โรคเกาต์
โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ผิดปกติทางพันธุกรรม พบในชายอายุ 30 ขึ้นไป พบในหญิงเล็กน้อยหรือหลังหมดประจำเดือน รายที่เรื้อรังการเกาะของเกลือ monosodium urate จะทำให้เกิดก้อนที่เรียกว่า Tophi นอกจากนั้นยังทำให้หน้าที่ของไตเสื่อมและเกิดโรคนิ่วที่ไตด้วย สามารถรักษาให้หายได้ แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้
สาเหตุ
-เกิดจากร่างกายมีกรดยูริก (uric acid) สะสมมากเกินไป การตกตะกอนของ กรดยูริก
-ความผิดปกติทางพันธุกรรม
อาการ
มีอาการปวดข้อรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันทันที ถ้าเป็นการปวดครั้งแรกมักจะเป็นเพียงข้อเดียว ข้อจะบวมและเจ็บมากจนเดินไม่ไหว ผิวหนังในบริเวณนั้นจะตึง ร้อนและแดงและจะพบลักษณะจำเพาะ คือ ขณะที่อาการเริ่มทุเลาผิวหนังในบริเวณที่ปวดนั้นจะลอกและคัน
การแยกโรค
อาการข้ออักเสบ มีอาการปวด บวม แดง ร้อนเพียง 1-2 ข้อ อาจเกิดจากสาเหตุอื่น
-เกาต์เทียม (pseudo gout)
-ไข้รูมาติก (rheumatic fever)
-โรคติดเชื้อที่ข้อ (pyogenic arthritis)
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องทันกาล
โรคที่มักพบร่วมกับเกาต์
-ข้อพิการ กระดูกพรุน
-ภาวะไตอักเสบเรื้อรัง และภาวะไตวาย
-เป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
-เบาหวาน
-ความดันโลหิตสูง
-หลอดเลือดแดงแข็ง
-ไขมันในเลือดสูง
การรักษา
แนวทางการรักษาโรคเกาต์ ได้แก่ ให้ยาลดการอักเสบ ให้ยาลดกรดยูริคในเลือด ทั้งนี้การให้ยาต่างๆขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ การจำกัดอาหารมี กรดยูริค(สารพิวรีน) สูง และให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ เป็นต้น และปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ แต่ถ้าปล่อยเป็นเรื้อรัง จนเกิดไตวาย อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้จากไตวาย
เมื่อเป็นโรคเกาต์ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
1.ที่ สำคัญที่สุด คือ การรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
2.หยุด พักการใช้ข้อระยะที่มีการอักเสบ
3.รับ ประทานอาหารโปรตีนในปริมาณที่พอเหมาะ
4.ดื่มน้ำมากๆ 2-3 ลิตรต่อวัน
5.หลีกเลี่ยงอากาศเย็น
6.ลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคเกาต์ที่อ้วน
7.เมื่อมีอาการหรือสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
8.ดำเนินชีวิตอย่าให้เคร่งเครียดมากนัก
บทบาทของนักกิจกรรมบำบัด
1. ประเมิน โดยประเมินข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวในการทำกิจกรรมดำเนินชีวิตประจำวัน คุณภาพชีวิต และความสามารถในชีวิต
2. วางแผนการรักษา โดยใช้กรอบอ้างอิงทางกิจกรรมบำบัด (Domain & Process, ICF)
3. ให้การรักษาทางกิจกรรมบำบัด
- ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือเกิดอันตรายต่อผู้ป่วย
-มีการจัดกิจกรรม เช่น การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะเพื่อป้องกันข้อติด
-ดูความต้องการของผู้รับบริการเพื่อประยุกต์กิจกรรมให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ผุ้รับบริการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุข
4. ประเมินซ้ำ
ไม่มีความเห็น