สายเลือดแห่งความเป็นมนุษย์...


 

 

          ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ อากาศหนาวเย็น อากาศติดแอร์นะ ญาติโยมทั้งหลายก็พากันมาถือศีลปฏิบัติธรรม มีความพร้อมเพรียงกันไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงวัย ทั้งหญิง ทั้งชาย ทั้งพระ ทั้งโยม ก็ได้มาปฏิบัติพร้อมเพรียงกันในวันนี้

Large_tonkla061 

 

          “เพราะว่าเราทุกคนในโลกนี้ต้องพึ่งพาอาศัยกัน...”

          ไม่ว่าจะอยู่บ้านเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน อำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน ประเทศเดียวกันหรือต่างประเทศก็ตาม พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่ “มีสายเลือดแห่งความเป็นมนุษย์เหมือน ๆ กัน” ล้วนแต่เป็นญาติเป็นพี่เป็นน้องที่ได้อยู่ร่วมโลกเดียวกัน

          พวกเรามีความแก่ ความเจ็บ  ความตาย ความพลัดพรากเหมือน ๆ กัน มีการงานเหมือนกันก็มี มีการงานแตกต่างกันก็มี ตั้งแต่เกษตรกรจนถึงอุตสาหกรรม การปกครอง การค้าการขาย ข้าราชการ ศาสนา มีทั้งหมอ มีทั้งผู้พิพากษา ล้วนแต่ได้พักพิงอิงอาศัยกันทั้งนั้น สุดท้ายก็ได้มาซึ่งปัจจัยสี่ ก็คือ อาการ เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค...

 

          ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าท่านจึงให้รักกัน มีเมตตาต่อกัน มีความรัก มีความสามัคคีต่อกัน ไม่ให้เราเอาเปรียบบุคคลอื่น ไม่ให้เบียดเบียนคนอื่น ท่านให้เราคิดอยู่ในใจเสมอว่า เราได้ให้อะไรแก่บุคคลอื่นหรือยัง เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันเราให้อะไรเขาหรือยัง บุตร ภรรยา สามี "เราให้อะไรเขาหรือยัง...?"

 Large_td069

          คนเรานี้ต้องให้ผลประโยชน์แก่ผู้อื่น... มันถึงจะมีคุณค่าสมกับที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าเราไม่ได้คิดให้ละเอียด เราอาจคิดว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอก แต่ที่จริงแล้วเราเกี่ยวข้องกันตลอด เช่นเราทำไร่ ทำนา ได้ข้าว ได้ผลไม้ เราก็ต้องเอาไปขายเพื่อแลกเสื้อผ้าสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาทำกัน คนอื่นเขาก็เอาของของเขามาแลกข้าว แลกอาหารของเราเช่นกัน แม้แต่อากาศนี้เราก็ใช้ร่วมกัน แม้แต่ฝนเราก็ใช้ร่วมกัน

 

          พระพุทธเจ้าท่านให้เราลงรายละเอียดเข้ามาหาตัวเอง ว่าตัวเรานี้สำคัญมากที่จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่าง เป็นแม่พิมพ์ให้แก่ลูก ๆ หลาน ๆ เพราะความสงบสุขที่จะเกิดขึ้นได้มันเริ่มต้นจากตัวเรา ครอบครัวของเรา ที่ได้เป็นคนดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีศีล ๕ ประจำกาย วาจา ใจ

Large_td050

          มีการกราบพระ ไหว้พระ สวดมนต์ ไม่ดื่มเหล้า เสพยาเสพติด เล่นการพนัน ไม่ทะเลาะวิวาทระหว่างสามีและภรรยา ให้เราเป็นตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกหลานนของเรา และรู้จักวางแผนในการใช้ชีวิต รู้จักการวางแผนในการใช้เงิน ดูรายรับรายจ่ายของตัวเอง ของครอบครัวของเรา เพราะบางทีบ้านเราไม่ได้มีคนเดียว มีทั้งลูก ๆ บางทีก็แถมหลานอีก “สิ่งไหนที่เราจำเป็นต้องใช้ก็ใช้ สิ่งไหนไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องไปซื้อไปหามัน”

 

          พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักบริหารเงิน บริหารการใช้จ่ายของเรา ของครอบครัวของเรา...

          ในชีวิตประจำวันของเรา ถ้าเราบริหารไม่เก่งย่อมมีหนี้ มีสิน ไม่รู้จักดูรายรับ รายจ่าย ถ้าเราเป็นหนี้ เป็นสิน มันทุกข์มาก ทุกข์หลาย ถ้าเราใช้เงินโดยที่เราไม่ได้วางแผนนี้ไม่ดีแน่

 

          การเลี้ยงลูก ดูแลลูกก็เป็นสิ่งสำคัญ...

          พระพุทธเจ้าท่านให้แนวคำสอนเพื่อดูแลลูก เลี้ยงลูก ถ้าหากเรามีลูก ตั้งแต่อยู่ในท้องจนถึง ๗ ขวบ ท่านให้เราเลี้ยงลูกเหมือน “ไข่ในหิน” เหมือนพระราชา ให้ทะนุถนอมเขา เอาใจใส่ดูแลเขาให้ดีตั้งแต่อยู่ในท้องจนถึง ๗ ขวบ เราต้องดูแลเขาให้ดีเป็นพิเศษ

 

 

          เมื่อถึงอายุ ๗-๑๕ ปี ให้เราเลี้ยงลูกหลานเหมือนกับ “ทาส...”

          เราต้องบังคับให้เขามีความรับผิดชอบ บังคับให้เขาขยัน ทำหน้าที่การงาน ให้อ่านหนังสือ ให้ท่องหนังสือ ดูเรื่องการคบเพื่อน กริยามารยาท การดื่ม การเสพ บังคับให้หนักไว้ก่อน ไม่ต้องใจอ่อนสงสาร เพราะเด็กในช่วงนี้เป็นช่วงกำลังฝึกได้ดี

 

          เมื่ออายุ ๑๕ ปีขึ้นไป จนเข้ามหาวิทยาลัยให้เราเลี้ยงลูกของเราอย่างเป็นเพื่อนกับเขา เป็นที่ปรึกษาให้กับเขา

          ต้องไม่บ่น ไม่ว่า ไม่ด่า ไม่จู้จี้ จุกจิก เพราะว่าเด็กเขาโตแล้ว ถ้าเราไปจู้จี้ จุกจิกมากมันจะเกิดความเสียหาย “ลูกเราจะไม่อยากเข้ามาใกล้เรา...”

          ลูกเรามันจะคบคนนอกบ้าน มันจะติดยาเสพติด มีปัญหาเรื่องชู้สาว ลักเล็กขโมยใหญ่ มันเป็นปัญหาในบ้านในสังคม มีผัวมีเมียในวัยไม่สมควร สาเหตุเนื่องมาจากเราเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น ไม่กี่ชั่วโมงก็พูดแต่คำเก่า ใช้คำพูดก็ไม่เหมาะสมไม่ควร ไม่เป็นมงคล ไม่ให้กำลังใจแก่ลูก เป็นการทำร้ายทำลายลูก เผาลูก “ทั้งหมดนี้มาจากเงื้อมมือของพ่อแม่ที่มีความผิดพลาดในการเลี้ยงลูก...”

 

          คำพูดนี้สำคัญ... ถ้าเราพูดว่าลูกไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ลูกมันก็จะไม่ดีอย่างที่เราพูด เพราะว่ามันหมดกำลังใจ โบราณท่านสั่งว่า “รักผัวให้ผูก รักลูกให้ตี บ้านเราจะดีหรือไม่ดีมันขึ้นอยู่กับพ่อกับแม่”

 Large_td044

          คุณพ่อคุณแม่นี้สำคัญ... ส่วนใหญ่เราก็ไปโทษแต่สิ่งภายนอก ไปโทษสังคม เราไม่ได้กลับมาพิจารณาตัวเอง เพราะความผิดพลาดที่แท้จริงมันมาจากพ่อแม่ เมื่อเราเลี้ยงลูกพร่ำสอนลูกถูกวิธี เด็กมันก็มีคุณธรรม เด็กมันก็มีคุณภาพ มีศักยภาพ

 

          ประเด็นสำคัญ... “สามีภรรยาต้องรักกัน ต้องให้กำลังใจกัน” ยิ่งแก่ยิ่งเฒ่าก็ต้องให้ความรักความเมตตาต่อกัน อย่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง อย่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ ใครพูดใครแตะต้องไม่ได้ เราต้องเป็นคนมีหัวใจติดแอร์ เป็นคนเย็น ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ ลูกของเราเขาก็มีกำลังใจในการเรียน ในการทำงาน

 

          เราเป็นพ่อแม่เป็น เราอย่าไปคิดว่าเราทำอะไรก็ถูกหมด ลูกของเราไม่มีสิทธิที่จะพูดได้ โต้แย้งได้ ถ้าลูกย้อนสอนด้วยเหตุผล พ่อแม่ก็ชอบพูดว่า “มึงเป็นลูกมึงไม่ต้องพูด มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็ก ๆ ไม่เกี่ยว” ลูกกับพ่อกับแม่มันเลยเข้ากันไม่ได้...

 

          ปีเก่ากำลังจะหมดไป ปีใหม่กำลังจะเข้ามา พ่อแม่คนไหนที่ผิดพลาดให้เอาใหม่ ให้ตั้งใจใหม่

          ส่วนใหญ่คนอยู่ในครอบครัวเดียวกันจะมองไม่เห็นความสำคัญซึ่งกันและกัน จะชอบพูดกันไม่เพราะ พูดกันไม่เหมาะ ไม่สามัคคี ขาดการพูดให้กำลังใจ ขาดการให้กำลังใจ ไปพูดกับคนไกลโน้นดี เสียงเพราะเสียงหวาน เสียงต่ำเสียงสูง เวลาพูดกับคนในครอบครัวไม่เกรงใจ พูดขวานผ่าซาก พูดลักษณะมะนาวไม่มีน้ำ เราพูดอย่างนี้ครอบครัวของเราจะมีความสุข มีความสงบ มีความอบอุ่นได้อย่างไร...?

 Large_tonkla053

          คนเราจะมีความสุขต้องมาจากครอบครัวของเรา...

          พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเป็นคนมักง่ายในเรื่องพูด “พูดดีมีศรีแก่ปาก พูดมากปากจัด เถียงเก่ง ปากมีสี”

          คนพูดมากบ่นมาก ไม่ต้องท่องพุทโธ ๆ ในใจก็ได้ เปลี่ยนคำภาวนาใหม่เลยว่า “หายใจเข้าก็อย่าพูดมาก หายใจออกก็อย่าพูดมาก...”

 

          เรื่องพูดให้ทุกท่านทุกคนฝึก เราจะได้รับเอาแต่สิ่งที่ประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงมีพระเมตตาสอนเรา จะได้มีข้อวัตร ข้อปฏิบัติ จะได้มีจุดยืน มีที่ยืน ตามหลัก ตามเกณฑ์ ที่จะนำมาซึ่งความสุขทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ

 

          เราจะไปหาคนที่ไหน เพื่อนที่ไหน ที่จะถูกใจเราหมดทุกคน....!

          ในคน ๆ หนึ่ง มันก็มีทั้งดี ทั้งชั่ว เหมือนมีกลางวัน กลางคืน มีทั้งร้อน มีทั้งหนาว ท่านถึงให้เลือกเอาส่วนที่ดีของเขาที่มีอยู่ ส่วนที่เขาทำชั่ว ทำไม่ถูกมันก็เป็นเรื่องของเขา

Large_tonkla046 

 

          การงานทุกอย่างเป็นการเสียสละ...

          เป็นการเสียสละความเห็นแก่ตัวของเรา ชอบหรือไม่ชอบ มันก็เป็นการเสียสละ เราอย่าไปว่าอันนี้ไม่ชอบ ไม่ถูกกับที่เรียนมา ที่ศึกษามา เจ้านายคนนี้ก็ไม่ชอบ ลูกน้องคนนี้ก็ไม่ชอบ

          “ให้เรามาแก้ที่จิต ที่ใจ ที่อารมณ์ของเรา ว่าเรามีความเห็นผิด คิดผิดนะ”

          เราอยากให้คนโน้นเป็นอย่างโน้น อยากให้คนนี้เป็นอย่างนี้ เราไปจัดเขาไม่ได้หรอกนะ

 

          พระพุทธเจ้าท่านบอกเราว่า อย่าได้ไปคิดอย่างนั้นมันเป็นทุกข์เปล่า ๆ เรามีความสุขกับการทำงาน ตั้งแต่เช้าจนกลับจากที่ทำงาน ถ้าเราไปปฏิฆะไม่พอใจ มันจะทำให้เราเครียด หนัก ๆ เข้าเราจะกลายเป็นคนโรคประสาทได้นะ...

          ให้เรากลับมาแก้ที่ใจของเรา แก้ที่คำพูดของเรา แก้ที่การกระทำของเรา ให้ใจของเรามันอยู่เหนือเหตุเหนือผล เหนือความชอบ ความไม่ชอบ ให้เราเป็นคนไม่ประมาท ให้มันเหนือผิด เหนือถูก ให้มันเหนือวิทยาศาสตร์ไป ถ้ามันเอาวิทยาศาสตร์มาคิด เอาเหตุเอาผลมาคิด ทำให้เรามีทุกข์ เราไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้ก็ต้องมีอย่างนี้แหละ...

          “สู้เรามาปรับที่ตัวเรา ปรับที่การกระทำของเรา”  ในครอบครัวของเรา ในการทำงานของเรา ให้เรามีความรัก ความเมตตา ความสงสารให้มากขึ้น

 Large_tonkla063

          ทุกคนในโลกเรานี้ล้วนแต่เป็นญาติ เป็นพี่ เป็นน้องกันทั้งหมดทั้งสิ้น ...

          แต่มันอยู่ห่างไกลกันคนละบ้าน คนละเมือง คนละประเทศ มันเลยไม่มีความผูกพันซึ่งกันและกัน

          ที่แท้จริงแล้ว คนเรานี้มีสายเลือดแห่งความเป็นมนุษย์ที่เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น...

 

          ถ้าหากเราเป็นคนที่มีความเครียด มีความโกรธ ก็ให้เราพยายามเจริญเมตตา “เจริญเมตตาไว้มาก ๆ”

          แล้วย้อนกลับมาบอกตัวเองว่า ความดีเรายังไม่พอ ความขยันเรายังไม่พอ ความอดทนเรายังไม่พอ เราต้องประพฤติปฏิบัติตัวเองให้ดีกว่านี้  “จะให้คนอื่นเคารพนับถือเรา ตัวเราเองก็ยังเคารพกราบไหว้ตัวเองยังไม่ได้สนิทใจ”

 

          เราเกิดมา เราได้พบ ได้สัมผัสกับสิ่งที่มันเป็นบาป เป็นกรรม เป็นอกุศล เช่น รู้เห็นตั้งแต่เขาฆ่าสัตว์ตัดชีวิต รู้เห็นว่าเขาแย่งเอาทรัพยากรคนอื่น รู้เห็นตั้งแต่คนเขาเจ้าชู้ รู้เห็นแต่คนที่พูดจาไม่ได้มาตรฐาน รู้เห็นตั้งแต่คนที่ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ เล่นการพนัน เล่นอบายมุขต่าง ๆ เราเลยคิดว่าอันนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย เพราะบางทีสิ่งที่ผิดก็ออกกฎหมายรองรับเพื่อให้มันไม่ผิดได้

          สำหรับผู้ที่อยู่ในโลก ในสังคม  ให้เราย้อนกลับมาที่ตัวเรา ที่เราเกิดมาในโลกนี้ เป็นผู้หนึ่งที่มาเดินอยู่ในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่มันเป็นอยู่นี้

 

          พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ที่เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ท่านสร้างความดี ท่านสร้างบารมีจนได้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านจึงได้มาบอก มาสอน มาปฏิบัติให้ดู

Large_tongkla104

 

          เราจะออกจากสังสารวัฏได้ก็ด้วยการปฏิบัติของเราเอง ด้วยมาสร้างความดี สร้างบารมีในโลกมนุษย์นี้ เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่เราพบ เราเห็น เราได้สัมผัสในชีวิตประจำวันนี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้สร้างบารมี สร้างความดี อาศัยศีล อาศัยสมาธิ มาอาศัยการเจริญปัญญา มารู้ผิด รู้ถูก รู้ดี รู้ชั่ว แล้วมาปฏิบัติตนเองให้ถูกต้อง เป็นภพ เป็นภูมิที่เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม...

          ภพภูมิที่เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม คือ ภพภูมิแห่งความเป็นมนุษย์ของเรา ถ้าเป็นเทวดามันมีความสุขความสบายมากเกิน ไม่เห็นทุกข์ ถ้าเป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉานมันก็ทุกข์มากเกิน มันไม่เหมาะที่จะปฏิบัติธรรมได้

 

          พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าภพภูมิมนุษย์ของเรานี้ เป็นภพภูมิที่เหมาะสมสำหรับปฏิบัติธรรม มันมีความแก่ ความเจ็บ ความตาย มีหนาว มีร้อน มีสุข มีทุกข์ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีทั้งคนดี คนไม่ดี

 

          ธรรมะที่จะพาที่ข้ามวัฏฏะสงสารได้นั้น ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา...

          ประการแรกให้เน้นปฏิบัติไปที่ “ศีล” เพราะศีลนี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้ธรรมะเกิดได้ ให้คุณธรรมเกิดได้ “ศีลนี้เปรียบเสมือนแผ่นดินที่จะรองรับทุกสิ่งทุกอย่างที่วางอยู่ข้างบน”

 

          ศีลคือบาทฐานแห่งความดี...

          ศีล สำหรับฆราวาสญาติโยม ได้แก่ ศีล ๕ เป็นสิ่งที่เหมาะสมพอดี ๆ สำหรับญาติโยม ศีล ๕ เป็นศีลของพระอริยเจ้าเบื้องต้น คือ พระโสดาบัน คุณธรรมของพระโสดาบันต้องมีศีล ๕ เป็นศีลที่เหมาะสมสำหรับเราที่อยู่บ้าน  ที่ทำงาน อยู่กับครอบครัว

          ตัวศีลนั้นคือข้อวัตรปฏิบัติให้เราเป็นพระอริยเจ้า ตัวศีลนั้นคือตัวของพระพุทธเจ้า เพราะการรักษาศีลของเรานั้นเน้นไปที่ใจ ไม่ได้เน้นไปเพื่อบ้าน เพื่อเมือง เพื่อสังคม เน้นเพื่อให้เราไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง

 

          “ถ้าเรามีศีลที่ใจ สมาธิมันก็จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ”

          เป็นธรรมชาติที่ควบคุมความโลภ ความโกรธ ความหลงได้พอสมควร  พระโสดาบันควบคุมได้ระดับหนึ่ง เป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้น ญาติโยมที่เป็นชาวบ้าน ชาวเมือง ปฏิบัติตัวเองได้ เป็นพระอริยเจ้าได้…

 

Large_tt8034

          พระพุทธเจ้าท่านให้เราภูมิใจ ให้เราพอใจในข้อประพฤติปฏิบัติของเรานะ อย่าได้พากันทิ้งของที่ดี ๆ สิ่งที่ดี ๆ ซึ่งเป็นอริยทรัพย์ ทรัพย์ที่ประเสริฐให้กับตัวเรา

          ความคิดเห็นว่าปฏิบัติไม่ได้ ทำไม่ได้นั้น ความคิดอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง มันไม่จริง “ที่มันปฏิบัติไม่ได้ก็เพราะเรายังไม่ได้ปฏิบัติ” เรายังเป็นคนประมาทอยู่ เรายังไม่เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร

 

          ทุกวันนี้เราทำมาหากินแข่งขันกับคนอื่น เราไปสู้กับคนอื่น ด้วยการเรียน การศึกษา ด้วยการลงทุนต่าง ๆ เราเกิดมาเพื่อแย่งข้าวของเงินทองกัน เรามาแข่งขันกัน

          การเรียนการศึกษาตั้งแต่เราเป็นเด็กจนหมดลมหายใจนั้น จึงต้องมีไว้เพื่อสร้างความดี เพื่อช่วยเหลือคนอื่น...

 Large_tonkla042

          พระพุทธเจ้าท่านให้เรามีศีล ๕ ประจำใจ เพราะเราตายก็ไม่ได้เอาอะไรไปแข่งขันกับใจของเราเอง ต้องพยายามเอาชนะใจของตัวเอง ด้วยการทำความดี เอาศีลเอาธรรมเป็นที่ตั้ง เอาศีลเอาธรรมเป็นใหญ่

 

          คนเรานี้มีความขี้เกียจมาก ยิ่งติดสุข ติดสบายขึ้นไปทุกวัน มีความสุขเท่าไรก็ยังไม่พอ ถมเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม

          การที่จะได้รับความสุขอย่างนี้มันต้องไปแย่งมาจากคนอื่นเขา เป็นการสร้างบาป สร้างกรรม สร้างเวร เป็นการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ก็ใหญ่ไปเรื่อย “ถ้าเราไม่กลับมาหาศีล หาธรรม เราก็จะไม่มีวันได้พบกับความสุขที่แท้จริง

...”

 Large_tt8061

          ในเวลาที่เราพากันมาอยู่วัด มาปฏิบัติธรรม ให้พยายามกลับมาหาตัวเอง กลับมาหาความสงบ ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ตัดสิ่งภายนอก ละสิ่งภายนอก

        พระพุทธเจ้าท่านให้เราสงบ มีโทรศัพท์มือถือก็ปิดไว้ก่อน เราอยู่กับหมู่กับคณะก็ให้เหมือนอยู่คนเดียว ให้จิตใจของเราเป็นเอกัคตารมณ์ จิตใจเป็นหนึ่ง ความสุขอันไหนก็สู้ความสงบไม่ได้

          ฝึกใจไว้ก่อน สร้างบารมีไว้ก่อน จะได้ชื่อว่าเรารักพี่ รักน้อง รักตน เมตตาตน เพราะการพูดให้ฟังเป็น ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้ง ก็ไม่เท่าการปฏิบัติให้ดูครั้งเดียวไม่ได้ เราทำไปเรื่อย ปฏิบัติไปเรื่อย มันจะค่อยชินไป มันจะชำนิชำนาญเอง “เราปลูกต้นไม้ เราให้น้ำให้ปุ๋ยทุกวัน มันไม่โตไม่ได้หรอก มันต้องโต...”

 Large_tonkla048

          เราอย่าไปอยากอย่างนั้น อยากอย่างนี้ ความอยากมันทำให้เราทุกข์ ถ้าเราไม่อยากมันจะสงบ...

          สิ่งใดที่มันไม่ถูกต้องถึงจะรัก ถึงจะชอบ ถึงจะยินดี เราจำเป็นที่จะต้องละ ต้องตัด เราอย่าไปสร้างบาป สร้างกรรมไปมากกว่านี้

          เราจะเพลินกับรูป กับเสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่ แต่คนเรามันติด เพราะถ้าเราไม่ติด เราก็ไม่ได้ทำจิตใจเข้มแข็ง ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติเหมือนกัน

          ความเพลิน ความเพลิดเพลินในสิ่งต่าง ๆ ทำให้เราเชื่องช้า เสียเวลา ทำให้เราติดอกติดใจ

          ปีใหม่ที่จะมาถึงก็ให้ตั้งต้นรับเอาแต่สิ่งที่ดี สิ่งใหม่ รับเอาพรของพระพุทธเจ้าที่ท่านเมตตาสั่งสอนเรา เราก็น้อมรับเอาไปประพฤติปฏิบัติด้วยการเป็นผู้โชคดีปีใหม่ ๒๕๕๕ นี้ ด้วยกันทุกท่าน ทุกคนเทอญ...

Large_tonkla057

 


 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตามอบให้นำมาบรรยาย

วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

 

หมายเลขบันทึก: 480274เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2012 05:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 21:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท