การพัฒนาความรู้ และพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกของประชาชน : กรณีศึกษาบ้านไผ่ทอง ตำบลช้างมิ่ง
อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร
วิทยานิพนธ์ของ กัลยกร การุญ
สาขายุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครพ.ศ. ๒๕๕๑
โรคไข้เลือดออก (Dengue Hemorrhagic Fever : DHF) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ที่พบเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็น RNA Virus มี 4 สายพันธ์ (Serotypes) ได้แก่ DEN1, DEN2, DEN3 และ DEN4 ผู้ป่วยจึงมีโอกาสเป็นไข้เลือดออกได้หลายครั้ง เชื้อนี้มียุงลายเป็นพาหะและเป็นปัญหาของประเทศเกือบทั่วโลก ทั้งในทวีปแอฟริกา เอเชีย อเมริกากลาง หมู่เกาะแคริบเบียน หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ยุโรป และทางตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย โดยเริ่มมีรายงานตั้งแต่ปี พ.ศ.2492 และเกิดการระบาดครั้งแรกที่ฟิลิปปินส์ เมื่อ พ.ศ.2497 ปัจจุบันโรคไข้เลือดออกยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุก 3-5 ปี จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกได้กลายเป็นปัญหาที่นักสาธารณสุขต้องรีบดำเนินการควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มผู้ป่วยสูงสุดยังคงอยู่ในช่วงอายุ 5-9 ปี คิดเป็นร้อยละ 37 ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ซึ่งเป็นนักเรียนในระดับอนุบาลและประถมศึกษา รองลงมาคือกลุ่มอายุ 10-14 ปี คิดเป็นร้อยละ 28 กลุ่มอายุ 0-4 ปี คิดเป็นร้อยละ 19 และกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 15 ตามลำดับ
ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการศึกษาที่บ้านไผ่ทอง ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร โดยใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาคือการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคไข้เลือดออก โดยกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ทดลองรูปแบบการพัฒนาความรู้และพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกกับประชาชน จำนวน 128 คน การดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหาและบริบทของชุมชน
- ศึกษาข้อมูลทั่วไปของชุมชน และสภาพปัญหาสุขภาพของชุมชน
- วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเอกสารต่างๆนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาไปใช้ประกอบารสร้างยุทธศาสตร์
ขั้นตอนที่ 2 สร้างรูปแบบยุทธศาสตร์การพัฒนา
- ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออก
ลองหายุทธศาสตร์มาปราบยุงท่ีบ้านทีมีเยอะมาก