่ยืนหยัดเพื่อประเทศและประชาชนด้วยเวลาอันยาวนานที่สุด ดังนั้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระอาจารย์ จึงได้หล่อรูปปั้นของพระอาจารย์แล้วนำไปตั้งไว้บนเสาหินอูวิสาระอยู่บนถนนด้านทิศตะวันตกของพระเจดีย์ชะเวดากอง และให้เรียกถนนนั้นว่า “ถนนอูวิสาระ”
(แปลจากแบบเรียนอ่านประวัติศาสตร์เมียนมา เกรด ๖ หน้า ๑๒-๑๔)
ที่มา โดยวิรัช นิยมธรรม คิดแบบพม่า: ว่าด้วยชาติและวีรบุรุษในตำราเรียน (มหาสารคาม : สนพ.ม.๒๕๕๑) หน้า . ๑๙๗-๑๙๙.
ไม่มีความเห็น