การประเมินโครงการ ( Program Evaluation)
คือ กระบวนการเรียนรู้ที่ทำเพื่อพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงโครงการให้ดีขึ้น โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการมีการเรียนรู้ร่วมกันและแลกเปลี่ยนแนวคิด ซึ่งการประเมินโครงการต้องทำทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การวางแผน การตั้งวัตถุประสงค์ การดำเนินตามโครงการ ติดตามควบคุมและประเมินผลหลังสิ้นสุดโครงการ มักมีความเข้าใจผิดว่าการประเมินโครงการทำเมื่อสิ้นสุดโครงการเท่านั้น
การประเมินโครงการ อาจจะใช้หลัก CIPP Model ได้แก่
C : Content Evaluation ควรทำความเข้าใจในเบื้องต้นว่าสถานการณ์เกี่ยวข้องกับอะไร ปัญหาคืออะไรและสาเหตุของปัญหาคืออะไร การแก้ปัญหา ควรมีวิธีลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา เพิ่มปัจจัยปกป้อง ตัวอย่างเช่น ยุทธศาสตร์ของกรมสุขภาพจิต 3 ด้าน เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย ประกอบด้วย การสร้างความตระหนักให้คนในสังคมรับรู้มีนโยบายสนับสนุน การพัฒนาระบบเครือข่ายเฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย และการพัฒนาองค์ความรู้ที่ต่อเนื่อง
I: Input Evaluation เป็นกิจกรรมที่ควรพิจารณาในเรื่องของ งบประมาณ บุคลากร ซึ่งโครงการจะได้ประโยชน์มากหากมีเป้าหมายที่คนกลุ่มใหญ่ การประเมินในระยะนี้จะต้องเก็บข้อมูลด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยวัดผลระยะสั้น ระยะยาว รวบรวมข้อมูลและสร้างกรอบแนวคิด (Logic Model )
P:Process Evaluation เป็นกิจกรรมที่ค้นหาความผิดพลาดขณะดำเนินโครงการ
P:Product Evaluation เป็นกิจกรรมที่ประเมินผลหลังโครงการ รวมถึงการพิจารณาดำเนินโครงการต่อหรือหยุดโครงการนั้นไป
การประเมินผลและบริหารโครงการ
การประเมินผลและบริหารโครงการจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธะกิจของแต่ละหน่วยงาน ครอบคลุม 4 มิติเชื่อมโยงอย่างสมดุล เรียกว่า Balance Score card หรือ 4 E ได้แก่
E:Economic เป็นมุมมองด้านการเงิน
E:Efficient เป็นมุมมองด้านประสิทธิภาพ ประเมินจากความพึงพอใจในบริการ ภาพลักษณ์ของหน่วยงาน
E:Effectiveness เป็นมุมมองด้านประสิทธิผล ประสิทธิผลตามพันธะกิจ เพิ่มผลสำเร็จของงาน เช่น การลดอัตราป่วยหรือลดอัตราตาย
E:Evolution เป็นมุมมองด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในหน่วยงาน ความพึงพอใจของบุคคลในหน่วยงาน
สิ่งที่อยากทำ
มีตัวอย่างของการจัดการระบบสุขภาพในต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ มี Nation Health Service (NHS) ซึ่งรัฐเข้ามาจัดการในระบบสุขภาพของประเทศโดยตรง คนอังกฤษจะต้องจ่ายภาษีแพงมาก การพบแพทย์จะต้องพบแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวก่อนจะพบแพทย์เฉพาะทาง เป็นบริการของระบบสุขภาพที่รัฐมีบทบาทมาก ในประเทศญี่ปุ่น มีระบบประกันสุขภาพ ราคาบริการทางการแพทย์เท่ากันทั่วประเทศ สามารถพบแพทย์เฉพาะทางได้เลย ไม่ต้องรอคิวนาน คนญี่ปุ่นจะชื่นชอบและพึงพอใจการจัดการระบบสุขภาพนี้มาก แม้จะพบว่าโรงพยาบาลกว่าครึ่งในประเทศมีภาวะขาดทุน ในเยอรมันมีการจัดการระบบสุขภาพคุ้มครองทุกด้านครอบคลุมด้านทันตกรรม และสุขภาพจิต มีกองทุนความเจ็บป่วย มีระบบคนรวยจ่ายช่วยคนจน เป็นระบบเกื้อกูลที่ดีมาก ข้อเสียคือ แพทย์จะได้รับเงินเดือนน้อย และในไต้หวันมีการนำรูปแบบจัดการระบบสุขภาพจากประเทศต่างๆมาปรับใช้ ซึ่งพบว่าชาวไต้หวันทุกคนมี Smart card เพื่อบันทึกข้อมูลการเจ็บป่วยของแต่ละคน
ในประเทศไทยของเรามีการจัดการระบบสุขภาพหลายๆรูปแบบ สิ่งที่ผู้เขียนอยากทำคือการศึกษาในรายละเอียดเพื่อที่จะนำมาใช้ในงานด้านบริการสุขภาพต่อไป
ไม่มีความเห็น