สำหรับกรณีศึกษาที่ผมนำเสนอในครั้งที่ 2 นะครับ เป็นผู้รับบริการฝ่ายกาย ได้รับการวินิจฉัยคือ CVA (Basal ganglion hemorrhage) ซึ้งหลังจากการประเมินพบปัญหาดังนี้ครับ
ซึ่งในการนำเสนอครั้งนี้ผมได้หยิบยกเพียงแค่ปัญหาเรื่องการ "ขาดแรงจูงใจ" (Low motivation) เท่านั้น เพราะปัญหาด้านอื่นๆนั้นเพื่อนๆหลายคนได้นำเสนอไปแล้วในกรณีศึกษาของตนซึ่งมีความคล้ายคลึงการในการให้กิจกรรมการรักษา
สำหรับปัญหาในเรื่องการขาดแรงจูงใจนั้นผมมองว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าบุคคลได้ไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีสิ่งกระตุ้นหรือความอยากให้ทำอะไร ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่บุคคลนั้นจะอยู่อย่างไร้ค่า ไม่สนใจการทำกิจกรรมใดๆ และเป็นธรรมดาครับที่ผู้ป่วยในระยะแรกอาจมีความเครียด หรือทำใจไม่ได้กับอาการป่วยของตน จนทำให่ขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ เช่นเดียวกับกรณีศึกษาของผม ผมจึงเลือกความสำคัญของปัญหาดังกล่าวมานำเสนอ โดยได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Evidence base support ด้วยกัน 2 เรื่อง ดังนี้ครับ
เรื่องที่ 1
Meaning of Context in Recapturing Self-CareAfter Stroke or Spinal Cord Injury เนื้อหาในเรื่องนี้จะกล่าวถึงบริบทที่สำคัญในการที่จะกระตุ้นให้ผู้ป่วย Stroke และ SCI ให้ความสำคัญและสนใจในการทำกิจกรรมการดูแลตนเอง ดังนี้ครับ
เรื่องที่ 2
The Concept of Patient Motivation A Qualitative Analysis of Stroke Professionals’ Attitudes
เนื้อหาในเรื่องนี้จะกล่าวถึงวิธีในการสร้างแรงจูงใจให้ผู้รับบริการ ดังนี้ครับ
นอกจากนนี้ในตอนท้ายของการนำเสนอครั้งนี้ อ.ดร.ป๊อปยังแนะนำบทบาทของนักกิจกรรมบำบัด ในการช่วมเพิ่มแรงจูงใจในผู้รับบริการดังนี้ครับ
จะเห็นได้ว่าข้อมูลจากการศึกษา Evidence base support นั้นในบางเรื่องผมเชื่อว่าหลายท่านคงเคยใช้ในการกระตุ้นให้ผู้รับบริการมีแรงจูงใจในการทำกิจกรรมมาบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ดีผมคิดว่านี่คงไม่ใช่สูตรสำเร็จ เราคงต้องปรับวิธีการสร้างแรงจูงใจให้เหมาะสมกับผู้รับบริการแต่ละราย เพื่อส่งเสริมในการเพิ่มทักษะความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างดีที่สุด
ท้ายสุดขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังท้อแท้ หรือขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ ขอให้ทุกท่านสู้ๆนะครับ ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก แต่อยู่ที่ว่าเราจะก้าวออกไปเองหรือไม่.......
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ เจอกันใหม่บันทึกหน้า สวัสดีครับ
กีรติ กีร์รักทุกคน......
ไม่มีความเห็น