Topic: 1. Civil society organization (CSO) and Health
2. Community participation in health development
3. Human resource management
4. Financial management in health care
วันที่ 21-22 มกราคม 2555
ผู้บรรยาย : ผศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์
สิ่งที่ได้เรียนรู้
การพัฒนาระบบสุขภาพ องค์กรที่ไม่ใช่ภาครัฐ หรือภาคธุรกิจ จะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในการเป็นแปลงหรือการพัฒนาระบบสุขภาพ เช่น การรวมตัวกันของกลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV เพื่อเรียกร้องสิทธ์การเข้าถึงยาต้านไวรัส จนถูกนำมากำหนดในชุมสิทธิประโยชน์การรักษา การกลุ่มผู้ป่วยโรคเดียวกัน เช่นกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อโรคยาศาล วัดคำประมง จนเกิดเป็นจิตอาสา และนำมาประยุกตืใช้ในกับกลุ่มผู้ป่วยโรคต่างๆทั้งในโรงพยาบาลและในชุมชน
บางสิ่งที่สังคมรับรู้ว่า เป็นสิ่งให้โทษกับสุขภาพ และสังคม ในอีกมุมนึงกลับเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล เช่น กัญชา สังคมรับรู้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่มีงานวิจัยว่าแท้ที่จริงเมื่อนำมาสกัดเป็นยารักษาโรค สามารถรักษาโรคที่ยาในแผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาให้หายได้ เช่น มะเร็งผิวหนัง เบาหวาน ไมเกรน หอบหืด เป็นต้น แต่เนื่องจากถ้ามีการนำมาใช้ อาจทำให้บางกลุ่มเสียผลประโยชน์ จึงมีการสร้างกระแสผ่านสื่อต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ ให้สังคมเห็นว่ากัญชาเป็นสิ่งไม่ดี ผิดกฎหมาย ในสังคมจึงยังไม่ได้นำมาใช้ในการรักษาโรค โดยเฉพาะในประเทศไทย
การพัฒนาระบบสุขภาพยังมีเรื่องของการบริหารจัดการด้านการเงิน และการบริหารทรัพยากรบุคคล เข้ามาเกี่ยวข้อง หน่วยบริการจะต้องรู้ทันสถานการณ์ รู้องค์ประกอบที่สำคัญ ยึดวิสัยทัศน์พันธักิจ กลยุทธ์ นโยบาย คิดให้ครบรอบด้าน รู้วิธีวัดสถานะ และการบริหารความเสี่ยง เช่น กรณีผ่าตัดตาต้อกระจก ที่ รพศ.ขอนแก่น แล้วเกิดการติดเชื้อจนตาบอด นอกจากจะมีการจ่ายค่าชดเชย ตาม ม.41 ให้กับผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแล้ว โรงพยาบาลก็ยอมที่จะใช้เงินของโรงพยาบาลเองสมทบจ่ายเพิ่มให้ รวมทั้งจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ป่วยสิทธิอื่นด้วย และมีการไกล่เกลี่ยโดยผู้อำนวยการเอง จนกระทั่งไกล่เกลี่ยสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเป็นกระแสมาแรงในสังคม ในที่สุดก็จัดการได้ไม่เกิดการฟ้องร้อง การบริหารทรัพยากรบุคคล เน้นการมองหาจุดแข็งในตัวบุคคล เพื่อนำมาพัฒนา ซึ่งบุคคลแต่ละคนมีศักยภาพที่แตกต่างกัน การให้แต่ละบุคคลได้ดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ จะทำให้ได้วิธีการที่ออกไปนอกกรอบเดิมๆ แบบมีเหตุและผล และได้ลงมือทำเพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อไป
ปัจจุบันหน่วยบริการมองว่าเรื่องของการบันทึกข้อมูลเป็นภาระ แต่ในขณะเดียวกันหน่วยงานผู้จ่ายเงิน มองว่าข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นที่จะนำมาวิเคราะห์สถานการณ์ด้านสุขภาพ รวมทั้งการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มากำหนดเป็นนโยบายต่อไป แต่อาจจะยังมีช่องว่างเรื่องของการคืนข้อมูลให้กับหน่วยบริการหรือ การวิเคราะห์ข้อมูลที่นำไปใช้ประโยชน์ของแต่ละพื้นที่ เป็นสิ่งที่จะต้องพัฒนาและหาทางออกร่วมกันต่อไป
สิ่งที่อยากจะทำ
เรื่องราวดีๆที่ได้ไปพบเห็น