ตลาดขายปลา
ร้อนๆ...ระอุปะทุเข้ามาใบหน้า แต่ก็ยังอุตส่าห์มีลมเย็นๆ โชยมากระทบกับใบหน้า
เมื่อเช้าอาการเวียนศีรษะกลับมาเยือนอีกครั้งหลังจากหายไปเป็นปี อาการอย่างนี้เกิดขึ้นทุกทีที่ทำงานโหมอย่างหนัก บางครั้งก็ถามตนเองเช่นกันว่า "ทำทำไม" ... คำตอบในใจแรกๆ ก็คือ ทำเพื่อประกาศสัจจะแห่งความเพียร แต่ ณ ทุกวันนี้ "ทำเพื่อทำ"...เป็นเหตุให้ได้ทำก็คือทำ เท่านั้นเอง
ตัดสินใจเคลื่อนรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของตัวจังหวัดยโสธร สู่ตลาดยามเย็นอำเภอป่าติ้ว ข้าพเจ้าชอบมากกับการที่ได้มาตลาดที่นี่ เพราะคนน้อยดีไม่พลุกพล่าน และที่สำคัญเริ่มมีความคุ้นเคยอัธยาศัยกับแม่ค้าขายปลา
เข้าใจในเจตนาต่อกันว่า ... นำปลาไปปล่อย!!
เหมาทั้งกาละมังก็หลายครั้ง ก็ปล่อยปลานี่สบายใจและปลอดโปร่งยิ่งนัก ...
รอบนี้เจอสามีแม่ค้าเป็นคนตักปลาให้เอง ได้ปลาช่อนมาหลายตัว สามีบอกว่า "ขอกำไรบ้าง" ... ภรรยาแทรกทันควันว่า... "ร่วมทำบุญ" ทำให้อดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ เพราะสามปีก่อนข้าพเจ้าก็เคยได้พูดประโยคนี้กับแม่ค้าขายปลา ท่านนี้
"เติมน้ำให้ด้วยนะคะ"...
เขาและเธอทั้งหลายจะได้ว่ายวนให้ตัวฉ่ำเย็นบ้างจากระยะทางห่างระหว่างตลาดกับหนองน้ำที่จะลงไปแหวกว่าย
เจ้าถิ่น
ขับรถจากตัวอำเภอไม่ถึงสิบกิโลเมตร ก็จะเจอทางแยกตรงบ้านเชียงเครือ บอกว่านี่คือ ทางลัดไปตำบลหนองเป็ด ... วิ่งรถไปประมาณแปดกิโลเมตร และจากตำบลหนองเป็ดก็ไม่ได้ห่างจากตำบลหนองหินมากนัก
สองข้างทางยังมีความเรียบง่ายอันงดงามอยู่มาก
หลายช่วงเวลาของการขับรถที่ต้องคอยชะลอให้ "เจ้าถิ่น" ทั้งหลายเดินนวยนาดไปตามเส้นทางอันเริ่มจะพลบค่ำ
ใจเย็น...เย็น ... เพราะนี่คือ ความงาม
ควันไฟจากการก่อเตรียมหุงข้าว แสงแดดอ่อนๆ ชาวนาชาวไร่เริ่มทยอยเข้าบ้าน
ข้าพเจ้าขับรถไปเรื่อยๆ ความผ่อนคลายเกิดขึ้นจากภาพแห่งความเรียบง่ายของสองข้างทาง ... ที่นี่ยังมีการทำนาปัง เพราะมีแหล่งน้ำใหญ่อยู่ไม่ไกลออกไป "กุดกะเหลิบ"... เมื่อไปนั่งริมน้ำจะรู้สึกเย็นสบายใจทุกครั้ง
เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองยโสธรมากนัก
ข้าพเจ้าลัดเลาะไปตามเส้นทางผ่านหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า และใช้ชีวิตเช่นนี้มาหลายปีพอสมควร เป็นความงามของชีวิตที่เราสามารถสร้างสรรค์และหยิบยื่นให้กับตนเองได้
ทางลูกลัง...
เป็นเส้นทางลัดตัดผ่านจากบ้านโนนอุดมมาที่หนองไคร้...อันเป็นหนองน้ำอยู่ท้ายวัดป่าหนองไคร้ คือ ที่หมายของข้าพเจ้า
"เจ้าถิ่น" อีกฝูงหนึ่งต่างพากันหลบทางให้ข้าพเจ้าด้วยความนอบน้อมเห็นแล้วก็รู้สึกเกรงใจ ได้แต่ตะโกนผ่านหน้าต่างรถออกไปว่า "ไม่เป็นไรจ้า ...ให้เขาเดินกันไปก่อนก็ได้ หนูไม่รีบ" พร้อมแลกรอยยิ้มระหว่างกันและกัน ด้วยความชุ่มชื่นในหัวใจ
หนองไคร้
เย็น...สงบใจ
ปลาในหนองน้ำนี้มีมากโข หลวงปู่เมตตาให้เป็นเขตอภัยทาน
ข้าพเจ้าปลอดปร่งใจที่จะมาปล่อยปลาและปล่อยอารมณ์ที่นี่ ยิ่งยามเย็นนั่งมองดวงอาทิตย์ให้กลมโตเคลื่อนคล้อยลงลับขอบฟ้า พร้อมฝูงนกนับพันๆ ตัวบินลงรังบริเวณป่าช้าภายในวัด
จำได้ว่าเมื่อหลายเดือนก่อน "น้ำท่วม"...หนอง "น้ำ"ขึ้นมาปริ่มๆ ริมถนน
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ละหน้าที่อันชอบด้วยการมาปล่อยปลา
วันนี้น้ำลดลงเยอะ สะท้อนให้เห็นว่าหน้าแล้งเริ่มมาเยือนแล้ว ==> ปลาหลายตัวปลดปล่อยร่องรอยไปในน้ำ ต่างดีดดิ้นลำตัวด้วยความเริงร่าอย่างดีใจ
เห็นแล้วก็มีความสุข ... เพราะนี่คือ "อิสระภาพ"
หลายตัวที่จมดิ่งลงไปในน้ำ แล้วทยานโผล่หน้าขึ้นมาทักทายอย่างรวดเร็ว
อากัปกิริยานี้ บอกว่า "ดีใจ"
ข้าพเจ้าก็ดีใจ...ที่เห็นพวกเขาดีใจ
นั่งทอดอารมณ์...สักพัก มัวเดินทางไปโน่นนี่นั่น อารมณ์เช่นนี้ห่างหายไปนานหลายเดือนพอสมควร และวันนี้ก็ได้บอกกับตนเองอีกครั้งว่า
ก็ยังคงรักธรรมชาติเบื้องหน้าที่ปรากฏนี้อยู่
เพราะภาพเบื้องหน้า ทำให้เรานั้นรู้สึกว่า "หัวใจของเรานี้นอบน้อมลงยิ่งนัก"
...
๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๕
อาจารย์หายเร็ว ๆ นะครับ
พักผ่อนมาก ๆ นะครับ
อ่านเรื่องสั้นๆ แต่ละเรื่องของ แม่ชี kapoom แล้วทำให้หัวใจนอบน้อม
โดยเฉพาะเรื่อง เจ้าถิ่น :)
ขอบคุณจ้า...อ.หมอ ป. หัวใจเริงร่าและนอบน้อม
อาจารย์ ดูขลังขึ้นนะครับ ขอเป็นกำลังใจ สาธุ
คุณเซียนโป๊ะ คงไม่ใช่เครื่องลางของขลังนะคะ 555