ประเด็นร้อนในเรื่องเศรษฐกิจระหว่างประเทศในตอนนี้ไม่ว่าจะ ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือทางโทรทัศน์ หรือทางวิทยุ คงหนีไม่พ้น เรื่องการที่ประเทศในกลุ่มอาเซียน(ASEAN หรือ The Association of Southeast Asian Nations)ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกจำนวน 10 ประเทศ อันได้แก่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า ได้เร่งมือที่จะดำเนินการจัดตั้ง Common Market อันเกิดจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(Reginal Economic Integration) ให้เกิดขึ้นเร็วที่สุดเพื่อรองรับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจระหว่างประเทศภายใต้ชื่อว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community หรือ AEC)
ประวัติความเป็นมา AEC(ASEAN Economic Community)
แนวคิดกรอบความร่วมมือ(แบบเข้มข้น)ระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนเพื่อก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community หรือ AEC) ได้เริ่มขึ้นจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียน(ASEAN Summit) ครั้งที่ 8 เดือนพฤศจิกายน 2545 ณ กรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ นายก๊ก จ๊ก ตง เป็นผู้เสนอเป้าหมายที่ชัดเจนในการกำหนดทิศทางทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก โดยการตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนขึ้น ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในลักษณะประชาคมยุโรปในระยะเริ่มแรกและมอบหมายให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Minister: AEM) ศึกษารูปแบบและแนวทางในการนำไปสู๋ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน(AEM) ได้จัดตั้งคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน(High Level Task on ASEAN Economic Inregration : HLTF) อันมาจากปลัดกระทรวงการค้าประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ ผลจากที่ประชุม AEM ครั้งที่ 35 เดือนกันยายน 2546 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 9 ณ เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย วันที่ 7 ตุลาคม 2546 พิจารณาให้ความเห็นชอบรูปแบบของ AEC ตามข้อเสนอแนะของ HLTF และได้ร่วมลงนามในปฎิญญาที่เรียกว่า"Bali Concord II หรือ Declaration of ASEAN Concord II" เพื่อรวมตัวกันจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเสาหลักในการจัดตั้งประชาคมอาเซียน(ASEAN Community) และอีกสองเสาหลัก ได้แก่ เสาหลักด้านการเมืองและความมั่นคง(Political and Security Pillar) และเสาหลักด้านสังคมและวัฒนธรรม(Socio-Cultural Pillar) ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวเพื่อก่อตั้งAEC ให้แล้วเสร็จภายในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ.2563) เจตนารมย์ของการรวมกลุ่มเป็น AECเพื่อใหอาเซียนมีตลาดและฐานการผลิตร่วมกัน รวมทั้งการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และแรงงานฝีมือ และการเคลื่อนย้านสินค้า บริการ และแรงงานฝีมืออย่างเสรี และการเคลื่อนย้ายการลงทุนอย่างเสรีมากขึ้น และเห็นชอบเรื่องการเร่งรัดการรวมกลุ่มสินค้าและบริการที่สำคัญ 11 สาขา (Priority Sectors)เป็นสาขานำร่อง ภายในปี ค.ศ. 2010(พ.ศ.2553)
Priority Sectors 11 สาขานำร่อง โดยแบ่งตามความรับผิดชอบตามการจัดทำ Road Map ของแต่ละประเทศสมาชิกได้ดังนี้
ประเทศไทยรับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวและการบิน
ประเทศพม่ารับผิดชอบด้านสินค้าเกษตรและการประมง
ประเทศมาเลเซียรับผิดชอบด้านผลิตภัณฑ์ยางและสิ่งทอ
ประเทศอินโดนีเซียรับผิดชอบด้านยานยนต์และผลิตภัณฑ์ไม้
ประเทศฟิลิปปินส์รับผิดชอบด้านอิเล็กทรอนิกส์
ประเทศสิงคโปร์รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
และในปี ค.ศ. 2006 ก็ได้มีการเพิ่มเติม Priority Sectors อีกหนึ่งสาขาเป็นสาขาที่ 12 คือ สาขาLogistics
โดยมีการผ่อนปรนให้กับประเทศกัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม(CLMV)
(ยังมีต่อค่ะ...โปรดติดตามนะคะ)
เอกสารอ้างอิง :
Thitipha Wattanapruttipaisan.Priority integration sectors : performance and challanges. Bangkokpost Tuesday: August 29 , 2006 page 12 Section 1 (Opinions and Analysis)
Website :
http://www.mfa.go.th (กระทรวงการต่างประเทศ)
http://www.itd.or.th/ (สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา)
http://www.dtn.moc.go.th/ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ)
โดยความเห็นส่วนตัวของดิฉันที่พอจะประมวลได้จากควมคืบหน้าในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซี่ยน(บางส่วน)มีดังนี้
ความรู้ จากการวิเคราะห์นี่ได้ประเด็นเลยครับ
ผมก็กำลังเรียนนิติ หากมีปัญหาอะไรก็ขอปรึกษาหน่อยนะครับ