ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม


นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังส่งโทษกลับมาอย่างมหันต์กับสังคมและประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์ ดังนั้น จึงควรตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ได้ถือศาสตราและอาวุธออกมาทำลายล้างประเทศชาติของเราได้อีก

โบราณเคยว่าไว้ว่า "ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม"

ไฟ มิใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาด้วยตัวของมันเองโดยลำพัง

การที่จะติดไฟได้ ในอากาศนั้นจะต้อง "ออกซิเจน"

ทุก ๆ ครั้งที่เกิดไฟไหม้ตามสถานที่ต่าง ๆ เราจะพบได้ว่า "มีลมกรรโชกแรง" ในบริเวณนั้น

ดังนั้นวิธีการที่จะดับไฟได้ นอกเหนือจากการเอา "น้ำ" ไปฉีดดับไฟแล้ว เรายังสามารถที่จะป้องกัน "ลม" มิให้ช่วยพัดให้ "ไฟ" นั้นโหมกระหน่ำขึ้นมาเช่นเดียวกัน


ในสภาวะปัจจุบัน สภาพปัญหาสังคมไทยประสบกับภาวะวิกฤตต่าง ๆ มากมาย

หน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าใครก็ใคร ก็พยายามที่จะนำเข้าเข้าไปดับไฟต่าง ๆ เหล่านั้น โดยมิได้คำนึงถึงว่า เราจะกำจัดสาเหตุของไฟที่ลุกโชนเข้าถาโถมนั้นได้อย่างไร

ถ้าไม่กำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟ เราจะต้องใช้น้ำสักเท่าไหร่ถึงจะดับไฟเหล่านั้นได้

สาเหตุที่สำคัญอันหนึ่งที่การเกิดวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายอยู่ในทุกวันนี้ สาเหตุที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ "การผลิตคนเข้าไปทำงานกับชุมชน"

เมื่อเกิดภาวะวิกฤตการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมา รัฐบาลที่ทำงานโดยไม่ค่อยคิดถึงต้นเหตุของปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว ก็ได้พยายามออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อเป็นน้ำเข้าไปดับไฟ

น้ำเล็กน้ำน้อย ดับได้บ้าง ดับไม่ได้บ้าง และที่สำคัญแค่แสดงตัวว่าฉันพยายามที่จะดับแล้วนะ

แต่ในกลับกันก็ได้มีการส่งเสริมให้การผลิต "คน"

ผลิตคนออกมาจากโรงงานที่เรียกว่า "สถาบันการศึกษา" โดยเฉพาะของรัฐ และหรือภายใต้การกำดับดูแลของรัฐ

ผลิตออกมาเพื่อ (ตามหลักการ) ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของชุมชนโดยตรง ผลิตบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตที่ทำงานกับชุมชนและท้องถิ่น นั่นก็เป็นเพียงแค่หลักการที่ดูสวยหรูและงดงาม

แต่ในความเป็นจริงการผลิต "คน" เหล่านี้ออกมานั้น เป็นการทำร้าย ทำบาปและทำกรรมกับชุมชนมากยิ่งขึ้น เพราะเขาสามารถเข้าไปทำร้ายกันแบบตัวต่อตัว แบบเคาะประตูบ้าน

"อยู่ตรงนั้นเดี๋ยวฉันจะเข้าไปฆ่าคุณเอง "

โดยใช้ชื่ออันสวยหรูและงดงามว่า "นักพัฒนา" หรือ "นักวิจัยท้องถิ่น" หรือ "นักวิจัยชุมชน" หรือ "นักวิจัยเชิงคุณภาพ" ก็สุดแล้วแต่ว่าจะเรียก

นับตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นของการผลิตที่เรียกว่า "แค่คิดผลิตก็ผิดแล้ว" ก็คือสอนเทคนิคต่าง ๆ ความรู้แบบต่างทางตะวันตก และที่สำคัญใช้แบบวัดความรู้และแบบประเมินต่าง ๆ ตามทฤษฎีทางตะวันตก แค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะจะนำทฤษฎีที่เรียกว่า methodology แบบนี้ไปใช้กับชุมชนน่ะเหรอ ประเทศเราเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รู้สึกอีกเหรอครับ

เหมือนกับที่ อ.อภิชัย เคยกล่าวไว้ในห้องเรียนว่า

รู้แล้วไม่ทำก็.......... 

นั่นน่ะสิครับ ถ้ารู้แล้วยังไม่ทำ ก็เสียแรงเปล่า เสียเงินเปล่า เสียงบประมาณภาษีของพี่น้องประชาชนไปเปล่า ๆ ครับ

นอกเหนือจากเป็นความผิดของโรงงานแล้ว ก็ยังเป็นความคิดของคนที่จะเข้าสู่การผลิตนั้นอีกด้วย

"ปัญหาคน แก้ที่คน"

ปัญหาคนเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด เพราะคนเป็นต้นเหตุของปัญหา

ถ้าคนไม่มีปัญญา เข้ามาศึกษาก็ไร้ความหมาย

คนที่ไม่มีปัญญานั้น เมื่อมีความทะเยอทะยาน อาจจะด้วยเพราะอยากได้ตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น อยากมีอำนาจในการที่ได้ชื่อว่าเรียนจบสูงและทำงานกับชุมชนได้มากขึ้น เป็นบุคคลที่ในลำดับแรกก็มิสมควรได้รับการเป็นผู้เรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่า

เพราะเขาเหล่านั้น ไม่รู้จักการรับผิดชอบภาระหน้าที่หลักของตนเอง

ในปัจจุบันสังคมของเรานั้นเป็นสังคมฐานความรู้ที่เข้ารู้ยุค Knowledge Explosion หรือที่เรียกง่าย ๆ ความรู้ที่กำลังระเบิด และระเบิดออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด

เพราะฉะนั้น คนที่มีใจเป็นผู้เรียนรู้จริง ๆ มิต้องเข้ามาเรียนตามระบบให้เสียงานหลักก็ได้

แค่เพียงค้นหาหนังสือ ค้นหาสิ่งต่าง ๆ ใน Internet สิ่งเหล่านี้ก็มีค่ายิ่งกว่าการศึกษาในหลักสูตรใด ๆ หลายเท่านั้น

นอกเหนือจากมิใช่ผู้ที่จะเรียนรู้แล้ว ยังละทิ้งภาระหน้าที่งานหลักของตนเอง ลาหน่วยงาน ลาราชการ เพื่อมาศึกษาต่อ

มิได้ทำงานหลักของตนเอง แต่ได้รับเงินเดือนเต็มอยู่ทุก ๆ เดือน ( อื่ม.... เอาเปรียบพี่น้องชาวไทยจริง ๆ แล้วยังจะมีหน้าบอกว่ามาเรียนแล้วจะกลับไปช่วยชุมชน)

ชุมชนก็คงบอกว่า คุณเอาเวลากลับมาทำงานให้คุ้มกับเงินที่ได้รับตามหน้าที่ของคุณก่อน คุณกลับมาสอนลูกชั้นให้ดีก่อนแล้วกัน แล้วคุณค่อยคิดเรื่องอื่น

โดยเฉพาะในปัจจุบันที่สังคมกำลังอ่อนแอ บุคลากรทางการศึกษามีจำนวนไม่มากน้อย และบุคลากรบางคนบางส่วนก็ไม่ได้เอาใจลูกศิษย์อย่างพอเพียง ไม่ได้เอาใจไปให้ลูกศิษย์

ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้สอน ไม่ได้เอาใจใส่ลูกศิษย์ แต่อยากทำงานให้กับชุมชน

เอ่ ตกลงอยู่พัฒนาชุมชนหรือเป็นคนสอนหนังสือกันแน่ (กลับไปนอนคิดถึงหน้าที่ตนเองดูดี ๆ ก่อนนะ)

"เราต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม"

เราต้องตัดลมที่จะไปโหมกระหน่ำ ไฟแห่งปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับคนในชุมชน

ทั้งในส่วนของการไม่รับผิดชอบหน้าที่หลักของตนเองก็คือการสอนหนังสือ

และตัดไฟในเรื่องของการเข้าไปสอนชุมชน นำความคิดที่เหมือนว่าจะดีจะงามจากการเรียนทฤษฎีทางตะวันตกเข้าไปทำให้ชุมชนไขว่เขว ขาดความมั่นใจ และปฏิเสธสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในชุมชน

เพราะถ้าเราไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ยังส่งเสริมให้คนต่าง ๆ เหล่านี้มีโอกาสละทิ้งหน้าที่การงานของตนเอง มาศึกษาเพื่อหาปริญญาและศาสตราในการเข้าไปประหัตประหารชุมชนแบบไม่มีวันจบสิ้นแล้วล่ะก็

นอกเหนือจากบาปกรรมที่พี่น้องในชุมชนจะได้รับโดยตรงแล้ว บาปกรรมอาจจะส่งผลถึงผู้ที่ให้ปัจจัยในการศึกษาต่อ  ก็เพราะผู้ให้คนนั้นเหมือนเป็นคนให้เงินในการ "ผลิตคนเพื่อไปฆ่าคน"

และที่สำคัญ ถ้าคนที่ผลิตออกไปนั้นมีตำแหน่งหน้าที่ในการผลิตคนต่อ ๆ กันไปอีกแล้วล่ะก็

ประเทศชาติเราวินาศแน่ ๆ เลยครับ

ดังนั้น "การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม" จึงเป็นการตัดวงจรอันเลวร้ายของคนเหล่านี้มิให้ออกไปทำร้ายชุมชนได้ดีอย่างยิ่ง


คนบางคนหรือบางกลุ่มที่ผมได้กล่าวถึงนั้นเป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่เป็นเหมือนเหลือบเกาะกินภาษีประเทศชาติไปวัน ๆ  โดยมิใช่คนที่กำลังศึกษาต่อทุก ๆ คน เพราะคนที่กำลังศึกษาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีปัญญา โดยเฉพาะปัญญาในการเรียนรู้  ซึ่งถ้าเรียนไปก็เป็นการเสียเงินภาษีของพี่น้องประชาชนโดยเปล่าประโยชน์

นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังส่งโทษกลับมาอย่างมหันต์กับสังคมและประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์

"การตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม" เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ได้ถือศาสตราและอาวุธที่เรียกว่า "ใบปริญญา" ออกมาทำลายล้างประเทศชาติของเราได้อีกต่อไป


ขอแสดงความยินดีกับประเทศชาติ

ที่จะมีโอกาสมากขึ้นในการกลับมาเจริญขึ้นด้วยเหตุดังกล่าว (ตัดไฟเสียแต่ต้นลม)

ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ

กบฏทางวิชาการ

 

 

หมายเลขบันทึก: 48018เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2006 18:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

 No No No อารมณ์เสียนะเนี่ย.... come down หายใจยาวๆ ลึกๆ

  • อ่านบันทึกแล้วรู้สึกว่าจะไม่ใช่อารมณ์เสียธรรมดาเสียด้วยสิ ต้องเรียกว่า หัวฟัดหัวเวียงเลยเชียวแหละ....
  • ป้าว่าต้นเหตุแห่งปัญหามันเกิดจากคน คนที่ขาดจิตสำนึก ขาดจิตวิญญาณ ในการทำหน้าที่ ที่ตนต้องรับผิดชอบ ถ้าทุกคนปฎิบัติตามหน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบให้ถูกต้องและดีที่สุด สังคมก็จะเกิดแต่สิ่งดีงามและไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ
  • ปัญหาเช่นนี้มันหมักหมมมานาน และแทรกซึมอยู่ทุกองค์กรนั่นแหละ นานจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมแฝงขององค์กรไปแล้ว
  • ป้าว่าอาจารย์ ก็สามารถสร้างศาสตราและอาวุธให้วงการศึกษาได้ด้วยการผลิตต้นกล้าแห่งวงการศึกษา ให้เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่มีคุณภาพมีจิตสำนึกและจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้ให้การศึกษาที่ดี
  • สร้างให้เขาเป็นผู้ที่มีพลังแห่งความศรัทธาในความถูกต้อง ความดี และสิ่งที่ทำ เหมือนที่อาจารย์เป็น.....
  • มันอาจจะไม่เห็นผลในเร็ววันนี้ แต่ป้าเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นและแรงแห่งศรัทธาที่อาจารย์มี สิ่งมหัศจรรย์ต้องเกิดขึ้น
  • 55555 รูปน่ารักจังเลยครับป้าบวม ถ้าอย่างไรก็ไรท์ส่งมาให้บ้างก็จะเป็นการกรุณาอย่างสูงครับ
  • "ความโกรธมีประโยชน์มากกว่าความสิ้นหวังครับ"
  • กว่าจะได้อารมณ์นั้นมา Build ตั้งนาน กว่าจะได้พลังที่ขับดันออกมาพูดออกมาสู้ เก็บไว้เสียนานครับ เก็บไว้จนเกือบผลเสียต่อส่วนรวม
  • อารมณ์นั้นผมจะคมครับ โดยเฉพาะฝีปากครับ
  • สิ้นหวังมาเสียหลายวัน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ใครจะทำอะไรก็ช่างหัวเขาครับ แต่ประเทศเรากำลังแย่ครับ ช่างหัวเขาและประเทศเราแย่ก็ไม่ไหวครับ
  • ถ้าป้าบวมเห็นชุมชนจากฝีมือพวกเขาที่ลงไปทำงานและมองเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของพวกเขา ท่านทั้งสองก็คงจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงเหมือนผมเนี่ยแหละครับ
  • ที่ผมโกรธไม่ได้โกรธเพราะเขากับผมนะครับ โกรธเพราะสิ่งที่พวกเขาจะลงไปทำมันอภิมหาโปรเจคสร้างบาปกับชุมชนเลยครับ เป็นสร้างแบบ Infinity อีกต่างหากครับ อันนี้ทำให้โกรธสุด ๆ ครับ
  • ให้เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่มีคุณภาพมีจิตสำนึกและจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้ให้การศึกษาที่ดี
  • ประโยคนี้สุดยอดมาก ๆ เลยครับ ขอยืมไปใช้หน่อยนะครับ
  • ป้าบวมและท่านmoomi มาได้จังหวะพอดีเลยครับ
  • ถ้าพวกเขาเข้ามาอ่าน แล้วเขาก็จะรู้สึกตัวเองครับ และผมหวังว่าเขาจะมีจิตสำนักมากขึ้นตามที่ป้าบวมและที่ท่านmoomi หวังครับ
  • ขอพลังแห่งความเพียรและความพยายามของพวกเราช่วยไปกระตุ้นจิตสำนึกของเขาเหล่านั้นบ้างถึงไม่มากแต่ขอแค่สักนิดก็ยังดีครับ

 

  • การตัดไฟเสียแต่ต้นลมเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
  • อย่าBuild อารมณ์แบบนี้บ่อยนะเดี๋ยวจะชราภาพเร็วกว่าอายุจริง
  • เรามาช่วยกันสร้างระบบป้องกันและปราบปรามดีมั๊ย ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่คงดัดยากตามที่โบราณกล่าวไว้ ........Hi...ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...
  • ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณ kead
  • สำหรับเรื่องชราภาพเร็วกว่าอายุจริง อันนั้นไม่ทันแล้วครับ เพราะตอนนี้หน้าตากระชากไวไปแล้วครับ
  • ดีครับ สำหรับการสร้างระบบป้องกันและปราบปราม คุณkead มีเทคนิคดี ๆ แนะนำไหมครับถ้ามีก็ช่วยแบ่งปันจะได้นำไปใช้บ้างครับ
  • ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
  • ขอพลังแห่งความรู้และปัญญาสถิตกับท่านตลอดไปครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท