หนังสือเรื่อง “ รู้และเข้าใจการสอนอีกมุมหนึ่ง” เล่มนี้ผมเขียนขึ้นเพื่อประกอบการบรรยายเรื่องการวัดและประเมินผลสู่การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เมื่อบรรยายแล้วเห็นว่าน่าจะพิมพ์เผยแพร่ด้วย จึงจัดพิมพ์เผยแพร่แก่ผู้รับฟังการบรรยายของผม
หวังว่าหนังสือเล่มนี้ คงมีคุณค่าต่อคุณครูผู้อ่านนะครับ
ชาตรี สำราญ
79 ถ.คุปตาสา อ.เมือง จ.ยะลา 95000
01-957-6136,073-215-454
Fax : 073-215-454
บทที่ ๑
ถ้าเราเข้าใจกฎของอิทัปปัจจยตา และหรือกฎของปฏิจจสมุปบาท เราก็จะเข้าใจความสืบเนื่องเชื่อมต่อของสรรพสิ่งทั้งหลายทางธรรมชาติภายในโลกนี้ ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น” ทั้งนี้ไม่เว้นแม้แต่กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ถ้าเราเพ่งพิศให้ดีแล้ว เราจะเห็นว่า ในแผนการจัดการเรียนรู้สู่ผู้เรียนนั้น จะมีความสืบเนื่องเชื่อมต่อระหว่างจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง ซึ่งร้อยรัดกันดั่งเป็นสายโซ่ที่เชื่อมโยงจากประเด็นหนึ่งไปสู่อีกประเด็นหนึ่ง และไม่สามารถทำให้ขาดช่วงหรือผิดร่องรอยแตกกลุ่ม แตกพวกออกไปได้ มิฉะนั้นแล้วจะไม่มีกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ถ้าทุกอย่างไม่ต่อเนื่องกัน
หัวข้อต่าง ๆ ในการจัดทำแผน (การจัดกิจกรรม) การเรียนรู้ แต่ละข้อเฉกเช่น ภพ ชาติ ในปฏิจจสมุปบาท ที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน จากจุดเริ่มต้น คือ จุดประสงค์การเรียนรู้สู่การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดังนี้
จุดประสงค์การเรียนรู้คือ เป้าหมายหลักของคุณครูผู้สอน ที่จะเป็นเครื่องชี้ทำนำทางพาศิษย์เดินไปด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ ดังนั้น ในจุดประสงค์การเรียนรู้คุณครูจะต้องวิเคราะห์แยกย่อยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
ประเด็นที่แตกย่อยทั้ง 3 ข้อนี้ ถ้าหากครูผู้สอนระบุไว้ชัดเจนเห็นได้ชัดก็จะง่ายต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ซึ่งเป็นโซ่ร้อยเชื่อมต่อข้อต่อไป คือ การวัดและประเมินผล
การวัดและประเมินผล เมื่อก่อนนี้คุณครูผู้สอนมักจะนิยมเขียนกันง่าย ๆ พอได้ชื่อว่าเขียนแนวทางการวัดและประเมินผลไว้ในแผนการสอนหรือแผนการเรียนรู้แล้วว่า
แต่ถ้าถามต่อว่า ครูสังเกตอะไร แบบใด มีเกณฑ์การสังเกตอย่างไรบ้าง รายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้ไม่มีการบันทึกเอาไว้ ทุกอย่างอยู่ในหัวใจครูผู้สอนเจ้าของแผนการเรียนรู้เพียงผู้เดียว ก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณครูผู้สอนเข้าใจถึงกฎของอิทัปปจจยตาหรือ ปฏิจจสมุปบาทแล้ว คุณครูผู้สอนจะสามารถเชื่อมโยงการวัดและประเมินให้ร้อยรัดกับจุดประสงค์การเรียนรู้ได้อย่างเหมาะเจาะงดงาม ดั่งภาพที่พอจะมองเห็นได้ในขณะนี้ คือ
ตารางที่ 1 ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้กับการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้
สิ่งที่จุดประสงค์ต้องการ |
สิ่งที่ผู้วัดและประเมินผล ต้องค้นให้พบ |
1. สามารถสำรวจระบบนิเวศน์ภายในชุมชนได้ |
1. สังเกต วิธีการวางแผน การสำรวจระบบนิเวศน์ในชุมชน (P) 2. สังเกตวิธีการร่วมคิดสร้างประเด็นแหล่งที่จะสำรวจ และประเด็นคำถามที่จะสืบค้นหาคำตอบในการสำรวจระบบนิเวศน์ในชุมชน (A ) 3. สังเกตวิธีการสำรวจว่าดำเนินการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ (ในข้อ 2 ) มาก-น้อยเพียงใด มีสิ่งใดที่ควรจะเพิ่มเติมบ้าง (P) 4. อ่านบันทึกผลการสำรวจระบบนิเวศน์ในชุมชน (K) 5. ฟังการนำเสนอผลการสำรวจระบบนิเวศน์ในชุมชน (K) |
สิ่งที่จุดประสงค์ต้องการ |
สิ่งที่ผู้วัดและประเมินผล ต้องค้นให้พบ |
|
6. สัมภาษณ์ / ซักถามประเด็นที่ต้องการรู้เพิ่มเติมและความรู้สึกจากการสำรวจระบบนิเวศน์ในชุมชน (K,A) ( สำหรับเกณฑ์การประเมินผลและรายละเอียดในการสัมภาษณ์ ซักถามดูภาคผนวก)
|
ถ้าครูผู้สอนสามารถสร้างความเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้กับการวัดและประเมินผลได้อย่างกระชับ สอดคล้องกันดั่งภาพที่นำเสนอเป็นตัวอย่างในตอนต้นนี้แล้ว เชื่อได้ว่ามาตรฐานการเรียนรู้ของผู้เรียนจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้เด่นชัด เพราะทุกย่างก้าวที่ผู้เรียนกำลังดำเนินการเรียนรู้นั้น จะถูกควบคุมด้วยระบบการวัดและประเมินผลที่ครูผู้สอนและนักเรียน ผู้เรียนได้ร่วมกันจัดทำขึ้นมาเพื่อร่วมกันวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ให้เดินทางสู่จุดประสงค์ที่วางไว้อย่างตรงและมีความน่าเชื่อถือได้
การวัดและประเมินผลนั้น นอกจากคุณครูผู้สอนจะต้องสานสัมพันธ์ระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้กับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้แล้ว ครูผู้สอนจะต้องรู้และเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้เรียนที่จะแสดงออก เมื่อผู้เรียนสามารถบรรลุพฤติกรรมการเรียนรู้นั้นได้ ถ้าคุณครูผู้สอนรู้และเข้าใจถึงตัวชี้วัดของพฤติกรรมการแสดงออกของผู้เรียนได้ชัดเจน คุณครูผู้สอนก็จะสามารถออกแบบ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้
อ่านเป็นเล่มได้ที่นี่ https://docs.google.com/docume...
ไม่มีความเห็น