ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันของเรา...


ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันของเรา...

 Large_2501201106


การประพฤติปฏิบัติ เมื่อได้ยินได้ฟังอย่างนี้ให้ทุกท่านทุกคนเข้าใจเลยว่า พระพุทธเจ้า ท่านให้เราปฏิบัติธรรมะในชีวิตประจำวันของเรา ที่มันเริ่มต้นจากใจของเรา จากการกระทำของเรา จากการพูดของเรา...

 

ให้ปฏิบัติตนเอง ให้ดูแลตนเอง ให้คอนโทรลตัวเอง ปัญหาต่าง ๆ มันเกิดจากตัวเราเอง ที่เรามีปัญหาก็เพราะตัวเราเอง “กรรมคือการกระทำของเราเองเท่านั้น...”

คนเราส่วนใหญ่มันก็คิดแต่เรื่องเก่า ๆ ทำแต่เรื่องเก่า ๆ พูดแต่เรื่องเก่า ๆ สิ่งที่เก่า ๆ มันมีทั้งดีและไม่ดี

ถ้าเราคิดสิ่งที่ดีมากกว่า ทำแต่สิ่งที่ดีมากกว่า พูดแต่สิ่งที่ดีมากกว่า ชีวิตของเราก็เจริญ ชีวิตของเราก็มีความสุข “ในชีวิตประจำวันถ้าเราทำแต่สิ่งที่ดีมากกว่า มันก็มีผลกำไรมากกว่า..”


Large_2501201107

ปกติแล้วคนเรานะ อินทรีย์บารมียังไม่แก่กล้า...

พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบให้เราฟังว่า เหมือนกับน้ำที่มันไหลจากภูเขาลงสู่ทะเลมหาสมุทร สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ดีมันไม่อยากคิด มันไม่อยากทำ มันไม่อยากพูด เพราะตัวเราเอง มันต้องฝืนการกระทำของตัวเอง

คนเรานะ มันติดสุข ติดสบาย ติดฟรีสไตล์...

สมาธิมันยังไม่มี ความอด ความทน ความขยันหมั่นเพียรมันยังไม่มี มันชอบคิดอย่างเด็ก ๆ “กินสบาย นอนสบาย เที่ยวสบาย ๆ อย่างนี้แหละ…”

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเรายังไม่ฉลาด เรายังไม่รู้แจ้ง เรายังไม่รู้จักทุกข์ ทุกข์มันจะเกิด กับเราอีกหลายปีข้างหน้า มันไม่รู้จักนะ ถ้าเราไม่ได้อาศัยคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทุกท่านทุกคนที่เกิดมามันเป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ

ต้องเริ่มต้นจากความคิดนะ...

อันไหนไม่ดีเราอย่าไปคิดมัน อันไหนดีเราถึงคิด สิ่งที่ดีถ้ามันคิดมากเกินเราก็อย่าไปคิดมัน เดี๋ยวมันจะมากเกิน มันจะทำให้เราฟุ้งซ่าน เขาทานอาหาร เขารับประทานอาหารก็แค่พออิ่ม ถ้าเราไปทานมากกว่านั้นมันไม่ได้

ความคิดของเราก็เหมือนกัน เราต้องรู้จักหยุดให้ใจมันสงบ ให้ใจมันเย็น เราทำอย่างนี้แหละ ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวจิตใจมันก็จะเจริญเติบโตไปในทางที่ดีเอง
จิตใจของคนเราถ้าทำความดีมันเจริญไปเรื่อยนะ มันเจริญทั้งตอนเช้า ตอนเย็น มันเจริญไปเรื่อย สิ่งไหนมันดี ๆ เราต้องทำ เราต้องขยัน เราต้องอดต้องทน

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราติดสุขติดสบาย ถ้าเราไปติดสุขติดสบายมันบาปนะ...
ความสุขจากสิ่งที่ดีถ้าเราไปติดมันเป็นบาป “บาปกรรม” เราทำอะไรติด ๆ ขัด ๆ มันไม่ดี รถคันใหญ่ ๆ บรรทุกหนัก ๆ มันไปติดหล่ม มันยากนะที่จะเอาขึ้นได้

Large_2301201103

ความสุข เราต้องใช้งานเขาให้เป็น...

ความสุข มันมีทั้งคุณและโทษ ความสุขมันเป็นสิ่งเสพติด เราพักผ่อน เราทานอาหาร ให้ร่างกายเรามีความสุขก็เพื่อที่จะได้ทำความดีต่อ ๆ ไป ยิ่ง ๆ ขึ้นไป “ไม่ใช่เรามีความสุข เอาไว้สำหรับติดในความสุข...”

เราทำไปเรื่อย ๆ เราขยันไปเรื่อย ๆ กรรมคือการกระทำของเราที่มันดี ๆ ก็ค่อยเจริญ งอกงามไปเรื่อย ๆ

พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตาให้เรามีความสุขในการทำความดี มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการเสียสละ

เสียสละอะไร...? เสียสละความสุขที่เราบริโภคอยู่นี้ เสียสละในความสะดวกสบาย

คนเรามันบริโภคอาหารเข้าไปแล้วต้องถ่ายเทออก ถ้าเราไม่ถ่ายเทออกร่างกายของเรา มันจะอยู่ไม่ได้ ร่างกายของเรามันจะตาย ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจของเราก็เหมือนกัน ต้องเสียสละ ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น เข้มแข็ง ต้องมีสัมมา

สมาธิ คือความตั้งใจไว้มั่นว่าเราต้องเสียสละ ว่าเราต้องเข้มแข็ง ทำไปเรื่อย สะสมความดีไปเรื่อย สะสมคุณธรรมไปเรื่อย ก้าวไปด้วยความดี เดินไปด้วยความดี...

Large_2501201105

ทุก ๆ วันเราก็ทำแต่อย่างเก่านี้แหละ แต่ว่าทำให้มันดี ๆ ...

หายใจเข้า หายใจออกก็อย่างเก่านี้แหละ ทำกิจกรรมก็อย่างเก่า ปิดรอยรั่ว ปะช่องโหว่ ให้สติให้ปัญญาของเรามันถี่ขึ้น ตั้งอยู่ในความดี ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

เหตุการณ์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่คนเรามันคิดไม่ถึง คาดไม่ถึงนะ...

เพราะคนเรามันตั้งอยู่ในความประมาท เรื่องใหญ่ก็มองเห็นเป็นเรื่องเล็ก ไอ้เล็ก ๆ น่ะ เอาเราตายแน่...!

เหมือนกับลูกปืนนี้ ลูกเล็ก ๆ เท่านิ้วมือเรานี่เอง มันถูกใครเข้าล่ะก็ “ตายหมด” ระเบิดนะลูกมันไม่โตหรอก แต่ถ้ามันถล่มที่ไหนล่ะก็ “มันพังหมด...”

ส่วนใหญ่คนเราประมาทคิดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร...

พระพุทธเจ้าท่านห่วงพวกเรานะ แม้ท่านจะเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ท่านก็ยังตรัสโอวาทครั้งสุดท้ายว่า “ท่านทั้งหลาย จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”

Large_2401201102

ที่เราทุกคนนะคิดว่าตัวเองไม่ประมาท แต่ถ้าเทียบกับพระพุทธเจ้าเรายังประมาทมาก เทียบกับพระอรหันต์เราก็ยังประมาทมากนะ...

อย่างเราเป็นเด็ก เราก็มัวแต่เพลิดเพลินกับความเป็นเด็กของเราตามประสาเด็ก ๆ กิน เล่น นอน แต่กาลเวลาที่มันหมุนไป มันกลืนกินชีวิตของเราไปโดยที่เราไม่ได้สร้างเหตุ สร้างปัจจัยในทางที่ดี

เราเอาเวลาเรียนหนังสือ อ่านหนังสือ ไปกิน ไปเที่ยว ไปโทรศัพท์ ดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ตกัน เอาเวลาที่มันมีค่าไปเสียกับเรื่องที่เราไม่ได้เรียนไม่ได้ศึกษา เขาเรียกว่าไปทำความผิด

 

ถ้าจะเปรียบกับผู้ใหญ่ เวลาทำการทำงานก็เอาไปเที่ยวไปเล่น เปรียบเสมือนเขาคอรัปชั่น กินบ้านกินเมือง

ที่นี้แหละ ผลกรรมเวลาสอบนะ ความสามารถของเรามันมีไม่เพียงพอ เวลาสอบ ใจมันลนไปหมด มือกำปากกาจนปากกาเปียกไปหมด

นี่เพราะอะไร...? ก็เพราะตัวเด็กมันประมาท และก็อยู่ที่คุณพ่อคุณแม่นะ เพราะเด็กมันไม่รู้อะไร

เด็กในช่วง ๗-๑๕ ขวบ ต้องบังคับให้ทำความดี เราจะไปปล่อยลูกของเราตามธรรมชาติ ตามสังคม ตามสิ่งแวดล้อมไม่ได้

Large_2201201111

ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกลูกเรา ต้องฝึกเด็ก เด็กอายุ ๗-๑๕ ขวบ ต้องฝึก ต้องบังคับ ถ้ามันโตกว่านี้มันฝึกไม่ได้ ถ้าเรารักลูกเรา สงสารลูกเรา เราต้องฝึก ถ้าไม่อย่างนั้นลูกเราจะเสียคน เสียอนาคต

ที่ลูกเราจะจนหรือจะรวย จะมีคุณธรรม มันอยู่ที่พ่อที่แม่ มันจะมีคุณภาพ มีศักยภาพ มันอยู่ที่พ่อแม่นี่เอง เพราะพ่อแม่เป็นพรหมลิขิต

ที่ทุกวันนี้เรามองดูรอบ ๆ ตัวเรา มันสอนลูกไม่เป็น มันปล่อยให้ลูกเป็นไปตามกระแส ของสังคม “คุณพ่อคุณแม่นี้สำคัญนะ...”

พระพุทธเจ้าท่านให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาท...

หลักการของพระพุทธเจ้า อย่างพระที่บวชมาใหม่ต้องถือนิสัยของพระพุทธเจ้า ต้องถือนิสัยของพระอรหันต์ ต้องอยู่กับครูบาอาจารย์ ถือนิสัยของครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เดินตามรอยครูบาอาจารย์อย่างน้อย ๕ พรรษา

ถ้าฝึกไม่เป็น ปฏิบัติไม่เป็น ก็ต้องอยู่มากกว่านั้น จนเป็นนิสัยของพระอริยเจ้า


ไม่ใช่บวชมาแล้วก็ไปไหนมาไหนได้สบาย เพราะเราโกนหัวห่มผ้าเหลือง ไปที่ไหนคนก็ใส่บาตรให้ ไม่ใช่อย่างนั้น...!

ต้องอยู่ฝึกกับครูบาอาจารย์อย่างน้อย ๕ ปี ให้ถือหลักธรรมาธิปไตย คือ เอาธรรมเป็นใหญ่ เอาธรรมวินัยเป็นใหญ่ ไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น

ต้องเอาธรรมะเป็นใหญ่ เอาพระวินัยเป็นใหญ่ เราไม่ต้องไปคิดอะไรอีก เพราะว่าธรรมวินัยเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ใครปฏิบัติตามก็ได้ดีหมด ไม่ว่าโยมหรือไม่ก็ได้ดีหมด

ที่มันไม่ได้ดีก็เพราะมันตามใจตัวเอง มันมีเหตุผลเยอะ มันมัวแต่ “ทำไม ทำไม” อยู่นั่นแหละ

เขาเรียกว่าตัวเหตุผลนี้แหละคือตัวอัตตาตัวตน มันหาช่องโหว่ทางวินัย หาช่องโหว่ ของกฎหมาย เพราะมันมีอัตตาตัวตนมาก ตั้งอยู่ในความประมาท

 

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมาธิปไตย ใครปฏิบัติตามดีมาก ได้ดีทุกคน
ส่วนใหญ่คนเราพากันตั้งอยู่ในความประมาท คิดว่ามันยังเช้าอยู่ คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม ยังไม่ถึงเวลา คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่

 

Large_2501201102

คนเรามันหลงนะ เป็นคนเก่งมันหลงนะ...

มีเงิน มีทอง มีทรัพย์สมบัติ มีลาภ ยศ สรรเสริญนี่ มันหลงมาก มันหลงนะ แทนที่จะเอาความเก่ง เอาความสามารถมาพัฒนาตัวเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป มันก็ไปหลงอยู่นั่นน่ะ

 

ไม่ว่าพระไม่ว่าโยมมันก็พากันหลง...

กิเลสตัวที่มันแก้ยากคือ ตัวหลง ตัวที่ประมาทนี้แหละ


กาลเวลามันกลืนกินทั้งคนเก่ง คนไม่เก่ง ที่นี้แหละ กว่าเราจะรู้ตัวชีวิตของเราก็สายเกินไปแล้ว

เรามาวิเคราะห์วิจัยดู ความหลงเกิดจากอะไร...? ความหลงเกิดจากเราประมาทนี้เอง เกิดจากความชะล่าใจนี้เอง “เราไม่ได้พัฒนาจิตใจของเราให้มันต่อเนื่อง...”

คนเราน่ะให้รู้จักความสุขนะ...

ความสุขที่แท้จริงมันต้องเป็นความสุขที่เสียสละ เป็นความสุขที่ไม่มีอัตตาตัวตน 

Large_2301201110

คนเราจะมีทรัพย์สมบัติมากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่จิตใจของใครสงบมากกว่ากัน ถ้าเราไปเอาทรัพย์สมบัติเป็นเครื่องวัดนี้มันไม่ได้นะ...

เพราะตัวที่มีความสุขมันอยู่ที่ใจสงบ มันอยู่ที่ใจไม่มีปัญหา มันอยู่ที่ใจไม่มีตัวไม่มีตน

มีคำถามว่า “ถ้าไม่มีตัวมีตน เราจะทำไปทำไม...?”

มีคำตอบว่า “เราทำไปเพื่อเสียสละ เพื่อละตัวละตน เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่น...” เพราะถ้าเราไม่คิดอย่างนี้ ชีวิตของเราก็เท่ากับเกิดมาเพื่อทำลายโลก เกิดมาเพื่อล้างผลาญโลก

เมื่อเรามีลมหายใจอยู่ เราก็จะได้สร้างความดี สร้างบารมี “ความคิดที่เราเอา เราไม่เอาแล้ว เราจะเป็นผู้ให้แล้ว” เพราะคนเรามันเป็นผู้เอามาตั้งแต่อดีตกาล แม้ปัจจุบันมันก็จะยังเอาอีก...

พระพุทธเจ้าท่านเมตตาเรา ท่านสอนเรา ให้เราเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ...

ทุกคนที่อยู่ร่วมโลกกับเราเขาก็มีความทุกข์ทั้งนั้น ทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางการประกอบอาชีพการงาน “เมื่อเขามีความทุกข์อย่างนี้เราจะมาย้ำทุกเขาอีกไม่ได้นะ...!”

Large_2101201107

ถ้าครอบครัวของเรารู้จักคิดอย่างนี้ เราก็มีเมตตาขึ้นมาอีก เราคิดแต่จะเป็นผู้เอา มันถึงมีเมตตาน้อย

ใจคนเรานี่มันร้อน ที่อากาศมันร้อน ที่ไฟมันร้อน มันสู้ใจมันร้อนไม่ได้...

พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราเจริญเมตตานำตัวเองมาปฏิบัติธรรม เมตตาต่อคนอื่น เมตตาช่วยเหลือคนอื่น สิ่งไหนที่เราพอจะช่วยเหลือได้ก็ให้เราช่วยเหลือ อย่างน้อยเราก็เป็นตัวอย่างในทางที่ดี ตัวอย่างที่ดีมันหาดูได้ยาก

เราปฏิบัติอย่างนี้ทุกวันทุกวัน ความดีก็จะเคยชินกับเรา มันก็จะเป็นปฏิปทา เป็นนิสัย สติปัญญาของเรามันก็จะเร็วขึ้น เพราะเราทำอย่างนี้ไปทุกวันทุกวัน

Large_2101201103

อยู่ที่บ้านก็คือสถานที่ปฏิบัติธรรม อยู่ที่ทำงานก็นั่นแหละคือสถานที่ปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรมคือทำดี คิดดี พูดดี

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่เป็นอมตะ ที่สามารถนำทุกท่านทุกคนออกจากทุกข์ ออกจากวัฏฏะสงสาร

หวังว่าทุกท่านทุกคนจะได้นำเอาคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำไปปฏิบัติด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...

Large_1601201102

 

พระธรรมคำสอนอขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 486404เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2012 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 22:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท