เรื่องเล่าจากบ้านแม่ตาด :
พริกที่รอการเก็บเกี่ยว
วานนี้(27 ก.พ.2555) ผมไปช่วยลูกค้า(ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ขายตรงทางการเกษตรที่ผมและแม่บ้านเป็นตัวแทนจำหน่าย)ในหมู่บ้าน "เก็บพริก" ทั้งวัน
เลยเก็บภาพวิถีชีวิตแบบชาวบ้านๆ อีกอย่างหนึ่งของบ้านแม่ตาดมาฝากครับ
ชาวบ้านกำลังช่วยกันเก็บพริก
โดยใช้วิธี "ลงแขก" หรือ "เอามื้อกัน"
ผมกำลังยืนคุยกับอ้ายขยัน เตจ๊ะยวง เจ้าของสวนพริก
นางแบบโฆษณาพริกครับ 555
สวย ใหญ่ ยาว และน้ำหนักดี
ยาวเกือบ 1 ฟุต
อันนี้เป็นพริกประหลาด
เรียกว่า....."พริกรักกัน" ครับ 555
สวยเหมือนงาช้าง
เก็บตอน 8 โมงเช้า เสร็จตอนบ่าย 3 โมง
จากนั้นก็พากันกลับ
ปลูก 1 ไร่ ผลผลิตเฉพาะวันนี้ 1,200 กก.ๆ ละ 12 บาท
(พริกรุ่นนี้จะเก็บได้ประมาณ 8 ครั้ง)
บรรจุใส่เข่งรอให้พ่อค้ามารับ
เพลง "อยากเมือบ้านเฮาเด้"
ร้องโดย "มนต์แคน แก่นคูน"
พันธุ์อะไรครับเม็ดใหญ่เหลือเกิน ของเจียไต๋หรือเปล่าครับ
สวัสดีครับ อาจารย์โสภณ เปียสนิท
พริกพันธุ์นี้ เรียกว่า "ศรแดง 1" ครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นของบริษัทอะไร
ลูกสวย ใหญ่ ยาว และน้ำหนักดี รสชาติออกหวานๆ ไม่ค่อยเผ็ดเลย
ทางภาคเหนือนิยมทำ "น้ำพริกหนุ่ม" และ "ยัดไส้หมูสับ" ครับ
โห...ยาวยังกะมะเขือยาวเลยนะคะ
1,200 กก X 12 บาท x8 = 115,200 บาท ต่อไร่ ต่อปี
ขอบคุณสำหรับข้อมูลคะ
เบื่อๆ ไปปลูกพริกดีกว่า
(แต่กลัวจะไม่งามเท่าเขานะสิคะ)
ผมแอบไปดูใน FB ของพี่
งามคัก งามอีหลี งามกะด้อกะเดี้ย
เนาะพริกครับ
แต่พี่ครับ
ผมหวังงว่า คงไม่ฉีดยาเยอะ ๆ เหมือนบ้านผมนะครับ
สวัสดีครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา
พริกพันธุ์นี้จะยาวและใหญ่แบบนี้แหละนะครับ
รสชาติไม่เผ็ดเลย เหมาะสำหรับนำไปทำ "น้ำพริกหนุ่ม" และ "ยัดไส้หมูสับ" ครับ
สวัสดีครับ คุณหมอแต้/CMU pal/ ป.
-การเก็บพริก แม้จะเก็บได้ 8 ครั้งก็จริง แต่พริกจะดกมากช่วงครั้งที่ 2-5 เท่านั้นเองนะครับ ส่วนครั้งที่ 1 และ 6-8 นั้น จะไม่ค่อยดกเท่าไหร่ ตอนหลังผลผลิตจะน้อยลงเรื่อยๆ (พริกที่เห็นในบันทึกนี้เป็นการเก็บครั้งที่ 2 ครับ)
-ปีนี้ราคาพริกตกนะครับ ปีที่ผ่านมา ช่วงนี้ราคาจะอยู่ที่ กก.ละ 18-20 บาท แต่ปีนี้ราคาตกเหลือ กก.ละ 12 บาทเท่านั้นเอง แต่โชคดีที่ได้ผลผลิตในปริมาณมาก(กว่าทุกๆ ปี)มาทดแทน เลยทำให้ชาวสวนพริกพอจะยิ้มได้บ้าง
-การทำสวนพริกรายได้ดีก็จริงนะครับ แต่ก็ต้องมีความชำนาญพอสมควร จะได้ผลหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างนะครับ ทั้งดิน น้ำ อากาศ ปุ๋ย ยา และแรงงาน(ต้องขยันมากๆ)....ที่สำคัญที่สุดก็คือ มีความเสี่ยงทางสุขภาพสูงมากเลยครับ เนื่องจากต้องใช้ยาปราบศัตรูพืชค่อนข้างเยอะ.....ผมเลยไม่อยากแนะนำให้คุณหมอหันมาเอาดีด้วยการทำอาชีพนี้นะครับ 555
สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)
-เพิ่งรู้นะครับว่าคุณหมอแอบเข้าไปดูรูปใน FB ของผมด้วย แต่ แหม! ทำไมถึงไม่ยอม Add เข้าไปหาก็บ่ฮู้เน๊าะ ทั้งที่อยากจะคุยนำขนาด 555
-ปลูกพริก...ต้องใช้ยาปราบศัตรูพืชในปริมาณมากพอสมควรนะครับ ทั้งยากำจัดเชื้อรา ยากำจัดเพลี้ยและแมลงศัตรูพืชอื่นๆ ซึ่งต้องฉีดพ่นทุก 7 วัน ไม่งั้นเอาไม่อยู่แน่นอนครับ
-ชาวสวนพริกที่นี่ เขาปลูกพริกไว้ 2 แปลงนะครับ คือ ส่วนแรกจะปลูกไว้กินเอง จะไม่มีการใช้ยาปราบศัตรูพืชเข้าช่วยเลย และใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยชีวภาพในการบำรุงต้นพริก ....สำหรับส่วนที่ 2 นั้น เขาปลูกไว้สำหรับขายโดยเฉพาะ ตรงนี้จะใช้ยาปราบศัตรูพืชในปริมาณมากเลยนะครับ งานนี้คนที่โชคร้ายก็คือคนที่ซื้อกินเพียงอย่างเดียวนะครับ ซึ่งจะอายุสั้นแน่นอน 555
ว้าว พริกแดง งามๆ น่าทานมาก ๆ ค่ะ
ยัดไส้หมูสับ เห็นแต่ละเมนู ยิ่งหิวเลยเจ้า
สวัสดีครับ คุณ Poo
-พริกหนุ่มนะครับ มิใช่ "พริกแดง" 555
-นอกจากเมนูสองอย่างข้างต้นแล้ว อย่างอื่นก็ทำได้นะครับ เช่น ผัดพริก ผัดผัก เป็นต้น
ซึ่งพริกชนิดนี้จะเผ็ดแค่ 20% เท่านั้นเอง
สวัสดีค่ะ
เห็นใช้พลาสติคคลุมดิน คิดว่าไม่ฉีดยา
กำลังจะถามว่าใช้ปุ๋ยชีวภาพใช่ไหม
แต่อ่านต่อๆมาบอกว่าต้องใช้ยาฆ่าแมลง
ก็ทำให้กลัวน้ำพริกหนุ่มเลยค่ะ...
ทำอย่างไรแมลงจะสูญหายไปจากโลกนะ....โดยไม่ใช่ยา
สวัสดีครับ คุณป้าลำดวน
-ที่ใช้พลาสติกคลุมดิน ก็เพื่อป้องกันไม่ให้หญ้าขึ้นนะครับ
-ชาวสวนพริกที่นี่ใช้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพนะครับ โดยปุ๋ยเม็ดหรือปุ๋ยทางดินจะเป็นปุ๋ยเคมี ส่วนปุ๋ยทางใบนั้นเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพครับ
-หากไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเข้าช่วย คงไม่ได้ผลนะครับ เพราะหน้าแมลงศัตรูพืชเยอะมาก โดยเฉพาะหน้าแล้งแบบนี้ หญ้าและไม้อื่นๆ ตายหมด แมลงไม่มีที่อยู่ ก็เลยพากันอพยพมาอยู่ที่สวนพริกทั้งหมด ชาวสวนก็เลยต้องใช้ยากำจัด ไม่งั้นเอาไม่อยู่แน่ๆ ครับ
-การกำจัดแมลงโดยไม่ใช้ยา สามารถทำได้โดยการหมักพืชสมุนไพรต่างๆ แล้วก็สกัดไปทำเป็นสารไล่แมลงได้นะครับ ซึ่งพอจะช่วยได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่เต็มที่มากนัก.....สุดท้ายยาฆ่าแมลงก็ยังขายดีขายดีเช่นเคยแหละนะครับ 555