เริ่มที่พ่อ ก่อที่แม่...


 

พ่อแม่เป็นผู้ประเสริฐนะ ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะรักเราเมตตาเราเท่ากับคุณพ่อคุณแม่

Large_tonkla036

แม่คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา คนเราถ้าได้ระลึกถึงคุณพ่อคุณแม่ใจมันมีความสุข “พ่อแม่ท่านจึงเปรียบว่าเหมือนพระอรหันต์ของลูก เป็นผู้ที่มีแต่ให้แล้วก็ให้…”

พ่อแม่เป็นผู้ที่ให้ทั้งร่างกาย ให้ทั้งจิตใจ ให้ความอบอุ่นความดีทั้งหลายทั้งปวง เป็นเด็กก็ยังให้ โตมาแล้วก็ยังให้ ให้โดยไม่มีที่สิ้นสุด นั่นคือความรักของพ่อของแม่

ท่านจึงเปรียบว่าพ่อแม่นี้เป็นพระอรหันต์ เป็นพระพรหม คือผู้ที่มีเมตตา มีความกรุณา มุทิตา อุเบกขากับลูก ๆ ทุกคน เป็นพรหมสี่หน้าที่คอยเมตตาพวกเรา เป็นเทวดาของบุตร เทวดานี้คือผู้ที่อวยชัยอวยพร นำในสิ่งที่เจริญ นำในสิ่งที่มีความสุขมาให้และปกป้องคุ้มครองภัยให้ลูก ๆ

ฉะนั้นพ่อแม่จึงเหมือนเทวดา...

ตอนเด็ก ๆ ตอนเล็ก ๆ พ่อแม่ท่านก็ดูแลเรา ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ทะนุถนอมปกป้อง บางคนรักจนไม่อยากให้ทำอะไร กลัวนิ้วจะเสีย กลัวผิวจะเสีย คุ้มครองในเวลาเด็ก โตขึ้นมาแล้วก็ยังคุ้มครองรักษา “ความรักที่ยิ่งใหญ่ท่านจึงเปรียบเสมือนเทวดา...”

แม่ท่านจึงยกตำแหน่งอันสูงสุดว่าเป็นผู้ที่มีแต่ให้...

ถ้าเปรียบอยู่กับน้ำท่านก็เรียกว่าแม่น้ำ เป็นผู้สงบเป็นผู้ร่มเย็น เป็นแม่น้ำที่ชุ่มฉ่ำ ให้ความดี ไปอยู่ในที่ใดก็ยกความยิ่งใหญ่ให้หมด เปรียบเสมือนแผ่นดินมีความสงบนิ่งไม่หวั่นไหว อดทนได้ รับได้ ทนได้ ในสิ่งที่ลูกทำ ในสิ่งที่ลูกคิด ในสิ่งที่ลูกปรารถนา

ถ้าอยู่ในบ้านท่านก็เรียกว่าแม่บ้าน เป็นใหญ่ในบ้าน แม้แต่ในสงครามท่านก็ยังเรียกว่าแม่ทัพ

ดังนั้นคำว่าพ่อคำว่าแม่จึงเป็นคำที่ยิ่งใหญ่จากคุณภาพของจิตใจที่งดงาม เป็นจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมด้วยความดี

ผู้ที่เมตตาเราจริง ๆ เรารักจริง ๆ ก็คือพ่อคือแม่นี้นะ ดังนั้นพ่อแม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราทุกคน

ชีวิตของเราจะเจริญจะเสื่อมก็อยู่ที่พ่อที่แม่

ภาษิตที่เป็นอมตะท่านจึงบอกไว้ว่า “ต้องเริ่มที่พ่อก่อที่แม่” ทุกอย่างต้องอยู่ที่ผู้นำ พวกเด็ก ๆ เราจะไปโทษเค้าไม่ได้ เพราะว่าเด็กเกิดมาเขาก็ยังไม่ได้เรียนรู้อะไร ผู้นำจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเรานำไปดีเขาก็จะดีด้วย ถ้าผู้นำไม่ดีเด็กมันก็ไม่ดีด้วย

ทุกอย่างต้องเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัยทั้งนั้น อย่างครอบครัวของเราจะเจริญมั่นคงหรือว่าจะมีความสุขก็อยู่ที่คุณพ่อคุณแม่นะ

หมู่บ้านของเราจะเจริญก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่บ้าน ขึ้นอยู่กับผู้บริหารบ้านเมือง ตลอดจนถึงเทศบาล อบต. จะเจริญก้าวหน้าก็ต้องอาศัยผู้นำที่ดี ที่เสียสละ
ดังนั้นความเป็นพ่อเป็นแม่จึงถือว่าเป็นบุญใหญ่เป็นกุศลมาก เพราะว่าถ้าเราเลี้ยงบุตรเลี้ยงลูกให้ดีเขาก็จะเป็นบุคคลที่ดีที่ประเสริฐ ได้ทั้งบุญได้ทั้งความดี

อาชีพนักการเมือง เป็นหัวหน้าท้องถิ่น เป็นอาชีพที่ได้บุญมากได้กุศลเยอะ ถ้าเราทำให้มันดีทำให้มันถูกต้อง ทำให้มันเป็นบุญ แต่ถ้าเราไม่ได้สร้างความดีตรงนี้ด้วยความเสียสละ มันก็ไม่ได้เป็นบุญ มันก็จะเป็นบาป “เป็นมหาบาปเลยนะ มันไม่ใช่บาปธรรมดานะ เพราะมันมีความสุขบนหลังคนอื่น มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อย่างนี้มันบาปมากนะ...”

วันนี้จึงถือว่าเป็นนิมิตหมายอันประเสริฐที่คณะเทศบาลตำบลมะค่าได้มาประพฤติปฏิบัติธรรมสร้างคุณธรรมความดี วันนี้องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านจึงเมตตาให้พูดธรรมะเรื่อง “เริ่มที่พ่อ ก่อที่แม่...” เพื่อจะได้เกิดประโยชน์ และน้อมนำเอาธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปใช้ประพฤติปฏิบัติ ให้เกิดความสงบความร่มเย็น เราจะได้ประพฤติปฏิบัติตนเองให้มันถูกต้อง...

 


 


ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงมีความทุกข์..? สาเหตุเกิดจาก ๑. ความไม่รู้ ๒. ความประมาท

ความไม่รู้... คนเราไม่รู้จักทุกข์ที่แท้จริง ไม่รู้เหตุดับทุกข์ ไม่รู้ข้อปฏิบัติเรื่องความดับทุกข์ อย่างเด็ก ๆ นี่ ไม่รู้ว่าในอนาคตว่าเราจะมีทุกข์ เพราะความคิดอย่างเด็ก ๆ เป็นเด็กก็คิดได้แต่เรื่องกินเรื่องเล่นตามประสาเด็ก ๆ เขาไม่เข้าใจ ถ้าไม่ได้อาศัยพ่อแม่เป็นแบบพิมพ์ พ่อแม่นี้สำคัญมาก ลูกเราจะได้ดี หรือไม่ดีมันอยู่ที่พ่อแม่

เริ่มต้นมันต้องเริ่มที่พ่อก่อที่แม่...

ถ้าเราเลี้ยงลูกผิดพลาดเด็กก็จะเสียอนาคต การเลี้ยงลูกนี่ไม่ใช่ว่าพูดสอนอย่างเดียว ตัวพ่อแม่ก็ต้องปฏิบัติให้ดู ปฏิบัติเป็นอย่างตัวอย่าง
พ่อแม่ต้องพร้อมด้วยกาย วาจา ใจ ด้วยการกระทำ...

ชีวิตของพ่อแม่จึงเป็นชีวิตที่ประเสริฐ เพราะเรามองดูแล้วลูกของเรามอบทั้งกายทั้งชีวิตให้พ่อแม่ ที่มันจะดีหรือเลว หรือยากจน มันขึ้นอยู่ที่พ่อแม่


ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ชอบไปโทษเด็ก ไม่ได้มองตัวเอง…

พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราทุกคนกลับมาประพฤติปฏิบัติตัวเอง กลับมาพัฒนาตัวเอง ปัญหาต่าง ๆ ที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตมันอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่วางเกมส์ วางการดำเนินชีวิตให้ลูกของตนเอง

การที่เราเป็นคนร่ำรวย ให้ทรัพย์สมบัติแก่ลูกตนเอง พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ายังไม่ประเสริฐ เท่ากับให้ความดี ให้ปฏิปทา

“ให้ความดี ให้ปฏิปทา...”

ถ้าคนเรามีปัญญา มีปฏิปทาที่ดีที่ประเสริฐ ทรัพย์สมบัติภายนอกมันหาได้ เพราะปัญญามันประเสริฐยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง

พระพุทธเจ้าท่านถึงเมตตาตรัสว่า “อะเสวะนา จะพาลานัง ปัณฑิตา นันจะเสวะนา” สิ่งที่เป็นมงคลก็คือการคบบัณฑิต เพราะบัณฑิตจะพาเราทำแต่ความดี

พระพุทธเจ้าตรัสถามพระอานนท์ว่า อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต...?
และพระองค์ทรงตรัสเฉลยว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตคือการได้คบได้สมาคมกับคนดี”

Large_tt8035

คนที่เราพบและคลุกคลีมากที่สุดก็คือ “พ่อกับแม่เรา” พ่อแม่ถึงเป็นคนสำคัญของชีวิต “ถ้าพ่อแม่ดีลูกก็จะได้ดีเป็นคนดี...”

การเลี้ยงลูกนี้เราไม่ได้เลี้ยงเฉพาะทางร่างกายนะ เราต้องเลี้ยงทางคำพูด กิริยา การกระทำ...

ลูกที่เกิดมามันก็เหมือนพ่อแม่ เลือดกรุ๊ปเดียวกับพ่อแม่ บางทีมันก็เดินเหมือนพ่อแม่ พูดเหมือนพ่อแม่ พยายามถอดแบบมาจากพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ขยันลูกมันก็ขยัน ถ้าพ่อแม่ขี้เกียจ ลูกมันก็ขี้เกียจ ถ้าพ่อแม่พูดจาใช้สำนวนไม่สุภาพ มันก็พูดตาม พ่อแม่เถียงกันเก่ง ทะเลาะกันเก่ง ลูกมันก็เอาตัวอย่าง ถ้าพ่อแม่ดื่มเหล้าเล่นการพนัน ลูกมันก็ทำตาม ถ้าพ่อแม่เจ้าชู้ ลูกมันก็เจ้าชู้

กรรมคือการกระทำ...

มันจะเป็นมรดกตกทอดถึงลูกของเรา มันทำตามพ่อแม่มันหมด พ่อแม่ไม่มีศีลไม่มีธรรม ลูกมันก็ไม่มีศีลไม่มีธรรม มันทำตามหมด พ่อแม่ยากจนลูกมันก็ยากจน “ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ล้วนแต่ ทำตามผู้นำ ทำตามแบบตามพิมพ์ แบบพิมพ์ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ…”

ยกตัวอย่างเช่น มีนกแขกเต้าครอบครัวหนึ่งทำรังอยู่ฝั่งแม่น้ำ พายุใหญ่มาพัดเอารังไป เผอิญลูกเล็ก ๆ อยู่ ยังบินไม่ได้ ส่วนพ่อแม่ก็บินหนีไป ตัวหนึ่งก็พัดไปตกที่อาศรมของฤๅษีที่บำเพ็ญเพียร อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ อีกตัวหนึ่งก็พัดไปตกที่อาศัยของโจร

แต่ละตัวต่างอยู่คนละที่การเลี้ยงดูมันก็คนละอย่าง ฤๅษีก็หาผลไม้มามาเลี้ยง ฤๅษีก็ทำวัตร สวดมนต์ สอนให้พูดดี พูดเพราะ พูดสุภาพ ตัวที่ไปอยู่กับฝูงโจร โจรมันก็เลี้ยงอย่างโจร พูดอย่างโจร ฆ่ามัน ๆ ๆ...

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ ให้ทุกคนทุกท่านเข้าใจว่าทุกอย่าง “เริ่มที่พ่อก่อที่แม่” เราสงสารลูกเราที่มันจะทุกข์ยาก ที่มันจะลำบาก ที่มันจะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร

การเลี้ยงลูกถือว่าเป็นอาชีพที่ได้บุญได้กุศลมากที่สุดในโลกนะ ถ้าเราเลี้ยงให้เขามีคุณธรรม เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เป็นประโยชน์ต่อสังคม...

Large_tonkla057

อย่างพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งเกิดมามีประโยชน์มาก พระอรหันต์เกิดมาองค์หนึ่งก็มีประโยชน์มาก ถ้าลูกของเราเกิดมาเป็นคนดี เป็นพระอริยเจ้า มันมีประโยชน์มาก

ด้วยเหตุ ด้วยปัจจัยนี้ พระพุทธเจ้าท่านจึงให้เรารู้จักทุกข์ที่จะเกิดในอนาคต ให้รู้ข้อปฏิบัติ ถึงความดับทุกข์ “อย่าได้ประมาท อย่าได้มักง่าย อย่ามองข้ามสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม อย่าละทิ้งภาระหน้าที่ที่ดีนี้ไป”

ผู้จะเลี้ยงลูกต้องเลี้ยงให้ถูกต้องตามวิธี...

ทุกวันนี้เศรษฐกิจมันรัดตัวรัดกุม ต้องทำงานทั้งพ่อทั้งแม่ ไม่เหมือนสมัยโบราณ พ่อแม่สมัยนี้ ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงลูก ลูกจึงได้ต้องอยู่กับคุณตาคุณยาย หรือคนรับใช้ คุณตาคุณยายก็รักหลาน หลงหลาน ตามใจหลาน กลัวหลานจะไม่รักตัวเอง ไม่ติดตัวเอง เลยปล่อยตามใจทุกอย่าง “พ่อแม่กลัวลูกจะไม่รักก็อัดด้วยเงิน ด้วยสตางค์ อัดด้วยวัตถุ ไม่ได้บอกไม่ได้สอนกันเลย...”
นอกจากนั้นบางคนที่เศรษฐกิจพอจะไปได้ ก็พยายามที่จะให้ลูกเป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด โดยให้เรียนพิเศษ เพื่อจะได้เป็นคนเก่งคนฉลาด ต้องการให้ลูกได้ดีในอนาคต แต่ไม่ให้ปัญญาในการทำงาน

 

พระพุทธเจ้าท่านเมตตาบอกสอนวิธีเลี้ยงลูกนะ...

เมื่อลูกของเราอยู่ในท้องจนถึง ๗ ขวบ ท่านให้เลี้ยงอย่างพระราชา ดูแลทั้งกายทั้งใจ อย่างทะนุถนอม เด็กตัวน้อย ๆ มันรับรู้หมด “เราต้องเลี้ยงทั้งกายทั้งใจ...”

เมื่อเด็กอายุ ๗-๑๕ ขวบ ท่านให้เราเลี้ยงอย่างทาสรับใช้ เราต้องเอาบทใหม่ ต้องเลี้ยงลูกเหมือนกับทาสรับใช้ ต้องบังคับให้ทำงานแล้ว ต้องบังคับให้ทำความดี เวลานี้เป็นเวลาฝึกแล้ว ต้องบังคับให้อ่านหนังสือ ท่องหนังสือ อันไหนไม่ดีต้องบอกให้เขารู้จักแยกแยะ บังคับการคบเพื่อน กิริยามารยาท เรื่องเล่น เรื่องดื่ม เรื่องกิน เรื่องนอน บังคับให้แปรงฟัน ทำความดีทุกอย่าง กวาดบ้านถูบ้าน ล้างจาน เราต้องไม่ตามใจลูก เราอย่าใจอ่อน

พ่อแม่ต้องมีความฉลาดเหมือนช่างหม้อที่เขาเอาดินมาทำหม้อดิน เขาเอาดินมาตีทำให้เป็นหม้อ เพื่อความสวยงาม เพื่อให้ได้ตามต้องการ ส่วนไหนไม่ดีก็ตีออก เอาออก เอาแต่ส่วนดี

ถึงเวลาว่าก็ว่า ถึงเวลาชมก็ชม ไม่ใช่ว่าอย่างเดียว เราก็ต้องชม ต้องชมให้เขาทำดี เราดูเขาฝึกสุนัข ช้าง วัว ควาย แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เขายังฝึกได้
“แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยฝึกลูกนะ” ปล่อยให้ลูกเป็นไปโดยธรรมชาติเฉย ๆ

ลูกที่ฉลาดแหลมคมถือว่ายังมีน้อยอยู่

คนเรามันขี้เกียจขี้คร้าน มันเห็นแก่ตัวมันถึงได้เกิดมา ต้องมาฝึก มาประพฤติปฏิบัติ ในเวลาที่จะต้องฝึกก็ควรฝึก อย่าได้ปล่อยตามยถากรรม ถ้ามันใหญ่กว่านี้ โตกว่านี้ มันฝึกไม่ได้ มันสายเกินไปแล้ว มันไม่ทันเวลา ไม่ทันเหตุการณ์

เมื่อเขาอายุได้ ๑๕ ปี ถึงเรียนมหาวิทยาลัย พระพุทธเจ้าท่านให้เราใช้บทบาทใหม่ ท่านให้เลี้ยงลูกอย่างเป็นเพื่อน “ให้เป็นเพื่อนกับลูก...”

 Large_tt8029

ต้องเอาต้นยอมาปลูกไว้เยอะ ๆ แล้วทีนี้...

เราต้องรู้จักใช้คำพูดดี ๆ พูดเพราะ ๆ พูดกับลูก ชมลูกว่าเก่งอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ การใช้จ่าย ก็รู้จักประหยัด การคบเพื่อนก็ดี ไม่ขี้เหล้าเมายา ให้เป็นคนขยันมาก ๆ “ขยันจนกลัวเขาจะสมองแตก” อย่างนี้นะ

เราต้องรู้จักใช้วิธี... เราต้องเลี้ยงลูกอย่างเป็นเพื่อน พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราไปบ่น ไปว่า ไปด่า ไปตี เดี๋ยวมันจะเข้ากับเราไม่ได้ ถ้ามันเข้ากับเราไม่ได้ มันก็จะไปติดเพื่อนข้างนอก

มันจะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ลูกเราเสียผู้เสียคน มันจะไปติดเหล้าติดยา ไปมีแฟนก่อนวัยอันไม่สมควร

ส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกมันเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็กลัวลูกจะไม่ได้ดี ก็เลยทั้งบ่นทั้งว่า คำพูดที่ไม่ดีก็สรรหามาพูดหมด ไอ้นั่น ไอ้นี่ อีนั่น อีนี่ คำพูดแบบนี้ พูดแล้วก็ฟังไม่ได้ มันเผาทั้งตัวเอง เผาทั้งลูกเลยทีนี้

ตอนนี้ถือว่ามันสายเกินไปแล้ว มันผิดพลาดไปแล้ว แต่ก่อนเราคิดว่าเรื่องเล็กน้อย ทีนี้มันไม่ใช่ เรื่องเล็กน้อย “เมล็ดของต้นไม้ใหญ่มันเล็กนิดเดียว แต่ถ้ามันปลูกหลายปีต้นมันก็ใหญ่ เราจะไปเอามือถอนมันไม่ได้แล้ว”

ต้นไม้ถ้าเราปลูก ๑๕ ปี มันก็ใหญ่มันก็สูงไม่ต่ำกว่า ๒๐ เมตรแล้ว จิตใจของคนเราก็เหมือนกัน ถ้าเราปล่อยโอกาสปล่อยเวลาโดยการไม่ได้ฝึก “ปัญหาต่าง ๆ ในครอบครัวของเรา สิ่งต่าง ๆ ที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต มันเกิดจากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยนะ”

Large_tonkla043

เมื่อเราเลี้ยงลูกมันผิดพลาดอย่างนี้ ก็อย่าไปโทษลูก อย่าไปโทษสังคม เราทิ้งปัญหาว่าสังคม ทำให้ลูกเราเสีย ที่จริงแล้วมันเป็นเพราะเงื้อมมือของเราแท้ ๆ

สังคมประเทศชาติส่วนใหญ่ก็ถือว่ายังเลี้ยงลูกไม่ถูกวิธี มันถึงมีความทุกข์ยากกันเป็นส่วนใหญ่

เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันเกินที่พ่อแม่จะสอนเรา เกินที่คนอื่นจะสอนเรา พระพุทธเจ้าท่านให้เรา สอนตัวเองนะ...

สอนตัวเอง บังคับตัวเอง มาเอาศีล ๕ เป็นที่ตั้ง มาตั้งมั่นในความดี เพราะชีวิตที่มีศีล ๕ เป็นชีวิตที่ประเสริฐ เป็นชีวิตที่ไม่มีเวรไม่มีภัย เป็นชีวิตของพระอริยเจ้า เป็นชีวิตของพระโสดาบัน ที่อยู่ในบ้าน ในสังคม

“การประพฤติปฏิบัตินี้ พระพุทธเจ้าท่านให้เราปฏิบัติที่ตัวเรานะ” เน้นมาที่กายของเรา วาจาของเรา ที่ความคิดจิตใจของเรา ปฏิบัติที่บ้านของเรา ที่ทำการทำงานของเรา เราอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติที่นั่น

เราถือว่าเราเกิดมาเพื่อเป็นผู้เสียสละ มาละความเห็นแก่ตัว เป็นผู้ไม่ตามจิตตามใจของตัวเอง เกิดมาเพื่อประพฤติปฏิบัติตนตามศีล ตามธรรม ตามความถูกต้อง

เราจะมีความสุขเราก็ต้องเป็นผู้เสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละ ความทุกข์มันเกิดกับตัวเราแน่...

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเอาความสุขจากผู้อื่น แต่ให้เราเป็นผู้ให้ ถ้าเราเป็นผู้ให้ครอบครัวของเราต้องมีความสุขแน่ เพราะเราเป็นผู้ให้

“คนที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้เอานี่แหละ มันทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนแน่ละ...!”

ลูกเมียภรรยาสามีมีทุกข์แน่ เพราะเราเป็นผู้เอา มันมีนิสัยเป็นผู้เอาตั้งแต่อดีต ตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่ มันเป็นหนุ่มเป็นสาวก็ยังเอาจากพ่อจากแม่อีก “พ่อแม่ไม่มีให้ พ่อแม่ยากจน ก็ไปว่าพ่อว่าแม่อีก”

ความคิดอย่างนี้พระพุทธเจ้าท่านให้เราเปลี่ยนแปลงใหม่ เรามีลมหายใจอยู่ เราต้องเปลี่ยนแปลงใหม่

“เราต้องเป็นผู้ให้ เราไม่ให้อะไรบ้าง เราตื่นมาเราเสียสละอะไรบ้าง ไม่ใช่เราขอนอนต่อนิดหน่อย?” เราต้องคิดอย่างนี้เสมอ

เรามาหยุดทำบาปทำกรรม มาเป็นคนขยัน มาให้ผู้อื่น อย่างน้อยก็เป็นการเมตตาตนเอง

คนทำความเพียร ขยัน อดทน จัดว่าเป็นคนมีเมตตาต่อตนเอง ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียร ไม่เสียสละ ในอนาคตเราต้องทุกข์แน่นอน “เราทำอะไร เราจะได้รับผลกรรมอย่างนั้นแน่นอน...”

บางคนไม่รู้นะว่าตัวเองทำบาปทำกรรม ตัวที่ไม่ขยัน ขี้เกียจ ขี้คร้าน นี่แหละคือตัวกรรม...!

เวลามันเป็นของมีค่ามีราคา ให้ทุกคนเข้าใจดี ๆ เข้าใจให้ดี ๆ เราจะไปมัวเพลินมัวประมาทไม่ได้ มัวโทรศัพท์หาเพื่อน มัวฟังเพลง เราไปมัวดูหนัง ดูละคร อย่างนั้นไม่ได้

“เราพลาดนิดหน่อยเราก็เป็นผู้แพ้แล้ว...”

Large_tonkla061

เวลานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ การกระทำเป็นสิ่งที่สำคัญ “ความขี้เกียจขี้คร้านคือการสร้างหนี้สิน ให้กับตนเอง” เพราะมันขี้เกียจขี้คร้าน มันถึงต้องเป็นหนี้เป็นสิน

“เราอย่าไปคิดว่าเราพัฒนาตัวเองเพียงพอแล้ว...”

พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตานะ ท่านเมตตาให้ทุกท่านทุกคนทำความดี ให้กระตือรือร้นทำความดี ชีวิตของเรามันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้

“ให้เราอาศัยความดี เราอย่าไปอาศัยคนอื่น...”

ทุกวันนี้เราอาศัยบารมี อาศัยใบบุญของคุณพ่อคุณแม่หรือครูบาอาจารย์ เราต้องอาศัยความดี อาศัยการประพฤติปฏิบัติของเรา ถ้าเราทำความดี ในอนาคตของเรามันสบายใจ ในอนาคตมีคนรักเคารพ นับถือบูชา “คนเราเกิดมารูปสวย รูปหล่อ คนอื่นเขารัก ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่มันยังไม่ดียิ่งเท่าที่คนอื่นเคารพบูชาความดีของเรา”

Large_maerim04

“คนเรานี้ถ้าคนอื่นเขารักเรา เรามีความสุขนะ ถ้าคนอื่นไม่รักเรา เราก็มีความทุกข์มาก”

จะให้คนอื่นรักเราได้อย่างไร ก็เมื่อเราไม่รักตัวเอง...!

เพราะในโลกนี้เขารักเคารพนับถือความดี คนเราหน้าตาดี หน้าตาหล่อ ใหม่ ๆ ทุกคนก็รัก ก็ยินดี แต่อยู่ ๆ ไปหลายวันปฏิปทาใช้ไม่ได้ เห็นแก่ตัว ขี้เกียจ ขี้คร้าน ไม่มีความรับผิดชอบ ทุกคนเขาก็ไม่รักนับถือเลย ทีนี้เขาจะมองเราว่าหน้าตาดี หุ่นดี แต่จิตใจใช้ไม่ได้ เป็นยักษ์เป็นมาร “งามแต่รูป แต่ปฏิปทาเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ...!”

บุคคลแบบนี้เขาเรียกว่า “เอาตัวเองไม่รอดนะ...”

คนงามมันต้องงามที่ความดี งามที่ปฏิปทา “อย่างที่คนเขารูปไม่งามแต่ปฏิปทาดี ทุกคนทั้งรัก ทั้งเคารพนับถือ” อย่างนี้นะ...

“เรามีครอบครัว ครอบครัวเราต้องมีความสุข มีความอบอุ่น...”

มันต้องเริ่มจากตัวเรา ถ้าเรามองไปรอบข้างทุกทิศทุกทาง มันก็เห็นตั้งแต่คนไม่ประพฤติปฏิบัติธรรม อย่างนี้นะ

พระพุทธเจ้าท่านให้เรามองว่าเป็นเรื่องของเขา ใครทำดีเขาก็ได้ดี ให้เราคิดเสียว่า อย่างเราคนหนึ่ง ก็ทำให้โลกร่มเย็นเป็นสุข

Large_tt8061

เราดูตัวอย่าง... อย่างที่พระพุทธเจ้าเกิดมาก็ทำให้โลกร่มเย็น อย่างพระอรหันต์เกิดมา ก็ทำให้โลกร่มเย็นนะ อย่างเราที่เกิดมาทำความดีก็ทำให้โลกร่มเย็นเหมือนกัน

เขาให้เริ่มที่ตัวเรา... เมื่อตัวเราไม่มีปัญหา ทุกอย่างมันก็ไม่มีปัญหา ทุกคนทำได้ ปฏิบัติได้ ไม่ว่าเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ เป็นหญิง เป็นชาย เป็นญาติโยม ก็ปฏิบัติได้เหมือน ๆ กันหมด มันไม่มีอะไรต่างกัน

หวังว่าท่านทั้งหลายทุกท่านทุกคน จะได้นำเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไปประพฤติปฏิบัติเพื่อความหมดทุกข์ เพื่อหมดความทุกข์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เหมือนพระพุทธเจ้า เหมือนพระอริยเจ้าที่ทุกท่านได้พาเราประพฤติปฏิบัติ จะได้พบกับความสุขที่แท้จริงของชีวิต ของจิตใจ...

Large_tonkla016

 


 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕
(เพิ่มเติมให้กับคณะเทศบาลตำบลมะค่า เช้าวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕)

หมายเลขบันทึก: 486185เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2012 18:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 22:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท